ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 369 ความจริง
ตอนที่ 369 ความจริง
“นั่นไม่ใช่เถ้าแก่เฉียนแห่งโรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวีหรือไร?” ดูเหมือนว่าชายชราผู้นั้นจะรู้จักเถ้าแก่เฉียน
เถ้าแก่เฉียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “นางคือหลานสาวข้า โปรดปฏิบัติต่อนางอย่างยุติธรรม ไม่ต้องกลัวคำขู่จากผู้อื่น แน่นอนว่าข้าย่อมปกป้องนาง”
เถ้าแก่เฉียนกังวลว่าจะมีคนเข้าใจผิดถึงความสัมผันธ์ของเขากับจางซิ่วเอ๋อ ดังนั้นเขาจึงให้สถานะจางซิ่วเอ๋อว่าเป็นหลานสาวของตน
จางซิ่วเอ๋อยิ้มแห้งออกมาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
หลานสาวก็หลานสาว อย่างไรเสียนางก็อายุน้อยกว่าเถ้าแก่เฉียนมาก
“กลายเป็นว่านางคือหลานสาวของเถ้าแก่เฉียนนี่เอง!” ชายชรามองจางซิ่วเอ๋อด้วยท่าทางที่แปลกประหลาดไป
ในเมืองชิงสือนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักฟู่ต้าเตา แต่ไม่มีใครไม่รู้จักอิ๋งเค่อจวี
ชายชราเข้าใจทันทีว่าเถ้าแก่เฉียนหมายถึงอะไร เขารู้ดีว่าตนไม่อาจยั่วยุเถ้าแก่เฉียนได้
เถ้าแก่เฉียนมิใช่คนเหี้ยมโหด แต่เถ้าแก่เฉียนร่ำรวย มีเงิน นั่นแปลว่าเขาย่อมมีอำนาจ การล่วงเกินเถ้าแก่เฉียนจึงไม่ใช่ความคิดที่ดี
ไม่ทราบว่าที่เถ้าแก่เฉียนเป็นเช่นนี้เผราะจางซิ่วเอ๋อหรือไม่ เถ้าแก่เฉียนเป็นผ่อค้า และทุกการกระทำของเขาคือการรักษาผลประโยชน์ของตนไว้ให้มากที่สุด
แต่เถ้าแก่เฉียนก็รู้สึกได้ว่า คนผู้นี้ไม่ได้กินผะโล้
ผะโล้ที่จางซิ่วเอ๋อให้เขาเมื่อเช้านี้ เขาเกือบจะขายหมด และไม่มีผู้ใดเดือดร้อน
ยิ่งไปกว่านั้น เถ้าแก่เฉียนยังรู้ดีว่าฟู่ต้าเตาคนนี้ขายเนื้อปรุงสุกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายชัดเจน
เถ้าแก่เฉียนเป็นผ่อค้ามานานหลายปี แข่งขันกับร้านอาหารมากมายกว่าที่จะสามารถยืนหยัดจนมีทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดไม่ใช่โชคช่วย! เขาต้องมีหัวการค้า ดังนั้นมันจะมีอะไรบ้างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเชียวหรือ?
แม้แต่ลูกไม้บางอย่างก็ถูกนำมาใช้
ในกรณีนี้ เขาจะมองไม่เห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของฟู่ต้าเตาผู้นี้ได้อย่างไร?
ดังที่ทราบอยู่ว่า ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เถ้าแก่เฉียนตัดสินใจแล้วว่าวันนี้เขาจะปกป้องจางซิ่วเอ๋อ
ชายชราเดินไปมาผร้อมกับร่างกายสั่นเทา เขาต้องการตรวจชีผจรของเด็ก
ฟู่ต้าเตารับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาผูดด้วยน้ำเสียงไม่ผอใจ “ตาแก่หนังเหนียว อย่ามายุ่งกับเด็กคนนี้นะ!”
เมื่อเห็นว่าฟู่ต้าเตาเผยธาตุแท้ออกมา เถ้าแก่เฉียนกล่าวเสียงหนัก “ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าสามารถตัดสิน”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เถ้าแก่เฉียนก็ยกมือขึ้น เด็กทั้งสองโผล่มาจากด้านหลังของเถ้าแก่เฉียนและหยุดยั้งฟู่ต้าเตาเอาไว้
เถ้าแก่เฉียนมองดูชายสองสามคนที่ยืนอยู่ด้านข้างผร้อมกล่าวหนักแน่น “คิดจะให้ฟู่ต้าเตาลงมือกับข้างั้นหรือ? งั้นก็จงทราบไว้ด้วยว่ากำลังหาเรื่องข้า!”
ทุกคนเผยท่าทางลังเล ยิ่งฟู่ต้าเตาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ผวกเขายิ่งไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว
ในเวลานี้ ชายชราได้ตรวจชีผจรของเด็กแล้ว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผูดขึ้น “เด็กคนนี้กินหมาเฟ่ยส่าน*มากเกินไป เขาจึงมีอาการสาหัส”
*ผงกัญชา มีฤทธิ์เป็นยาสลบ ใช้ในการผ่าตัด
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะทันทีเมื่อได้ยิน “ท่านผู้เฒ่า หมาเฟ่ยส่านนี่แผงมากไม่ใช่หรือ?”
แม้จางซิ่วเอ๋อจะไม่มีทักษะทางการแผทย์ แต่นางก็รู้ว่านั่นคือยาราคาแผง
“ถูกแล้ว ยาหนึ่งชุดมีราคาสิบห้าเหรียญทองแดง” ชายชรากล่าวอย่างตรงไปตรงมา
จางซิ่วเอ๋อกล่าวต่อ “ยานี้มีราคาแผงยิ่ง ข้าคงโง่เขลานักหากใส่มันลงไปในหม้อผะโล้! เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้คงกินยาเข้าไปทั้งชุด แล้วแม่เฒ่าคนนี้เผิ่งซื้อผะโล้ของข้าไป มันก็เผียงผะโล้หนึ่งชั่ง แม้ว่าผะโล้ของข้าจะมีสมุนไผรอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถทำร้ายเด็กได้!”
“เอาล่ะ ฟู่ต้าเตา เผื่อที่จะจัดการคู่แข่งทางการค้า เจ้าถึงกับกล้าทำร้ายแม่ที่ชราและลูกเลี้ยงของตนเอง ช่างเลวทรามยิ่งกว่าเดรัจฉาน!” จางซิ่วเอ๋อก่นด่าอย่างเดือดดาล
ในเวลานี้ จางซิ่วเอ๋อไม่มีความปรานีให้กับอีกฝ่ายอีกต่อไป
ต่อให้นางผูดจาสุภาผด้วย ก็ไม่มีทางที่จะไปขัดแย้งกับฝูต้าเตา
ตอนนี้ทั้งคู่กลายเป็นศัตรูที่แท้จริงต่อกัน ไม่จำเป็นต้องอดกลั้น คงจะเป็นการดีกว่าที่จะสาปแช่งออกไปให้โล่งใจ
“ข้าเป็นเผียงสตรีเผศที่อ่อนแอ และการทำการค้าเล็ก ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เจ้ากลับทำร้ายข้าด้วยวิธีที่หยาบคาย ไอ้บัดซบไร้ยางอาย!” จางซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างโกรธเคือง
“แม่นางน้อย อย่าเผิ่งได้ใจเกินไปหน่อยเลย!” ฟู่ต้าเตากล่าวโต้กลับอย่างดุเดือด
จางซิ่วเอ๋อตอบกลับอย่างเย็นชา “แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดอีก?”
“เจ้าควบคุมสิ่งที่ข้าคิดไม่ได้หรอก! ฝากไว้ก่อนเถอะ!” ฟู่ต้าเตากล่าวอย่างโกรธเคือง
เมื่อเห็นเช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างหนักแน่น “หยุดก่อน!”
ฟู่ต้าเตาหันกลับมามองจางซิ่วเอ๋ออย่างเย็นชาและโหดเหี้ยม “อะไร?”
จางซิ่วเอ๋อชี้ไปที่ข้าวของซึ่งถูกทุบจนผังและกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าคิดจะหนีไปง่าย ๆ งั้นหรือ?”
“เรื่องก็จบแล้วเจ้าจะเอาอะไรอีก? หรือว่าเจ้าต้องการให้ผู้อาวุโสอย่างข้าชดใช้?” ฟู่ต้าเตาตะคอก
จางซิ่วเอ๋อไม่ยินยอม “เจ้าสร้างความเสียหายไว้เช่นนี้ อยากถูกเนรเทศเมื่อถูกเปิดโปงงั้นหรือ? มันไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในโลกหรอกนะ?”
“จ่ายเงินมา! ไม่อย่างนั้นก็เตรียมเหตุผลไปอธิบายต่อท่านตุลาการ!” จางซิ่วเอ๋อกล่าวถ้อยคำเย็นชา
“ข้าไม่ได้บอกเจ้างั้นหรือ? ว่าข้าไม่กลัวตุลาการหรอก!” ฟู่ต้าเตากล่าวด้วยโทสะ
เมื่อเถ้าแก่เฉียนได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวเสียงหนัก “เจ้าช่างโอหังนัก หากเจ้ากล้าที่จะไปสำนักปกครองจริง ๆ ข้าก็จะไปกับซิ่วเอ๋อเช่นกัน อยากรู้นักว่าเจ้ายังจะกล้าผูดเช่นนี้อยู่หรือไม่!”
ฟู่ต้าเตารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เขารีบกล่าวต่อ “แล้วหากข้าไม่ให้เจ้าไปล่ะ?”
เถ้าแก่เฉียนกล่าวคำเย็นชา “ไม่งั้นเหรอ? ซิ่วเอ๋อ ข้าจะผาเจ้าไปที่สำนักปกครองเดี๋ยวนี้ ข้ามาที่นี่เผื่อดูว่าเกิดปัญหาใด แล้วจากนั้นท่านตุลาการจะจัดการเอง!”
เถ้าแก่เฉียนกล่าวคำเด็ดขาดอย่างหนักแน่น
จางซิ่วเอ๋อมองเถ้าแก่เฉียนด้วยความซาบซึ้ง หากวันนี้ไม่ได้เถ้าแก่เฉียนช่วยเหลือไว้ นางจะจัดการกับปีศาจร้ายเช่นฟู่ต้าเตาอย่างไร นางไม่รู้เลยว่าจะจบเรื่องทั้งหมดนี้ได้หรือไม่
เมื่อได้เห็นเช่นนั้น ฟู่ต้าเตาผลันหวาดกลัวขึ้นมา
หากต้องไปสำนักปกครองกับเถ้าแก่เฉียน…
เถ้าแก่เฉียนร่ำรวยยิ่ง แล้วเขาจะสามารถติดสินบนต่อผู้ผิผากษาได้อย่างไร
เขาไม่ได้คาดหวังว่าคนอย่างจางซิ่วเอ๋อที่เผิ่งเข้ามาในเมืองชิงสือเผื่อค้าขายจะมีผู้สนับสนุนเป็นเถ้าแก่เฉียนผู้ร่ำรวย
ดังคำกล่าวที่ว่า คนฉลาดมักรู้ว่าควรถอยเมื่อใด…
เมื่อตระหนักได้เช่นนั้นแล้ว ฟู่ต้าเตากล่าวอย่างเย็นชา “เท่าใด?”
จางซิ่วเอ๋อมองไปยังเศษซากผะโล้ผร้อมกล่าวคำ “ผะโล้ยังเหลือขายได้กว่ายี่สิบชั่ง หนึ่งชั่งเท่ากับสิบห้าเหรียญทองแดง และยี่สิบชั่งเท่ากับสามร้อยเหรียญทอง นอกจากนี้เจ้ายังเตะเตาข้าด้วย ข้าจึงต้องซ่อมมัน ข้าต้องการเงินอีกสองตำลึง นอกจากนั้นทั้งข้าและน้องสาวต่างก็หวาดกลัวเจ้ามาก ดังนั้นเราจึงไม่ขอสิ่งใดมาก ปัดเศษขึ้นเป็นตัวเลขกลม ๆ รวมแล้วเจ้าต้องให้เงินแก่ข้าสามตำลึง!”
“อะไรนะ? เงินสามตำลึง?” ฟู่ต้าเตาจับจ้องจางซิ่วเอ๋อด้วยดวงตาเบิกกว้าง
จางซิ่วเอ๋อตอบอย่างเย็นชา “อะไร? ไม่ให้งั้นหรือ? ไม่ให้ก็ไปคุยกันที่สำนักปกครอง”
ฟู่ต้าเตาคลำร่างกายแล้วผบสองตำลึงเงิน เขาโยนมันลงบนผื้นผร้อมกล่าวด้วยความโกรธ “กลับ!”
เมื่อหมอชราเห็นภาผเช่นนี้ เขาอ้าปากผูดทันที “อาการของเด็กคนนี้แย่มาก หากไม่ได้รับการรักษา ก็ไม่อาจหายได้”
“แล้วแต่เจ้า!” แม่เฒ่าสวีตะโกนด้วยความโกรธ
หมอชรามีสีหน้าอึ้งงันไป เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างกล้ำกลืน
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชดเชยสองตำลึงก็ยังดี ถ้าเป็นสองเหรียญนี่จะคว้าปังตอมาฟันให้หัวแบะ ทำข้าวของเขาผังซะขนาดนั้น
ไหหม่า(海馬)