ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 370 แอบอ้าง
ตอนที่ 370 แอบอ้าง
จางซิ่วเอ๋อเดินหยิบเหรียญทองแดงออกมา 3 เหรียญแล้วส่งให้ท่านหมอชรา “ท่านผู้เฒ่า ขอโทษที่รบกวนท่าน เงินเท่านี้เพียงพอสำหรับการตรวจดูอาการหรือไม่เจ้าคะ?”
เดิมทีชายชราคิดว่าหลังจากครอบครัวนั้นจากไปแล้ว คงไม่มีผู้ใดมอบค่ารักษาให้กับตน ทันทีที่ได้เห็นดังนี้ เขาก็พลันตาโต
และจางซิ่วเอ๋อให้มากกว่าที่เขาคาดคิด
ชายชราตอบกลับทันที “พอแล้ว พอแล้ว”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวขอโทษชายชราอีกครั้ง “รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ”
ชายชรามองจางซิ่วเอ๋อด้วยความพอใจ “แม่นาง เจ้ามีพระคุณต่อข้าผู้ชราแล้ว หากภายหน้าต้องการสิ่งใด ก็มาพบข้าได้นะ”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะส่งชายชรากลับไป
จากนั้นนางก็มองไปที่เถ้าแก่เฉียนด้วยความประหม่า “ครั้งนี้ข้าต้องรบกวนท่านแล้ว”
เถ้าแก่เฉียนตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เถ้าแก่เฉียนจึงพูดต่อ “เอ้อเป่า พวกเจ้าช่วยแม่นางซิ่วเอ๋อเก็บข้าวของ สิ่งใดทิ้งได้ก็ทิ้ง สิ่งใดซ่อมได้ก็ซ่อม”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย “ให้พวกข้าจัดการเองเถิด”
เถ้าแก่เฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีลูกมือเพียงพอ ปล่อยให้พวกเขาจัดการเถอะ จากนั้นเจ้าก็เพียงให้เงินตามใจเจ้า”
เถ้าแก่เฉียนรู้ดีว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ใช่คนชอบเอาเปรียบผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงเข้าใจอย่างชัดเจน
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า หากมีคนมาช่วยแบ่งเบาบ้าง นางก็คงจะเบาใจลงได้
เถ้าแก่เฉียนกล่าวอีกครั้ง “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ไปนั่งพักที่โรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวีกันเถอะ”
เถ้าแก่เฉียนเพิ่งช่วยเหลือนางเมื่อครู่ และตอนนี้นางก็ผ่อนคลายลงแล้ว แน่นอนว่าจางซิ่วเอ๋อไม่คิดปฏิเสธ นางจึงตอบรับคำ “เจ้าค่ะ”
เมื่อพวกเขามาถึงโรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวี เถ้าแก่เฉียนจึงขอให้ใครสักคนนำชาและขนมมาให้สองพี่น้อง หลังจากกินกันเสร็จสรรพ จึงกล่าวถามอย่างห่วงใย “พวกเจ้าไม่กลัวหรือไร?”
จางชุนเถากล่าวเสียงแผ่ว “ถึงจะเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นไร มีพี่หญิงใหญ่อยู่ด้วย ข้าจึงไม่กลัวอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่เฉียนมองจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาอย่างอ่อนโยน แม้จะมีความสัมพันธ์เป็นเพียงคู่ค้า แต่เขาก็มีอายุมากพอที่จะเป็นผู้อาวุโสของทั้งสองได้ เมื่อเห็นว่าแม่นางน้อยทั้งคู่ทำงานอย่างหนัก เขาก็อดไม่ได้ที่จะลำบากใจ
“ไม่ต้องกังวล หากในภายภาคหน้าคนผู้นั้นกล้ากลับมารบกวนพวกเจ้าอีก เพียงบอกข้า” เถ้าแก่เฉียนกล่าวคำพร้อมตบหน้าอกตนเอง
จางซิ่วเอ๋อกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณเถ้าแก่เฉียนแล้ว”
“หากไม่ว่าอะไร ก็เรียกข้าเป็นท่านลุงเฉียนเถิด เถ้าแก่อะไรจำเป็นที่ไหนกัน” เถ้าแก่เฉียนกล่าวพร้อมโบกมือ
จางซิ่วเอ๋อนึกถึงคำที่เถ้าแก่เฉียนกล่าวต่อหน้าคนอื่นว่านางคือหลานสาวของเขา เช่นนั้นหัวใจพลันอบอุ่นขึ้น นางจึงเอ่ยขึ้น “ท่านลุงเฉียน”
หลังจากเหตุการณ์นี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจางซิ่วเอ๋อและเถ้าแก่เฉียนก็ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ความสัมพันธ์เพียงคู่ค้ากันอีกต่อไป
ทั้งสองพี่น้องกินขนมและดื่มชากันที่นี่
หลังจากรอให้เสี่ยวเอ้อขนของกลับมาเสร็จสิ้น จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาจึงกล่าวคำลา
ใครจะรู้ว่าเกวียนลาของจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาจะถูกขวางเอาไว้หลังจากที่พวกนางออกจากเมือง
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วและมองชายที่อยู่ตรงหน้าของตน “ฟู่ต้าเตา เจ้ายังไม่เข็ดหลาบอีกหรือ? เจ้าจำไม่ได้หรือไรว่าเกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้เจ้ายังคิดรบกวนข้าอยู่งั้นหรือ?”
ด้านข้างของฟู่ต้าเตามีชายคนหนึ่งปากแหลมแก้มลิง ชายคนนั้นจับจ้องจางซิ่วเอ๋อและพูดว่า “สตรีผู้นี้หรือที่บอกว่าเป็นหลานสาวของเถ้าแก่ที่โรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวี?”
ฟู่ต้าเตายิ้มพร้อมพูดว่า “พี่เขย ย่อมเป็นนาง!”
จางซิ่วเอ๋อมองดูชายคนนั้น เสื้อผ้าของเขาทำจากวัสดุที่ยอดเยี่ยม และในพริบตาเดียว นางก็รับรู้ได้ว่ามันไม่ใส่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะมีได้
ฟู่ต้าเตากำลังมองหาคนที่จะสนับสนุนเขาได้
“ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าอย่าได้คิดว่าเจ้ามีเถ้าแก่ร่ำรวยคอยช่วยเหลือแล้วข้าจะเกรงกลัวเจ้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่อยู่ข้างข้าคือผู้ใด?” ฟู่ต้าเตาตะคอกเสียงดัง
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมอง “แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นใคร? หรือว่าเขาเป็นบิดาของเจ้ากัน? เจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้ เลยวิ่งกลับบ้านไปฟ้องบิดางั้นหรือ?”
คำพูดของจางซิ่วเอ๋อหยาบคายไม่น้อย แต่นางกลับรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องสุภาพกับคนเช่นนี้
ใบหน้าของฟู่ต้าเตามืดครึ้มทันที “เจ้าพูดอะไรออกมา! นี่คือพี่เขยของข้า! ไม่ใช่บิดา!”
“ที่เจ้ารีบมาอธิบายเช่นนี้ เพราะรู้สึกผิดต่อข้าขึ้นมาแล้วหรือ?” จางซิ่วเอ๋อถามกลับ
“ข้าจะบอกเจ้า! ว่าพี่เขยของข้าคือคนจากตระกูลเนี่ย! เจ้ารู้จักตระกูลเนี่ยหรือไม่? ตระกูลเนี่ยคือตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในสิบลี้แปดหมู่บ้าน! ต่อให้เถ้าแก่เฉียนแห่งโรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวีจะยอดเยี่ยม แต่เขาก็ต้องเกรงกลัวต่อตระกูลเนี่ย!” ฟู่ต้าเตาเน้นย้ำคำว่าตระกูลเนี่ย เขากล่าวมันออกมาอย่างภาคภูมิใจ
จางซิ่วเอ๋อตกตะลึงเมื่อได้ยินคำว่าตระกูลเนี่ย นางใช้เวลาสักครู่หนึ่งก่อนจะนึกได้ว่าตระกูลเนี่ยคือครอบครัวที่เลี้ยงดูคุณชายขี้โรคผู้นั้น
ในระยะสิบลี้แปดหมู่บ้าน นอกจากตระกูลเนี่ยแล้วก็ไม่มีตระกูลไหนจะยิ่งใหญ่กว่า
เดิมทีนางคิดว่าตระกูลเนี่ยเป็นเพียงตระกูลที่ครอบครองที่ดินมากกว่าผู้ใด แต่ฟังจากคำกล่าวของฟู่ต้าเตาแล้ว แม้แต่เถ้าแก่เฉียนก็ยังต้องไว้หน้าตระกูลเนี่ยอยู่บ้าง
เถ้าแก่เฉียนที่เมืองชิงสือนั้นถือว่าเป็นบุคคลอันน่าทึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้ามีเรื่องมีราวกับตระกูลเนี่ย นี่คือข้อแตกต่างกับตระกูลเนี่ยในความคิดของพวกเขา
แต่ก็อาจเป็นเพียงสิ่งที่ฟู่ต้าเตาอวดอ้างเท่านั้น
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองคนแก้มลิงหน้าแหลมพร้อมกล่าวเย็นชา “ผู้ใดเป็นคนของตระกูลเนี่ย? อย่าได้กล่าวว่าเป็นคนจากตระกูลเนี่ยสุ่มสี่สุ่มห้า!”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่พี่ชายของนายน้อยเนี่ย
นางเคยเห็นนายท่านเนี่ยด้วย แม้นางจะบอกว่านางไม่ชอบใครในตระกูลเนี่ยก็จริง แต่นายท่านเนี่ยไม่ได้มีใบหน้าน่าเกลียดเช่นนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่มีปากแหลมยื่นดั่งชายตรงหน้านาง
“หากตระกูลเนี่ยรู้ว่ามีหมาแมวข้างถนนมาลอบปลอมตัวเป็นคนจากตระกูลเนี่ย พวกเขาย่อมไม่มีความสุขแน่!” จางซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างรวดเร็ว
จางซิ่วเอ๋อไม่อายเลยที่จะพูดเช่นนี้
แม้ว่านางจะโค้งคำนับเพื่อกล่าวขอโทษ แต่แน่นอนว่าฟู่ต้าเตาย่อมไม่ปล่อยนางไป ดังนั้นนางควรจะแข็งข้อเอาไว้ดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังกล่าวคำว่าตระกูลเนี่ยออกมา ซึ่งนางอยากรู้จริง ๆ ว่าคนผู้นี้เป็นชายจากตระกูลเนี่ยหรือไม่!
“นี่คือพี่เขยของข้า เฝิงซูเหวิน! เขาคือคนรับใช้ของตระกูลเนี่ย! หากเจ้ายังพอมีสมองอยู่บ้าง ก็จงรีบคืนเงินก่อนหน้านี้มาเสีย!” ฟู่ต้าเตากล่าวอย่างดุร้าย
เมื่อจางซิ่วเอ๋อได้ยินเช่นนั้น นางจึงมองเฝิงซูเหวินที่คิดว่าเป็นคนของตระกูลเนี่ย แต่สุดท้ายเป็นเพียงคนรับใช้
เมื่อรู้ตัวตนที่แท้จริงของเฝิงซูเหวินแล้ว จางซิ่วเอ๋อจึงไม่คิดเกรงกลัว
ถึงเขาจะเป็นคนรับใช้ของตระกูลเนี่ย แต่นางก็ยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของบุตรชายตระกูลเนี่ย!
คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนรับใช้ของนาง!
จางซิ่วเอ๋อตระหนักได้เช่นนั้นก็ถอนหายใจอย่างเย็นชา “ข้าก็คิดว่าเป็นนายน้อยจากตระกูลเนี่ยเสียอีก ที่ไหนได้กลับเป็นเพียงคนรับใช้ของตระกูลเนี่ย!”
เฝิงซูเหวินมักจะอาศัยสถานะคนรับใช้ของตระกูลเนี่ยเพื่อสร้างความสง่างามและน่าเกรงขามเสมอมา เขาเคยถูกเยาะเย้ยเช่นนี้เมื่อใดกัน? ในเวลานี้ ใบหน้าของเขากลับกลายเป็นน่าเกลียด
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น้องมีสปอนเซอร์หนุนหลังแล้ว ถือว่าพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว
ปัดโธ่เอ๊ย ที่แท้ก็เป็นคนรับใช้ นึกว่าจะใหญ่โตอะไร
ไหหม่า(海馬)