ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 371 ตระกูลเนี่ย
ตอนที่ 371 ตระกูลเนี่ย
“นังเด็กแพศยา เจ้าลองพูดอีกครั้งสิ! คอยดูว่าข้าจะสอนบทเรียนเจ้าอย่างไร!” เฝิงซูเหวินเบ้ริมฝีปาก ขบฟันแน่นแ และกล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย
จางซิ่วเอ๋อมองเฝิงซูเหวินด้วยสายตาเย็นชา “ข้าเพิ่งกล่าวอันใดหรือ? เจ้าไม่รู้จักสำเหนียกตนเอง แล้วยังกล้ามา าสร้างปัญหาให้ข้าอีก! เจ้าไม่ถามเจ้านายของเจ้าดูเล่าว่าข้าเป็นใคร!”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวคำเหล่านี้ด้วยเสียงดังกึกก้อง
เฝิงซูเหวินได้ยินก็อึ้งไปเล็กน้อย เขาคล้ายกับคิดไม่ถึงว่าฐานะผู้ดูแลตระกูลเนี่ยของเขาจะไม่ทําให้จางซิ่วเอ๋อ ตกใจ
เฝิงซูเหวินเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “ต้าเตา แม่นางน้อยผู้นี้เป็นใครกันแน่? ไม่ใช่หลานสาวของเถ้าแก่เฉียนหรอกหรือ อ?”
“ใช่แล้ว หากนางมีฐานะสูงส่งจะมาขายเนื้อพะโล้ที่นี่ได้หรือ?” ฟู่ต้าเตาแค่นเสียงเย็นชา
เฝิงซูเหวินรู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมาก จึงมองไปยังจางซิ่วเอ๋อและกล่าวอย่างโกรธเคือง “นังเด็กเหลือขอ เจ้าคิดว่าก กล่าววาจาเหลวไหลแค่ไม่กี่คำ ข้าจะกลัวเจ้าหรือ? เจ้าสามารถเปิดเผยตัวตนของเจ้าหรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นแม ม่ม่าย อย่าเอาแต่ปรนนิบัติบุรุษที่มีฐานะเลย พูดออกมาสิ!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เฝิงซูเหวินก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
ฟู่ต้าเตาเองก็ยิ้มเช่นกัน ทั้งยังกล่าวอย่างดูแคลน “ด้วยรูปโฉมเช่นนี้ ไปขายในซ่องก็ไม่มีค่าอะไรหรอก!”
จางซิ่วเอ๋อหรี่ตาลงและกล่าวอย่างโกรธเคือง “บังอาจ! เจ้าเห็นข้าแล้วไม่คุกเข่าโขกศีรษะ กลับหัวเราะเยาะข้าเช่นน นี้อีก! ระวังตัวว่าข้าจะบอกนายท่านเนี่ยถึงเรื่องเหล่านี้เถอะ!”
“โอ้ เจ้ายังรู้จักนายท่านของข้าอีกหรือ? เจ้าไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นใคร แล้วยังกล้าสู้หน้านายท่านของข้าอีก หรือ?” เฝิงซูเหวินแค่นเสียงเย็นชา
จางชุนเถาฟังแล้วอดใจไม่ไหว ในเวลานี้นี้จึงกล่าวด้วยความโมโห “พี่สาวข้าเป็นฮูหยินน้อยแห่งจวนเนี่ยของพวกเจ้า! ! เจ้ามันตัวอะไรกัน? กล้าดีอย่างไรมาทําเช่นนี้กับพี่สาวของข้า!”
“ตระกูลเนี่ย… น้อย… ฮูหยินน้อย?” เฝิงซูเหวินรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง “ตระกูลเนี่ยของพวกเราไหนเลยจะมีฮูหยินน้อย! มีก็แต่นายน้อยที่ตายเป ป็นผีไปแล้ว”
จางซิ่วเอ๋อมองคนผู้นี้ด้วยสายตาเย็นชาแล้วกล่าว “หากข้าบอกเรื่องนี้กับนายท่านเนี่ยและคุณหนูรองเนี่ยเล่า า ไม่รู้ว่าพวกเขาจะจัดการเจ้าอย่างไร”
เฝิงซูเหวินตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาแข็งทื่อเล็กน้อย และไม่อาจหัวเราะต่อไปได้
การรู้จักนายท่านเนี่ยและฮูหยินเนี่ยไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่คนนอกผู้นี้ไม่น่ารู้ว่าตระกูลเนี่ยยังมีเจ้านาย อีกคน นั่นก็คือคุณหนูรองเนี่ย
ในเวลานี้จางซิ่วเอ๋อพลันเอ่ยถึงเนี่ยเฟิ่งหลิน ทําให้เฝิงซูเหวินตกใจเล็กน้อย
จางซิ่วเอ๋อรู้จักเนี่ยเฟิ่งหลินได้อย่างไร?
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เฝิงซูเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเย็นชา “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าคือผู้ใด?”
“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ข้าคือภรรยาของคุณชายเจ้า ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะเป็นหญิงม่ายแต่อย่างไรก็เป็นสะใภ้ของตระก กูลเนี่ย ต่อให้ข้าไม่ได้อยู่ในตระกูลเนี่ย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้พวกคนรับใช้อย่างพวกเจ้าดูหมิ่น!” จางซิ่วเอ๋อ กล่าวอย่างโกรธเคือง
เฝิงซูเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาดูหม่นหมอง
เป็นฮูหยินของคุณชายใหญ่หรือ?
ตัวตนของจางซิ่วเอ๋อทําให้เฝิงซูเหวินประหลาดใจ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่รู้สึกสงสัยอะไรอีกต่อไป เมื่อได้ยินจางซิ่วเอ อ๋อกล่าวเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริง
เพราะเขานึกขึ้นได้ว่าเนี่ยหย่วนเฉียวมีฮูหยินชงสี่*อยู่จริง เพียงแต่ฮูหยินผู้นี้ถูกขับไล่ออกไปแล้ว
*ชงสี่ คือการแต่งงานกับผู้ชายที่ป่วยใกล้ตาย เพื่ออวยพรปัดเป่าโรคร้ายหรือความหมายให้หายไป
เฝิงซูเหวินหรี่ตาลง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวอย่างดูแคลน “ให้ตำแหน่งแก่เจ้าเพียงเล็กน้อย ก็กล้าหยิ่งผยองแล้วหร รือ? เจ้าเองก็ไม่ดูตัวเอง ยังคิดว่าตัวเองเป็นฮูหยินน้อยตระกูลเนี่ยจริง ๆ หรือ? หากตระกูลเนี่ยยอมรับเจ้าแล้ว ว เหตุใดเจ้าถึงต้องออกมาทําการค้าอีก”
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเยาะเย้ย “วิธีที่ตระกูลเนี่ยปฏิบัติต่อข้านั้นเป็นเรื่องของข้ากับตระกูลเนี่ย ส่วนเจ้าก็ แค่สุนัขตัวหนึ่งของตระกูลเนี่ย เมื่อเจ้านายของเจ้าไม่ยอมให้เจ้ามากัดข้า เจ้าก็อย่าเห่าใส่ข้า ไม่อย่างนั้น.. .. ผลที่ตามมาย่อมไม่ใช่สิ่งที่เจ้าแบกรับได้!”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวพลางเฆี่ยนแส้และขับเกวียนลาไปข้างหน้า
“หลีกทาง ๆ หากถูกชนตายไม่รับผิดชอบ!” จางซิ่วเอ๋อตะโกน
ฟู่ต้าเตามองจางซิ่วเอ๋อเคลื่อนผ่านไปโดยที่เฝิงซูเหวินไม่ได้หยุดเอาไว้ ในเวลานี้จึงตกใจเล็กน้อย
“พี่เขย เหตุใดท่านไม่ห้ามล่ะ?” ฟู่ต้าเตาไม่พอใจเล็กน้อย
“ห้ามอะไรเล่า เจ้าไม่เห็นหรือว่าเด็กสาวผู้นี้เป็นคนของตระกูลเนี่ย? แม้ว่าข้าจะเป็นผู้ดูแล แต่ก็ไม่กล้าทําอ อะไรนาง เรื่องนี้ข้าต้องกลับไปถามฮูหยิน หากฮูหยินบอกว่าไม่สนใจ ข้าย่อมจัดการนางได้” เฝิงซูเหวินหรี่ตาลงแล ล้วพูด
เขาเป็นคนที่อยู่เคียงข้างฮูหยินเนี่ย ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าฮูหยินเนี่ยปฏิบัติต่อนายน้อยเนี่ยอย่างไร
ไม่กังวลว่าฮูหยินเนี่ยจะไม่พอใจตน หากพูดมากเกินไป
จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมา
จางชุนเถากล่าวด้วยความไม่พอใจ “ตระกูลเนี่ยนี้ทําเกินไปแล้ว เหตุใดถึงได้มายั่วโมโหพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า?”
ไม่เพียงแค่จางชุนเถาเท่านั้น แม้แต่จางซิ่วเอ๋อเองก็มีไฟลุกโชนในใจ “ข้าว่าตระกูลเนี่ย นอกจากเนี่ยเฟิ่งหลินผู้ นั้นแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีคนดีคนใดเลย!”
“พี่หญิง หลังจากข้ากลับไป ข้าจะสาปแช่งนายน้อยเนี่ย ให้เขาไม่ได้เกิดมาเป็นคนและเกิดมาเป็นหมูตัวหนึ่งในชาต ติหน้า! ฮึ!” จางชุนเถาระบายความโกรธลงที่เนี่ยหย่วนเฉียว
จางซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างขบขัน “เจ้าเด็กคนนี้นี่ จะทำอะไรกับคนตายหรือ? ข้ารับปากคุณหนูรองเนี่ยแล้วว่าจะขอพร ให้คุณชายเนี่ยให้มากขึ้น”
แม้จางซิ่วเอ๋อจะอยากจะสาปแช่งเนี่ยหย่วนเฉียวในตอนแรก แต่ตอนนี้นางเลิกล้มความคิดนี้แล้ว
ถึงอย่างไรนางก็ต้องไว้หน้าเนี่ยเฟิ่งหลิน
หากไม่มีเนี่ยเฟิ่งหลิน ไม่แน่ว่านางคงถูกฮูหยินเนี่ยทําร้ายจนตาย
เมื่อสองพี่น้องกลับมาถึงบ้านก็ยังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
ด้วยวันนี้ไม่ต้องรอให้เนื้อขายหมด ทั้งสองจึงกลับมาเร็วมาก
เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อพวกเขาเห็นจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถากลับมา
เถี่ยเสวียนเหลือบมองแล้วกล่าว “เนื้อพะโล้วันนี้ขายได้เร็วขนาดนี้เชียวหรือ? ไม่เหลือไส้หมูที่ข้าชอบไว้เลย หรือ?”
จางชุนเถาเบ้ปากแล้วกล่าวอย่างคับข้องใจ “โยนทิ้งไปแล้ว!”
แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะได้เงิน แต่จางชุนเถาก็ไม่ชอบเสียของไปให้ผู้อื่นเปล่า ๆ
เนื้อเต็มหม้อแบบนั้นกลับต้องโยนทิ้งไปทั้งหมด ต้องรู้ว่าชีวิตนางเมื่อหลายปีก่อนไม่มีเนื้อสัตว์กินเลย เมื่อ เห็นเนื้อถูกทิ้งไปมากมาย หัวใจของนางก็หลั่งเลือด
“โยนอะไรทิ้งไปหมดแล้ว? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” เถี่ยเสวียนถามอย่างอดไม่ได้
ในเวลานี้จางซิ่วเอ๋อก็จับลาของนางไว้
นางขมวดคิ้วมองเสื้อผ้าที่เปรอะไปด้วยน้ำแกงบนตัวของนางเองแล้วพับแขนเสื้อขึ้น ควรล้างแขนให้สะอาดก่อน แล้ วค่อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
จางซิ่วเอ๋อเป็นคนสมัยใหม่ฝังอยู่ในกระดูก
การกระทําบางอย่างย่อมมีข้อจํากัดเล็ก ๆ น้อย ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ จิตใจของนางหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้นระหว่างวัน จนลืมไปว่าในลานบ้านแห ห่งนี้ยังมีบุรุษอยู่
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไงล่ะ จากที่ชูคอเป็นพญาจงอางนี่หดหัวกลายเป็นงูดินไปเลยไหมล่ะ
เสียดายเนื้อพะโล้จริงๆ
ไหหม่า(海馬)