ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 392 ขอโทษ
ตอนที่ 392 ขอโทษ
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกได้ว่าเหตุการณ์นี้ผิดปกติจริง ๆ
เฝิงซูเหวินเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองจางซิ่วเอ๋อ “ข้าขอโทษท่านจากใจจริง โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
เมื่อเห็นเฝิงซูเหวินกระทำเช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อก็เลิกคิดมาก ดูเหมือนว่าเขาจะมาขอโทษจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อผ่อนคลายอารมณ์ลง ก่อนจะไตร่ตรองและกล่าวว่า “เฝิงซูเหวิน เหตุใดเจ้าจึงมาขอโทษข้า? ใครบอกให้เจ้ามาขอโทษข้า?”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เฝิงซูเหวินจะคิดเรื่องนี้ได้ด้วยตนเอง เฝิงซูเหวินต้องมีเหตุผล
เฝิงซูเหวินได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวตอบอย่างติดขัด “เป็น… เป็นคุณหนูรอง”
มีเพียงสวรรค์ที่ทราบ ชีวิตของเขาในสองวันนี้เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย
หลังจากที่เขาสร้างปัญหาให้กับจางซิ่วเอ๋อ คุณหนูรองก็เรียกตัวเขาให้เข้าไปรับใช้
สถานะของเนี่ยเฟิ่งหลินในตระกูลเนี่ยนั้นยิ่งใหญ่นัก แม้ว่านางจะไม่ออกมาปรากฏตัวในตระกูลเนี่ยก็ตาม แต่ก็ยังสามารถจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตระกูลเนี่ยได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นเนี่ยเฟิ่งหลินจึงไปหานายท่านเนี่ยโดยตรงเพื่อบอกว่านางชื่นชอบในตัวเฝิงซูเหวินมาก และต้องการให้เฝิงซูเหวินมารับใช้เคียงข้างนาง
แน่นอนว่านายท่านเนี่ยตามใจน้องสาวของตนเสมอมา ตราบใดที่มันไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของเขา ก็อาจกล่าวได้ว่านายท่านเนี่ยตอบรับคำขอของเนี่ยเฟิ่งหลินเสมอ
มันก็เป็นเพียงคนรับใช้ตัวน้อย หากเนี่ยเฟิ่งหลินต้องการพาออกไป แน่นอนว่านายท่านเนี่ยย่อมไม่กล่าวคัดค้าน
ด้วยวิธีนี้เอง เนี่ยเฟิ่งหลินจึงพาเฝิงซูเหวินออกมา
ในวันแรกที่เขาถูกพาตัวออกมา เฝิงซูเหวินถูกเนี่ยเฟิ่งหลินทุบตี
ในคราวแรกเฝิงซูเหวินไม่เข้าใจว่าทำไมเนี่ยเฟิ่งหลินจึงปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ แต่ต่อมาเขาก็เข้าใจว่าเนี่ยเฟิ่งหลินกำลังระบายความโกรธแทนจางซิ่วเอ๋อ ดูเหมือนว่าสิ่งที่จางซิ่ว วเอ๋อกล่าวจะเป็นเรื่องจริง
ในตระกูลเนี่ย แม้ว่าไม่มีผู้ใดยอมรับนาง
แต่ไม่ใช่เนี่ยเฟิ่งหลิน เนี่ยเฟิ่งหลินบอกให้เฝิงซูเหวินมาหาจางซิ่วเอ๋อเพื่อกล่าวขอโทษ แล้วจึงจะสามารถกลับไปได้… มิฉะนั้นนางจะไม่ยอมให้เฝิงซูเหวินกลับไป
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เฝิงซูเหวินตระหนักได้แล้วว่าเขากำลังเตะเข้ากับแผ่นเหล็ก แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ เขาก็ต้องขอให้จางซิ่วเอ๋อยกโทษให้
กล่าวถึงคุณนายเนี่ย
นางย่อมไม่คิดขัดแย้งกับเนี่ยเฟิ่งหลินเพียงเพราะคนรับใช้ตัวเล็ก ๆ อย่างเฝิงซูเหวิน ยิ่งไปกว่านั้นเนี่ยเฟิ่งหลินยังร้องขอเรื่องนี้กับนายท่านเนี่ยโดยตรง
สิ่งเดียวที่คุณนายเนี่ยทำได้คืออดกลั้นไว้เท่านั้น
แต่คุณนายเนี่ยก็รู้อยู่เต็มอกว่าการที่เนี่ยเฟิ่งหลินลงมือจัดการกับเฝิงซูเหวิน เพื่อแสดงให้นางเห็นว่า ในอนาคตนางไม่อาจสร้างปัญหาให้กับจางซิ่วเอ๋อได้อย่างง่ายดาย!
คุณนายเนี่ยโกรธแค้นอยู่เต็มอก คราวแรกนางคิดว่าเนี่ยเฟิ่งหลินเพียงใช้เรื่องจางซิ่วเอ๋อเพื่อหาเรื่องตนเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเนี่ยเฟิ่งหลินผู้นี้จะสนใจจางซิ่วเอ๋อจร ริง ๆ
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ คุณนายเนี่ยจึงจำเป็นต้องอดกลั้นตัวเองไว้จริง ๆ
นางเคยขุ่นเคืองกับจางซิ่วเอ๋อมาก่อน เดิมทีนางต้องการหาโอกาสที่จะกำจัดจางซิ่วเอ๋อ แต่นางไม่ได้คาดหวังว่าเนี่ยเฟิ่งหลินจะให้ความสนใจต่อจางซิ่วเอ๋อมากขนาดนี้
เฝิงซูเหวินรู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ว่าคุณนายเนี่ยจะวางแผนไว้อย่างไร หากเขาต้องการจะมีชีวิตที่ดีในยามนี้ เขาจะต้องคุกเข่าเพื่อขอโทษจางซิ่วเอ๋อ ใครกันที่ทำให้เขาต้องถูกบี บบังคับโดยเนี่ยเฟิ่งหลินในตอนนี้?
จางซิ่วเอ๋อได้ยินคำอธิบายของเฝิงซูเหวิน จึงเกิดข้อสงสัยบางอย่าง “เจ้าหมายถึงคุณหนูรองเนี่ย?”
“ขอรับ ท่านย่าน้อย ท่านผู้ยิ่งใหญ่และอาวุโส ขอโปรดอภัยแก่ข้า ตัวข้าทราบความผิดแล้ว” เฝิงซูเหวินกล่าวคำด้วยใบหน้าเศร้าโศก
จางซิ่วเอ๋อยังคงสงสัย นางไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากเนี่ยเฟิ่งหลินสักหน่อย แล้วเนี่ยเฟิ่งหลินรู้เรื่องได้อย่างไร?
สำหรับเรื่องของเฝิงซูเหวิน นางไม่เคยไปพบเนี่ยเฟิ่งหลินเพื่อพูดคุยเรื่องนี้เลย
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด
แต่จางซิ่วเอ๋อไม่ได้คาดคิดว่าหนิงอันคือเนี่ยหย่วนเฉียว และเขาเป็นคนไปหาเนี่ยเฟิ่งหลินเพื่อขอความช่วยเหลือ
ในท้ายที่สุด จางซิ่วเอ๋อก็ทำได้เพียงอธิบายตนเองในใจ นั่นคือตระกูลเนี่ยมีเครือข่ายที่กว้างขวาง หากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเนี่ยภายในเมืองชิงสือเล็ก ๆ แห่งนี้ คนใน ตระกูลเนี่ยย่อมรับรู้ได้เป็นธรรมดา
จางซิ่วเอ๋อลอบคิดว่าคราวนี้นางต้องไปกล่าวขอบคุณเนี่ยเฟิ่งหลินจริง ๆ แล้ว
หากกล่าวว่าเนี่ยเฟิ่งหลินช่วยเหลือนางก่อนที่นางจะมีปัญหากับคุณนายเนี่ย คราวนี้นางก็ควรที่จะตอบแทน มันจะดูจริงใจกว่า
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกดีกับเนี่ยเฟิ่งหลินขึ้นมาเล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่า เนี่ยเฟิ่งหลินน่าจะเป็นคนที่จางซิ่วเอ๋อคิดว่าเป็นคนดีเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตระกูลเนี่ย
ไม่ทราบว่าจางซิ่วเอ๋อจะคิดอย่างไรหากทราบเรื่องเนี่ยหย่วนเฉียว
เฝิงซูเหวินคุกเข่าลงพร้อมกับโยกตัวโคลงเคลง ผู้คนจำนวนมากเริ่มเข้ามามุงเพื่อรับชม
“สวรรค์ ข้าไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน นั่นคือคนรับใช้ตระกูลเนี่ยไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมเขาจึงคุกเข่าก้มหน้าอยู่ตรงนั้น?”
“ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนในตระกูลเนี่ยช่วยสนับสนุนจางซิ่วเอ๋อ”
“ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจางซิ่วเอ๋อจะต้อยต่ำเพียงใด แต่นางก็เป็นภรรยาของนายน้อยเนี่ย แม้ตระกูลเนี่ยจะไม่ชอบความโชคร้ายของจางซิ่วเอ๋อและไม่ยอมให้จางซิ่วเอ๋ออ อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เนี่ยก็จริง แต่พวกเขาย่อมไม่ไร้หัวใจมากเพียงนั้น”
“ในอนาคต อย่าได้ทำให้จางซิ่วเอ๋อขุ่นเคือง ตระกูลเนี่ยสามารถจัดการกับคนรับใช้ของตนได้อย่างง่ายดาย แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากคนนอกไปยั่วยุจางซิ่วเอ๋อ?”
ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าไม่ควรยั่วยุจางซิ่วเอ๋อ มิฉะนั้นจะเป็นการรุกรานตระกูลเนี่ย
ในตอนนี้เอง จางซิ่วเอ๋อจึงกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงสือ
อย่างน้อยผู้ที่ไม่รู้ความจริงก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุจางซิ่วเอ๋อ
“เอาล่ะ เจ้าอย่ามาคุกเข่าร้องไห้ตรงนี้ มีคนมากมายอยู่ที่นี่ เจ้าไม่ชอบความอับอาย ข้าก็ไม่ชอบความอัปยศเช่นกัน” จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วพูดกับเฝิงซูเหวิน
เมื่อเห็นชายร่างใหญ่คุกเข่าอยู่ที่นี่ ทั้งยังร้องไห้ด้วย นางจึงอดไม่ได้ที่จะอึดอัดใจ
เฝิงซูเหวินลุกขึ้นจากพื้นทันที “ท่านย่า ท่านยกโทษให้ข้าแล้วหรือ?”
“อย่ามาเรียกข้าว่าท่านย่า” จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าสิ่งนี้ทำให้นางอับอาย
“งั้นเรียกว่าฮูหยิน?” เฝิงซูเหวินกล่าวออกเสียงทุ้ม เขากลัวอย่างยิ่งว่าคุณนายเนี่ยจะรู้เข้า แล้วถึงตอนนั้นเขาจะไม่สามารถกินดีอยู่ดีได้
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วพร้อมกล่าวตอบ “ความคับข้องใจระหว่างเราสิ้นสุดแล้ว หากเจ้าพบคุณหนูรองเนี่ย ฝากขอบคุณนางแทนข้าด้วย ส่วนเจ้า… หากเราพบกันอีกในอนาคต เราไม่ควรทำตัวเหมือ อนรู้จักกัน”
เฝิงซูเหวินพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง “ตกลงตามที่ท่านกล่าว”
ตราบใดที่จางซิ่วเอ๋อไม่ตำหนิ เขาก็สามารถกลับไปทำงานได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกทุบตีอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงประสบการณ์อันเลวร้ายในสองวันที่ผ่านมาของตัวเอง เฝิงซูเหวินก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที
เนี่ยเฟิ่งหลินให้คนตักน้ำราดตัวเขาแล้วจึงทุบตี! การทำเช่นนี้มันทำให้เขาเจ็บเจียนตาย!
“งั้นก็รีบออกไปซะ!” จางซิ่วเอ๋อโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
ไม่ว่าเฝิงซูเหวินจะกล่าวขอโทษอย่างจริงใจหรือถูกบังคับ สิ่งหนึ่งที่จางซิ่วเอ๋อมั่นใจก็คือนางไม่ต้องกังวลว่าเฝิงซูเหวินจะกลับมาสร้างปัญหาให้กับตนเองอีกต่อไปแล้ว