ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 400 สารภาพ
ตอนที่ 400 สารภาพ
ทันทีที่ผู้ใหญ่บ้านซ่งกล่าวคำนี้ออกมา ทุกคนก็อับอายที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองผู้ใหญ่บ้านซ่งอย่างซาบซึ้ง
ผู้ใหญ่บ้านซ่งเหลือบมองจางซิ่วเอ๋อ และเขากำลังครุ่นคิดว่าจางซิ่วเอ๋อจะมอบอะไรให้เขาในคราวหน้า เพียงแค่กล่าวไม่กี่คำก็สามารถรับผลประโยชน์ได้แล้ว สิ่งนี้ทำให้ผู้ใหญ่บ้านซ่งรู สึกพอใจยิ่ง
ไม่มีใครในหมู่บ้านนี้ลำบากเท่ากับจางซิ่วเอ๋อ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคนเหล่านี้จะออกไปชั่วคราว แต่พวกเขาก็ยังคงจับตามองสิ่งเหล่านี้ต่อไป
จางซิ่วเอ๋อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้ผู้คนนำสิ่งของมาวางไว้ตรงปากทางเข้าป่าผีสิง
แม่โจวมองดูสถานการณ์พร้อมกับเดินเข้าไปในป่าผีสิง
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าแม่โจวกำลังจะไปหาตน ซึ่งแม่โจวไม่ค่อยมาที่นี่นัก แต่แม่โจวรู้สึกว่านี่คือวันสำคัญ นางจึงมาเยี่ยมเยียน
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถา
จางชุนเถาเข้าใจทันที และวิ่งเข้าไปในบ้านผีสิงก่อน
ความหมายของจางซิ่วเอ๋อชัดเจนยิ่ง นั่นก็คือให้จางชุนเถาไปบอกเนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนก่อน
เป็นการยากที่จะอธิบายให้แม่โจวเข้าใจถึงการมีบุรุษอยู่ที่นี่ ท้ายที่สุดแล้วแม่โจวก็ยังเป็นหญิงในยุคโบราณที่หัวโบราณ
จางซิ่วเอ๋อและท่านหมอเมิ่งขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ เข้ามา
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถวางไว้ที่เดิมได้ มิฉะนั้นจะไม่มีใครเฝ้าและไม่รู้เลยหากมันหายไป
เนื่องจากนางไม่ต้องการรับมัน นางจึงคิดว่าจะส่งคืนสิ่งของทั้งหมดให้ในสภาพดี
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อยหลังจากขนย้ายทุกสิ่งเข้ามาแล้ว
โชคดีที่แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะดูมาก แต่ก็เป็นเพียงเครื่องประดับ ผ้า และสิ่งของที่คล้ายคลึงกัน ไม่มีอะไรหนักเป็นพิเศษ มิฉะนั้นจางซิ่วเอ๋อคงไม่สามารถขยับตัวได้จริง ๆ
แม่โจวท้องใหญ่แล้วและไม่สามารถช่วยได้ ดังนั้นในเวลานี้นางจึงทำได้เพียงรินน้ำให้กับทุกคน
จางซิ่วเอ๋อหยิบชามน้ำขึ้นมาแล้วดื่มรวดเดียว
แม่โจวถึงกับร้องเตือน “เจ้าเด็กน้อย ช้าลงหน่อยเถิด เดี๋ยวสำลัก”
ท่านหมอเมิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ซิ่วเอ๋อ เจ้าไม่ควรดื่มน้ำเย็น มันอันตรายต่อร่างกายเจ้า”
สำหรับท่านหมอเมิ่งแล้ว มันยากเสมอหากต้องพูดกล่าวเรื่องนี้กับจางซิ่วเอ๋อ แต่ตอนนี้ท่านหมอเมิ่งรู้สึกว่าทั้งเขาและจางซิ่วเอ๋อใกล้ชิดกันมากขึ้น ดังนั้นการพูดเช่นนี้จึงไม่ใ ใช่การล่วงเกินใด ๆ อีกต่อไป
จางซิ่วเอ๋อมองท่านหมอเมิ่งพร้อมกับลอบถอนหายใจเบา ๆ
“ชุนเถา พาซานหยาออกไปเล่นด้านนอกก่อน” จางซิ่วเอ๋อกล่าว
เด็กไม่ควรได้ยินถ้อยคำบางคำ
จางชุนเถาลอบสงสัยเล็กน้อย นางต้องการอยู่ในบ้านเพื่อดูสินสอดทองหมั้นของท่านหมอเมิ่งที่มอบให้พี่สาวของตน จางชุนเถาไม่ได้คิดจะเอาของเหล่านี้เป็นของตน นางกับจางอวี่หมินนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นางมีความสุขกับจางซิ่วเอ๋อมาก และตอนนี้นางก็สงสัยว่ามันมีอะไรบ้าง
แต่เพราะจางซิ่วเอ๋อกล่าวออกมาเช่นนั้น จางชุนเถาจึงไม่อาจอยู่ต่อได้ นางจึงพาจางซานหยาออกไปด้านนอก
แม่โจวถามด้วยความสงสัย “ซิ่วเอ๋อ เจ้าจะทำอะไรหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อมองแม่โจวและท่านหมอเมิ่งด้วยความลังเลใจ
นางรู้ว่านางไม่ควรพูดคำเหล่านี้ ซึ่งมันจะทำให้คนสองคนไม่มีความสุขอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และมันจะทำให้ทุกคนรู้สึกแย่
แต่มีบางอย่างที่นางต้องพูด
จางซิ่วเอ๋อคิดอย่างนั้น นางกัดฟันพร้อมเอ่ยคำ “ท่านแม่ ท่านอาเมิ่ง”
“ซิ่วเอ๋อ เหตุใดเจ้าจึงเรียกท่านอาเมิ่งอยู่ล่ะ?” แม่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้การแต่งงานได้รับการยอมรับแล้ว และมันจะเป็นไปไม่ได้ที่ท่านหมอเมิ่งจะเป็นอาของจางซิ่วเอ๋อ
ท่านหมอเมิ่งมองจางซิ่วเอ๋ออย่างมีความหวัง เห็นได้ชัดว่าจางซิ่วเอ๋อสามารถเปลี่ยนคำเรียกของเขาได้
จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “ข้าขอโทษ”
คำขอโทษอย่างกะทันหันนี้ทำให้ท่านหมอเมิ่งและแม่โจวตกตะลึงเล็กน้อย
แม่โจวถามอย่างเร่งรีบ “ซิ่วเอ๋อ? เป็นอะไรไป? เจ้าขอโทษทำไม?”
เมื่อเห็นว่าแม่โจวกังวลมาก จางซิ่วเอ๋อจึงลดเสียงลง แต่นางยังคงแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างชัดเจนว่า “ท่านแม่ ข้าไม่อาจยอมรับสินสอดทองหมั้นเหล่านี้ได้”
หลังจากพูดเช่นนี้ แม่โจวผงะไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้คาดหวังว่าจางซิ่วเอ๋อจะพูดเช่นนี้
รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านหมอเมิ่งหุบลงเล็กน้อยเช่นกัน
แม่โจวรู้สึกว่าบรรยากาศทั้งหมดดูแปลกประหลาด จึงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “ซิ่วเอ๋อ เด็กน้อย ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดถึงท่านหมอเมิ่ง เจ้ามั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีใครย้ายสินสอดทองหมั นนี้ไปที่อื่น และมันจะเป็นของเจ้าพร้อมกับของตระกูลเมิ่งด้วย”
เห็นได้ชัดว่าแม้แม่โจวและจางซิ่วเอ๋อจะกล่าวเรื่องเดียวกัน แต่พวกเขาไม่ได้หมายความถึงสิ่งเดียวกัน
เมื่อท่านหมอเมิ่งได้ฟังคำพูดของแม่โจวแล้ว เขามองจางซิ่วเอ๋ออย่างคาดหวัง
นางกำลังคิดเกรงใจอยู่งั้นหรือ? สตรีคนไหนกันที่ไม่ต้องการสินสอดทองหมั้น?
เมื่อคิดเช่นนี้ ท่านหมอเมิ่งรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวคำอย่างอบอุ่น “ซิ่วเอ๋อ เจ้าไม่ต้องกังวล แม้สิ่งเหล่านี้จะถูกนำไปไว้ที่บ้านของแม่เจ้า แต่หากเจ้าต้องการอะไร ข้าจะซ ซื้อให้เจ้าในภายหลัง”
เมื่อจางซิ่วเอ๋อเห็นว่าทั้งสองเข้าใจอย่างไร นางรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
“ท่านแม่ ท่านอาเมิ่ง ท่านไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดจริง ๆ งั้นหรือ? ข้าหมายถึงสินสอดทองหมั้นเหล่านี้ ข้าไม่รับ!” จางซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างหนักแน่น
ในเวลานี้ แม้ว่าปฏิกิริยาของแม่โจวจะเชื่องช้าไปบ้าง แต่นางก็ได้ยินบางอย่าง
นางเหลือบมองท่านหมอเมิ่งอย่างเคอะเขินก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อยซิ่วเอ๋อคนนี้คงจะประหลาดใจมากเกินไป และคงยังไม่คลายความตกใจ”
จางซิ่วเอ๋อลูบหน้าผากตนเอง “ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่รู้เกี่ยวกับการแต่งงานนี้มาก่อน จู่ ๆ ก็มีสินสอดทองหมั้นมาที่นี่ มันยากที่ข้าจะยอมรับได้… เหตุผลที่ข้ายอมให้เอาสินสอดทองหมั้นเ เข้ามาวางไว้ในบ้านเช่นนี้ ก็เพื่อรักษาหน้าของท่านอาเมิ่งไว้เท่านั้น”
ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีที่จะถูกขับไล่ในที่แจ้ง และยิ่งเป็นการถูกแม่ม่ายฉาวโฉ่อย่างนางขับไล่เสียด้วย
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ไม่ลังเลที่จะพูดต่อ “รออีกสักสองสามวัน ท่านอาเมิ่งก็สามารถหาเหตุผลที่จะถอนตัวจากงานแต่งนี้ บอกกล่าวว่าเป็นเพราะชื่อเสียงที่ไม่ดีของ ข้าก็ย่อมได้”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่านางจะไม่ติดค้างอะไรกับท่านหมอเมิ่งมากนักหากใช้วิธีนี้
นางสามารถแบกรับความอับอายขายหน้าทั้งหมดไว้เพียงลำพังได้ นางไม่สนใจชื่อเสียงเหล่านี้นัก
ท่านหมอเมิ่งและแม่โจวถึงกับตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
หากจะบอกว่าทั้งสองเป็นคนมองโลกในแง่ดีอย่างยิ่ง แล้วตอนนี้… ทั้งสองก็ไม่รู้เลยว่าจะขุดเหตุผลใดที่จะโน้มน้าวให้ตนเองคิดในแง่ดีได้
แม่โจวตื่นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว “ซิ่วเอ๋อ! เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”
แม่โจวไม่เข้าใจว่าเหตุใดทำไมจู่ ๆ จางซิ่วเอ๋อจึงเปลี่ยนใจ นางเคยถามจางซิ่วเอ๋อมาก่อนแล้วและจางซิ่วเอ๋อก็บอกว่าท่านหมอเมิ่งเป็นคนดี
“ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านกำลังรู้สึกแย่กับข้า การแต่งงานครั้งนี้ข้าต้องเชื่อฟังคำบิดามารดาและคำของแม่สื่อ แต่เวลานี้… ข้า…” จางซิ่วเอ๋อกล่าวออกมาเพียงครึ่งคำ แต่นางก็แสด ดงออกถึงความคิดตนอย่างชัดเจน
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แสดงความเด็ดขาดออกไปให้เห็นเลยค่ะ เจ็บแต่จบยังดีกว่าเจ็บเรื้อรังไปอีกนาน
ไหหม่า(海馬)