ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 52 ฟาดฟันคน
บทที่ 52 ฟาดฟันคน
คนหนึ่งที่อยู่ในฝูงชนเห็นจางซิ่วเอ๋อเป็นแบบนี้ก็เกลี้ยกล่อม “ซิ่วเอ๋อ เจ้าเป็นอะไรไป? กลางค่ำกลางคืนไม่นอนมาทำอะไร? มีอะไรก็คุยกันดี ๆ เถิด อย่าต้องขนาดใช้มีดเลย”
จางซิ่วเอ๋อหันมาด้วยสีหน้าอ่อนลง หน้าตาน้อยอกน้อยใจ “ข้าก็ไม่อยากทำแบบนี้! แต่พวกนั้นลงมือกับชุนเถา ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าชุนเถามีความหมายกับข้าขนาดไหน! ข้าเห็นนางสำคัญกว่าตัวเองอีก!”
น้ำเสียงจางซิ่วเอ๋อดุดันนิดหน่อย “แต่ว่า! วันนี้ป้าหลินกับหลีฮวาสองคนกลับผลักชุนเถาลงเนินเขา! ตอนนี้ชุนเถาเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้!”
จางซิ่วเอ๋อแกล้งพูดให้เรื่องราวดูใหญ่โตขึ้น
จริง ๆ แล้วก็เป็นประมาณนั้นแหละ ถ้าไม่ใช่ว่าชุนเถาโชคดี นางอาจไม่ได้กลับมาจริง ๆ!
ถ้าไม่ใช่พวกนางสองพี่น้องตอบสนองว่องไว คงจะโดนงูพิษกัดตายไปนานแล้ว
สวี่อวิ๋นซานได้ยินแบบนั้นก็มองแม่หลินและหลีฮวาอย่างตกตะลึง ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านแม่ หลีฮวา พวกท่านผลักชุนเถาลงเนินเขาจริง ๆ เหรอ?”
แม่หลินหลบสายตา ก่อนจะกัดฟันพูด “เจ้าไม่ได้เห็นกับตาสักหน่อย กล้าดีอย่างไรมาใส่ร้ายข้า? วันนี้ตอนข้าขึ้นเขาไม่เห็นชุนเถาด้วยซ้ำ!”
เวลานี้หลีฮวาก็เชิดหน้าขึ้น ท่าทางให้ตายก็ไม่ยอมรับ “ถูกต้อง! พวกเราไม่เห็นชุนเถาเลย!”
จางซิ่วเอ๋อโกรธจนสั่นไปทั้งตัว นางคิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้
เวลานี้ เสียงสะอื้นเสียงหนึ่งดังขึ้น “ข้าเห็น! ข้าเห็นพวกเจ้าผลักพี่รองข้าลงเขากับตา!”
คนที่พูดคือจางซานหยา
จางซานหยาออกมาตักน้ำ พอได้ยินสุ้มเสียงจากด้านนี้ก็เดินมาดู นางไม่เห็นก็จริง แต่ได้ยินตอนที่แม่หลินและหลีฮวาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ พอดี แล้วจะอยู่เฉยได้อย่างไร? นางรีบออกตัวทันที
จางซานหยายังเด็ก ตัวก็ผอมบาง สีหน้าตอนนี้ก็น่าสงสารสุด ๆ ทุกคนจึงค่อนข้างเชื่อในสิ่งที่จางซานหยาพูด
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเย็น “เด็กอายุแค่นี้โกหกไม่เป็นหรอก! พวกท่านนั่นแหละที่เป็นคนผลักชุนเถาบ้านข้าลงไป พวกท่านอย่าคิดจะปฏิเสธ!”
เมื่อแม่หลินเห็นว่าปิดบังต่อไปไม่ไหวแล้วจึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าเป็นคนผลักลงไปแล้วเจ้าจะทำไม? ข้าผลักนางก็เพราะนางมาหาเรื่องน่ะสิ?”
จางซานหยาร้องไห้ไปพูดไป “ท่านโกหก! ท่านกับหลีฮวานินทาพี่ใหญ่ข้า พี่รองข้าทนดูไม่ไหวจึงเข้าไปเถียงกับพวกท่าน พอพวกท่านเถียงสู้พี่รองข้าไม่ได้ก็เลยผลักนางลงไป!”
“พี่รองเจ้าเป็นบ้าขึ้นมาต่างหาก! จะมาตีหลีฮวาบ้านข้า ข้าถึงได้พลั้งมือ!” แม่หลินเอ่ย ตั้งใจจะโยนความผิดทุกอย่างให้จางชุนเถา
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเย็น “วันนี้ตอนชุนเถาออกจากบ้านก็ปกติดี! นางแค่สมองไม่ดีเพราะโหม่งกำแพง ไม่ได้เป็นบ้า!”
“ใครจะไปรู้ล่ะ นั่นน้องสาวเจ้า เจ้าจะพูดอะไรก็ได้!” แม่หลินแค่นเสียง
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “วันนี้ไม่ว่าพวกเจ้าจะยอมรับหรือไม่! ข้าก็ต้องแก้แค้นให้น้องสาวข้า!”
จางซิ่วเอ๋อรู้แล้วว่าการประชันฝีปากกับแม่หลินต่อไปไม่มีประโยชน์ใด ๆ
นางไม่ได้ลืมเป้าหมายที่มาในวันนี้หรอกนะ! ก็คือมาเพื่อแสดงอำนาจข่มพวกคนตระกูลสวี่ และให้คนอื่น ๆ ได้เห็นว่าถึงแม้นางจะเป็นแม่ม่ายอายุน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครจะมารังแกข่มเหงได้
จางซิ่วเอ๋อหวดอีโต้ พุ่งเข้าไปในบ้านตระกูลสวี่
นางพุ่งตรงไปหาแม่หลิน “วันนี้ต่อให้ข้าต้องแลกด้วยชีวิต ก็จะแก้แค้นให้ชุนเถา!”
แม่หลินเห็นจางซิ่วเอ๋อพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งก็หน้าซีดเผือด
ประเด็นก็คือการเคลื่อนไหวของจางซิ่วเอ๋อดูดุดันมาก ความรู้สึกจนมุมถึงขั้นสู้ตายนั้นทำให้นางรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อไม่สนใจอะไรแล้ว และจะฟันนางจริง ๆ
“อวิ๋นซาน! เจ้ามัวนิ่งอยู่ทำไม ไม่รีบห้ามนังบ้านี่อีก!” แม่หลินไปหลบหลังสวี่อวิ๋นซานด้วยตัวสั่นเทา
ตอนนี้สวี่อวิ๋นซานมองแม่หลินและจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตาโศกเศร้า
คนหนึ่งคือสตรีที่ตนอยากแต่งงานด้วย คนหนึ่งคือมารดาบังเกิดเกล้าของตัวเอง เขาลำบากใจจริง ๆ ที่ต้องอยู่ระหว่างกลาง
สวี่อวิ๋นซานมองจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตาวิงวอน “ซิ่วเอ๋อ เจ้าอย่าทำกับแม่ข้าแบบนี้เลย เรื่องชุนเถาข้าจะให้คำตอบที่เจ้าพอใจ……”
ถ้ามีเรื่องกันแบบนี้ต่อไป แม่ของเขาจะยอมให้ซิ่วเอ๋อแต่งเข้าบ้านได้อย่างไร?
มาถึงตอนนี้ สวี่อวิ๋นซานก็ยังอยากจะแต่งงานกับจางซิ่วเอ๋อ ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างจางซิ่วเอ๋อและแม่หลินเลวร้ายไปอย่างสิ้นเชิง
จางซิ่วเอ๋อกวาดตามองสวี่อวิ๋นซาน เอ่ยเสียงเย็น “ท่านจะให้คำตอบที่ข้าพอใจเหรอ? ท่านจะให้คำตอบอะไรข้าได้? อย่าลืมนะว่าท่านก็แซ่สวี่! ไม่ใช่ว่าสุดท้ายพวกท่านแม่ลูกก็ทำให้เรื่องนี้ผ่านเลยไปโดยไม่รับผิดชอบใด ๆ !”
สวี่อวิ๋นซานมองจางซิ่วเอ๋อตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
ซิ่วเอ๋อสมัยก่อนเวลาเจอตนมักจะพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ท่าทางหรือก็ใสซื่อ นางกลายเป็นสตรีแข็งกร้าวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
นางคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ได้อย่างไร?
จางซิ่วเอ๋อรู้ตัวว่าติดหนี้บุญคุณสวี่อวิ๋นซาน แต่เวลานี้นางไม่ยอมใจอ่อนหรอก
หนึ่งคือความบาดหมางระหว่างนางกับแม่หลินต้องจบ
สองคือการทำแบบนี้กับสวี่อวิ๋นซานไม่ใช่เพราะนางวู่วาม นางไม่มีทางคบกับสวี่อวิ๋นซานอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะให้ความหวังสวี่อวิ๋นซานทำไม?
หากนางเย็นชากับสวี่อวิ๋นซานหน่อยย่อมเป็นการดีกับทุกฝ่าย
สายตาสวี่อวิ๋นซานเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ซิ่วเอ๋อ…..เจ้าอย่าทำแบบนี้ได้ไหม? นางเป็นแม่ข้า…..”
“ข้ารู้ว่านางเป็นแม่ท่าน แต่นางไม่ใช่แม่ข้า! ทำไมข้าต้องยอมอดทนเพราะโดนรังแกด้วย?” จางซิ่วเอ๋อมองแม่หลินด้วยสายตาเย็นชา
แม่หลินมองสวี่อวิ๋นซาน พูดอย่างนึกโมโหที่ลูกตัวเองไม่ฉลาด “อวิ๋นซาน! เจ้าดูสิ นี่แหละโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง! นางกล้าทำแบบนี้กับข้า! ถ้าได้แต่งเข้าบ้านจริง ๆ ไม่ต้องพูดเรื่องที่ดวงกินผัวของนางจะทำให้ใครในบ้านเราตายไหม เอาแค่บ้านเรา คงไม่มีวันสงบอีก!”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินก็แค่นเสียงเย็น “ต่อให้ข้าจางซิ่วเอ๋อต้องเป็นแม่ม่ายตลอดชีวิต ก็ไม่แต่งเข้าบ้านตระกูลสวี่ของพวกท่านหรอก!”
เวลานี้ก็มีคนนึกถึงสถานการณ์วันนั้นที่จางซิ่วเอ๋อทะเลาะกับแม่หลินบนเกวียน
มีคนพูดเสียงเบากับคนข้าง ๆ “ดูท่าจางซิ่วเอ๋อไม่อยากแต่งเข้าตระกูลสวี่จริง ๆ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่หาเรื่องแม่หลินครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก”
“อื้ม ส่วนสวี่อวิ๋นซานดูท่าจะชอบจางซิ่วเอ๋ออยู่นะ…..”
ตอนนี้ผู้คนพูดกันไปต่าง ๆ นานา รู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าแปลกนัก
แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อโกรธแค้นจริง นางโบกมีดปังตอไปมาราวกับเป็นบ้า “ถ้าท่านไม่หลบ! ข้าจะฟันท่านด้วย!”
สวี่อวิ๋นซานเห็นจางซิ่วเอ๋อจะลงมือจริง ก็รีบลากแม่หลินหลบ
หลีฮวาและสวี่เมิ่งหลินอีกด้านก็หลบด้วย
จะว่าไปคนตระกูลสวี่ที่เก่งพอจะลงไม้ลงมือกับคนอื่นได้ก็มีแค่สวี่อวิ๋นซานคนเดียว แต่ตอนนี้สวี่อวิ๋นซานกำลังยืนดูภาพนี้ด้วยสีหน้าเลื่อนลอย ราวกับสะเทือนใจไม่น้อย
ส่วนคนอื่น ๆ ต่อให้ปกติดุไปบ้าง แต่พอเห็นจางซิ่วเอ๋อที่กวัดแกว่งมีดปังตอด้วยสายตาราวกับเทพมรณะจุติ ตอนนี้ใครจะกล้าเข้าใกล้ล่ะ?
…………………………………………