ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 61 ค้าขายครั้งเดียว
บทที่ 61 ค้าขายครั้งเดียว
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวีขมวดคิ้ว กลิ่นของมันช่างไม่น่าอภิรมย์เสียจริง เอาของแบบนี้ใส่ในอาหารจะกินได้เหรอ?
แต่เขาไม่ได้แสดงความสงสัยและความไม่พอใจของตนเองออกมา
ใครใช้ให้คุณชายฉินชอบแม่นางผู้นี้ล่ะ? ถ้าพูดกันแบบหยาบ ๆ ต่อให้แม่นางผู้นี้หิ้วขี้วัวมา เขาก็ต้องซื้อ
ว่าตามตรงตอนนี้เขาก็แค่เอาเงินมาให้จางซิ่วเอ๋อนี่แหละ ไม่ว่าจะซื้อของที่ใช้ได้หรือไม่ได้ เดี๋ยวไปบอกคุณชายฉิน คุณชายฉินต้องให้รางวัลเขาไม่น้อย!
จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ “เถ้าแก่ ของแบบนี้ถ้าใส่ตอนทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเหม็นของเนื้อหรือกลิ่นคาวของปลามันก็ช่วยลดได้ไม่น้อย ที่สำคัญที่สุดคือมันยังช่วยเพิ่มความสดใหม่ของรสอาหารได้ด้วยนะเจ้าคะ!”
“ของนี่สุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ?” ตอนแรกเถ้าแก่ไม่เชื่อ แต่พอเห็นจางซิ่วเอ๋อพูดด้วยท่าทางจริงจัง ก็อดแปลกใจไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะ “ท่านเป็นคนระดับไหน? ท่านเป็นถึงเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวีเลยนะ ข้าก็แค่นังเด็กบ้านจน จะกล้าหาเรื่องหลอกท่านได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าเป็นการหาเรื่องเข้าตัวเองหรอกหรือ? ถึงแม้ก่อนหน้านี้ที่มาขายปลาร้านท่านจะเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น แต่ข้าจะทำการค้าขายกับท่านแบบเป็นธรรมมิได้หรือเจ้าคะ?”
เถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีไตร่ตรอง และนึกในใจว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แม่นางผู้นี้ก็คงไม่กล้าหลอกตัวเอง อย่างไรเสียตัวเขาเองก็มีอิทธิพลในชิงสืออยู่บ้าง คนตาดีคงไม่อยากมามีเรื่องกับตัวเขาหรอก!
แต่เขาก็ยังมีความกังขาต่อของในมือจางซิ่วเอ๋อ พอใส่ของนี่ในอาหารแล้วจะทำให้อร่อยขึ้นได้จริงเหรอ?
คงไม่ทำให้รสชาติอาหารกลายเป็นรสแปลก ๆ ที่ไม่รู้ว่าเผ็ดหรือรสสมุนไพรใช่ไหม?
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านจะซื้อไหม? ถ้าไม่ซื้อข้าก็ไม่เปลืองเวลาท่านแล้ว”
ที่จริงจางซิ่วเอ๋อกำลังคิดว่าถ้าทางอิ๋งเค่อจวีไม่ซื้อเครื่องปรุงของตัวเอง นางต้องรีบไปทันที เสี่ยงหารือกับเถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีอยู่ที่นี่แล้วสุดท้ายขายอะไรไม่ออกเลยคงขาดทุนแย่
อีกอย่างครั้งนี้นางมีของต้องซื้อไม่น้อย เวลาของนางมีค่ามากนะ
ถ้าเป็นไปได้ นางอยากจะกลับไปให้ทันก่อนเที่ยง ชุนเถาบาดเจ็บอยู่ จะให้ชุนเถาทำกับข้าวไม่ได้หรอก
นาทีนี้เถ้าแก่ก็พูดอย่างไม่ลังเล “ข้าซื้อ ๆ ไม่ทราบว่าเจ้าขายเท่าไหร่เหรอ?”
จางซิ่วเอ๋อมองห่อเครื่องเทศของตัวเองแล้วเอ่ย “ของนี่ข้ามีไม่เยอะ ตอนนี้มีทั้งหมดสองห่อ ถ้าท่านจริงใจในการซื้อเครื่องเทศสองห่อนี้ ท่านจ่ายข้าแค่ 3 ตำลึงเงินพอ”
“เห็นเครื่องเทศนี่มีไม่เยอะก็จริง แต่ข้าว่าห่อหนึ่งก็ทำอาหารได้มากมายเลยล่ะ ทุกครั้งที่ทำท่านใส่ไปแค่นี้ก็พอ….” จางซิ่วเอ๋อพูดไปพลางทำมือให้ดูไป
นางกังวลอยู่นิดหน่อยว่าคนที่ไม่รู้ว่าเครื่องเทศคืออะไรจะเทไปทั้งห่อตอนทำอาหาร ถึงตอนนั้นทำเสียของดีไม่พอ อาหารจะยังกินได้อยู่หรือไม่?
“อีกอย่าง ของนี่ต้องใส่ตอนน้ำมันร้อน ๆ นะ อย่าใส่ตอนอาหารสุกแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่อร่อยหรอก!” จางซิ่วเอ๋อกำชับ
3 ตำลึงเงินถือว่าไม่แพง เดิมทีเถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีอยากให้จางซิ่วเอ๋อ 2 ตำลึงเงินอยู่แล้ว และเป็นเพียงค่ามัดจำ หากจางซิ่วเอ๋อไม่เอาปลามาให้ 2 ตำลึงเงินนั้นก็เท่ากับเสียเปล่า
ตอนนั้นก็แค่เพิ่มมาอีกตำลึง แล้วยังได้ของด้วย
ถึงแม้เขารู้สึกว่าของนี่จะดูไม่ดีเท่าใด แต่ก็ให้เงินไปโดยไม่ยึกยัก
จางซิ่วเอ๋อยื่นเครื่องเทศให้ ได้ 3 ตำลึงเงินมา หัวใจเบิกบานสุด ๆ ต้นทุนของพวกนี้ไม่ถึง 100 เหรียญทองแดง ขายได้แบบนี้เท่ากับกำไร 30 กว่าเท่า
ตอนนี้นางมีตำลึงอยู่บ้างก็จริง แต่ 3 ตำลึงเงินนี้เท่านั้นที่ได้มาอย่างสบายใจ
ไม่ว่าจะที่ขูดรีดมาจากแม่หลิน หรือที่เถ้าแก่ให้มาเกินตอนซื้อปลา ล้วนไม่ใช่ได้มาด้วยความสามารถตัวเอง ทำให้จางซิ่วเอ๋อมีความรู้สึกขลาดเขลาอยู่บ้าง
แต่พูดตามตรง ตำลึงที่จางซิ่วเอ๋อเรียกนั้นมากไปเล็กน้อย นางรู้ว่าถ้าแพงขนาดนี้โรงเตี๊ยมไม่ยอมซื้อแน่ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นต้นทุนไม่น้อย
แต่ตอนนี้นางไม่สน นางอยากทำการค้าขายแค่ครั้งเดียว ไม่เรียกเยอะหน่อยจะคุ้มกับความเหนื่อยของตัวเองและชุนเถาในช่วงนี้ได้อย่างไร?
จางซิ่วเอ๋อได้ตำลึงไปแล้วก็ไม่อยากเสียเวลาคุยกับเถ้าแก่อีก จึงเอ่ยขึ้นทันที “เครื่องเทศนี่ดีหรือไม่ ท่านเอากลับไปลองหน่อยก็รู้เอง ส่วนข้ายังมีเรื่องสำคัญอย่างอื่นอีก ขอไม่อยู่คุยกับเถ้าแก่แล้วนะ”
“โรงเตี๊ยมเถ้าแก่ขายดิบขายดี เรื่องที่ต้องยุ่งในแต่ละวันคงไม่น้อย งั้นข้าไม่รบกวนท่านแล้ว” จางซิ่วเอ๋อพูดจบ ไม่รอให้เถ้าแก่ตีสนิทอีกก็หายวับไป
เถ้าแก่ได้แต่ตะโกนใส่แผ่นหลังของจางซิ่วเอ๋อ “แม่นางเถาฮวา ถ้าเจ้ามีอาหารป่าอะไรอีกมาขายที่อิ๋งเค่อจวีได้เลยนะ รับรองว่าข้าให้ราคาที่เป็นธรรมแน่!”
จางซิ่วเอ๋อรับคำจากที่ไกล ๆ “ได้” แล้วก็หายไปไม่เหลือแม้เงา
ผ่านไปสักพัก จางซิ่วเอ๋อได้ออกมาจากตรอกเล็ก ๆ ตรอกหนึ่ง นางมองซ้ายมองขวาด้วยสีหน้าประหลาด และพึมพำกับตัวเอง “หรือว่าเถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีเป็นคนใจกว้าง ครั้งนี้อยากมาซื้อปลากับเราจริง ๆ ไม่ได้จะมาคิดแก้แค้นอะไร”
ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้นางรอดมาง่าย ๆ และยังไม่ส่งคนมาตามตัวเองอีก
ถ้าเถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีจะตามหาตัวเองก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
จางซิ่วเอ๋อคิดไม่ตกว่าทำไมเถ้าแก่ถึงทำแบบนี้ อย่างไรไปซื้อปลาที่ไหนมาก็เหมือนกันหมด ทำไมเขาต้องมาตีสนิทหญิงชาวบ้านอย่างตัวนางด้วย
ตอนนางไปอิ๋งเค่อจวีครั้งแรก ท่าทางคนในอิ๋งเค่อจวีดูถูกคนฐานะแบบตัวเองชัด ๆ ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนท่าทางไปอย่างน่าประหลาดแบบนี้ล่ะ
ว่ากันว่าอะไรที่ผิดปกติมักมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนเร้นอยู่
ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อจะคิดไม่ออกว่ามีลับลมคมในอะไร แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนของอิ๋งเค่อจวีเด็ดขาด
จางซิ่วเอ๋อจับตรงอกเสื้อแล้วยิ้ม นางคิดอย่างสำราญใจ ไม่ว่าอย่างไร ตำลึงนี่ก็มาอยู่ในมือตัวเองแล้วจริง ๆ
แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำการซื้อขายระยะยาวกับอิ๋งเค่อจวีได้ กลับไปแล้วนางต้องทำเครื่องปรุงอีก
นางคำนวณแล้วว่าด้วยกำลังของตัวเองในตอนนี้ยังไม่อาจซื้อแท่นหินบดไหว
ต่อให้ซื้อแท่นหินบดไหวก็ซื้อลาไม่ไหว หรือจะให้คนแขนเล็กขาเล็กอย่างนางและชุนเถาไปลากหินบดใหญ่ ๆ นั่นเองเหรอ?
วันนี้จางซิ่วเอ๋ออารมณ์ดี ตอนซื้อของก็กล้าใช้เงิน
นางซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองและชุนเถาอีก 2 ชุด พอมาถึงร้านเครื่องประดับก็ไม่ลืมที่จะซื้อปิ่นเงินหินห้อยคู่หนึ่ง สองอย่างนี่ใช้ตำลึงจางซิ่วเอ๋อไปถึง 1 ตำลึงเงินเชียวล่ะ
อย่างไรเสียก็เป็นเงินแท้ บวกค่าฝีมืออีกไม่ถูกหรอก
นอกจากของพวกนี้ นางยังซื้อดอกไม้ผ้าถูก ๆ อีกหลายดอก
นอกจากพวกนี้แล้วก็เป็นของกินของใช้ พวกถ้วยกะละมัง แล้วก็ตะเกียบช้อน จางซิ่วเอ๋อซื้อครบทั้งหมด
………………………………………………