ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 114 อย่างนั้นก็ไม่ต้องไว้หน้าพวกเขาแล้ว
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่ 114 อย่างนั้นก็ไม่ต้องไว้หน้าพวกเขาแล้ว
“แม่! อย่าค่ะ!!!”
ขณะที่เจิ้งยวี่เห็นภาพนี้ อึ้งไปทันที!
เบิ่งตากว้างและรีบเอ่ยปากห้าม
แต่ก็ช้าเกินไป น้ำชาได้ถูกสาดออกไปแล้ว
เฉินเกอเองก็หลบไม่ทัน
ดีที่ฝีมือไม่แม่น ชาร้อนแก้วนั้น เพียงแต่สาดโดนตัวของเฉินเกอ
พริบตาเดียว ก็ทำให้เฉินเกอกลายเป็นลูกไก่ตกน้ำ ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นชา
“ฮึ่ม คนอย่างนาย คู่ควรกับลูกสาวฉันเหรอ ไปให้พ้นเลยยิ่งไกลยิ่งดี!”
คุณแม่ของเจิ้งยวี่โกรธจนปาแก้วน้ำชาลงบนพื้น
เธอทำแบบนี้ เป็นการส่งสัญญาณ
ให้ตระกูลเจียงรู้ว่า ตระกูลเจิ้ง มีความจริงใจอย่างจริงแท้แน่นอน
สำหรับเฉินเกอจะเป็นหรือตาย เธอไม่ได้สนใจเลยสักนิด
“ฮึ่ม สมน้ำหน้า เฉินเกอ นายเงยหน้าขึ้น ฉันจะถ่ายคลิปวิดีโอไว้ เพื่อให้คนทั้งคณะได้รู้ นายเฉินเกอก็คือคนนอกคอกที่น่าขยะแขยง! ฮ่าๆ!”
เจียงเวยเวยหัวเราะอย่างสะใจ
สมาชิกตระกูลต่างก็ยิ้มที่มุมปาก
เฉินเกอ ไม่คาดคิดว่าแม่ของเจิ้งยวี่จะทำแบบนี้
ใช้น้ำชาสาดเขาต่อหน้าผู้คน ต้องไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาขนาดไหนถึงจะทำเรื่องแบบนี้ได้?
เฉินเกอใช้มือ บีบชาบนเสื้อออกอย่างระมัดระวัง
พลางใช้ตาคู่นั้นกวาดมองคนที่อยู่ในห้องทั้งหมด
โดยเฉพาะเจียงเวยเวย
“เวยเวย เธอรู้สึกว่าฉันจนมากใช่ไหม หากเธอพบว่า วันหนึ่ง ฉันไม่ได้จน และร่ำรวยมากด้วย เธอจะทำยังไง?”
“ยังมีพวกคุณ รักคนรวยเกลียดคนจนมากเกินไปไหม ไม่มองคนที่เป็นคนเลย พวกคุณมีอะไรที่เหนือกว่าเหรอ? หากพวกคุณรู้ว่าในสายตาผม พวกคุณนั่นแหละที่โคตรจน ถึงเวลานั้นพวกคุณจะทำยังไง?”
เจิ้งยวี่นึกว่าเฉินเกอจะปล่อยระเบิดเสียแล้ว แต่ไม่คิดว่า น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของเขาช่างเรียบเฉย
“ฮ่าๆๆ!”
“เฉินเกอ นายมันคนเซ่อหรือไง นายคิดเรื่องเงินจนบ้าแล้วมั้ง นายร่ำรวย ถุ๊ย! คำพูดประโยคนี้ของนายฉันได้บันทึกไว้แล้ว: จะให้คนอื่นดูว่านายมันน่าอายแค่ไหน!” เจียงเวยเวยกุมท้องหัวเราะ
“เจิ้งยวี่ นี่หรือคุณแฟนของเธอ? เห่อๆ ยังมองเขาเป็นคนอยู่เหรอ? เธอดูสิ เหมือนคนมั้ย? จนซักกลายเป็นเศษสวะแล้ว คนพรรค์นี้ ตายอยู่ข้างถนนถึงจะดี จนแป๊บเดียว จนทั้งชาติ ชาตินี้ไม่ทางได้ดีหรอก!”
“ก็ใช่ไง ดูการแต่งตัวของเขาสิ? ยวี่ยวี่ น้ารู้ว่ารู้หนูคงเลอะเลือนไปชั่วขณะ คุณน้าก็เข้าในหนู เอางี้ละกัน คุณอาเจียงของหนูมีตั๋วเที่ยวชมวิลล่าอยู่สามใบไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มันมาวิลล่าสปาวันนี้ก็มีจัดกิจกรรมด้วย ให้จื่อเฉียวและเวยเวยไปเป็นเพื่อนหนู พวกเธอไปเที่ยวด้วยกันเถอะ ฮ่าๆ พอดีเลย ยวี่ยวี่เมื่อก่อนก็เคยเป็นหัวหน้าที่วิลล่าอย่างนั้นหนูก็พาจื่อเฉียวและเวยเวยไปเที่ยวชมหน่อย!”
เวลานี้แม่ของเจียงจื่อเฉียวก็ได้พูดขึ้น
ดูท่าทางเอาเรื่องไม่เบา
“หนู……..”
“ไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน!”
เฉินเกอพูดอย่างเรียบเฉย เจิ้งยวี่อยากจะส่ายหัว แต่เห็นท่าทางของเฉินเกอ ทำเธอตกใจจนไม่กล้าปฏิเสธ
เฉินเกอมองเข้าใจแล้ว ตัวเขาเอง อยากที่จะใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างเรียบๆง่ายๆ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
มีคนมาหาเรื่องตลอด!
มีคนมาประชดแดกดันตลอด!
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอดทนต่อคนพวกเขานี้อีก
เวลานี้ เฉินเกอยื่นมือเข้าไปในกระเป๋า อยากที่หยิบทิชชูออกมาเช็ดร่างกาย
เสียง ตุบ! ดังขึ้น กุญแจรถลัมโบกีนี่ได้หลุดออกมาด้วย
ไม่ได้ตั้งใจมันหล่นลงมาเองจริงๆ!
เฉินเกอยังไม่อยากตบหน้าพวกเขาด้วยวิธีนี้
ก็เลยจะยื่นมือไปเก็บ
“โอ๊ย มีกุญแจรถเสียด้วย? แปลกดีเฮะ!”
ยังไม่ทันได้เก็บ ก็ถูกเจียงเวยเวยคว้าเก็บไปเสียก่อน
เธอหยิบขึ้นสังเกตอย่างละเอียด
สุดท้ายก็ พู่ ออกมาคำนึ่ง แล้วก็หัวเราะโดยตรง
“ว้าว กุญแจรถลัมโบร์กีนี โอ้มายก๊อต เฉินเกอ นายขับรถลัมโบกีนีเหรอ?”
“เห่อๆ กุญแจรถปลอมแน่นเลย ลัมโบร์กีนีมีกุญแจแบบนี้ที่ไหนกัน”
เริ่มแรกเจียงจื่อเฉียวยังตกใจจนสะดุ้ง
แต่มองแล้ว ก็หัวเราะทันที
กุญแจรถรุ่นนี้ มันไม่เหมือนกับรุ่นอื่นๆ เพราะว่ามันเหมือนรีโมทคอนโทรล แล้วมาร์คด้วยโลโก้ลัมโบร์กีนี
พูดตามจริง คนที่เห็นรีโมทคอนโทรลรุ่นนี้ ยังไม่เยอะ
ก็ไม่โทษการแสดงออกของเจียงจื่อเฉียวและเจียงเวยเวย
“ฮ่าๆๆ เฉินเกอ คิดไม่ถึงว่าตัวตลกอย่างนายก็ยังรักหน้าตาตัวเอง ถึงขั้นกล้าซื้อของเล่นแบบนี้ ขอร้องละ ถึงแม้นายอยากจะข่มคนอื่น หาอะไรที่มาสมจริงกว่านี้ได้ไหม?”
ไม่อยากจะว่าเขาแล้วจริงๆ พี่คะ พวกเราไปกันเถอะ นั่งรถมาเซราติของพี่ไปเที่ยววิลล่าสปา พี่ยวี่ยวี่ พวกเราไปกันเถอะ
“ฮึ่ม! เฉินเกอ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในคณะของเรา คนที่ทำให้ฉันขยะแขยงมากที่สุด ก็คือนาย นายรีบหายสาบสูญตอนนี้เลย!”
ตุ๊มดังขึ้นหนึ่งครั้ง
พูดจบเจียงเวยเวยก็เอากุญแจรถลัมโบร์กีนีโยนไปหน้าด้านของเฉิอเกอ
เจิ้งยวี่ไม่กล้าขัดความต้องการของเฉินเกอ ก็เลยไปอย่างกึ่งผลักกึ่งเดิน
“เหล่าเจิ้ง เราไปดูรถใหม่ของจื่อเฉียวกันดีมั้ย?”
คุณพ่อเจียงเสนอ
“ได้สิ ไปด้วยกัน ไอ้หยา! นายไปไกลๆหน่อย!”
ขณะที่คุณแม่ของเจิ้งยวี่เดินไปถึงข้างกายเฉินเกอนั้น ยังใช้แรงผลักเฉินเกอด้วย
“ฮู่!”
เฉินเกอถอนหายใจ เก็บกุญแจรถขึ้นมา เดินตามพวกเขาออกไป
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ต้องไว้หน้าอะไรอีกแล้ว…….
ตอนที่เดินออกมานั้น
พวกเจียงเวยเวยยังไม่ได้ขับรถออกไป แต่ว่าได้รายล้อมอยู่รอบๆรถลัมโบร์กีนีเรเบนตันแล้ววิเคราะห์กัน
“ว้าว รถคันนี้แหละ พี่รู้ไหม ที่ฉันเคยบอกพี่ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เขาก็คือมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาของฉัน โอ้สวรรค์ เขาต้องอยู่ที่นี่แน่เลย ต้องกินข้าวอยู่ในนี้แน่เลย!”
เจียงเวยเวยเห็นรถคันนี้แล้ว วู่วามจนกระโดดโลดเต้น
มหาเศรษฐีแห่งจินหลิง เจียงเวยเวยอยากรู้จักมาโดยตลอด
“จื่อเฉียว ลูกรู้ไหมว่ามันคือรถอะไร?”
เวลานี้ พ่อของจื่อเฉียวกับพ่อแม่ของเจิ้งยวี่ก็มาแล้ว
ตกตะลึงกันทั้งหมด
ตอนที่เรามา ทำไมถึงไม่ได้สังเกตถึงรถคันนี้
แต่ดูก็รู้ ว่ารถคันนี้คือรถหรู
“ลัมโบร์กีนี แท้จริงแล้วคืออะไร ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ น่าจะแพงมากพอสมควร แพงยิ่งกว่ายาพิษลัมโบร์กีนี หรูหราขนาดนี้”
“โอ้สวรรค์!”
ตระกูลเจิ้งกับตระกูลเจียงต่างสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่
“อันนี้คือรุ่นเรเบนตัน เป็นรถของมหาเศรษฐีในมหาวิทยาลัยฉัน!”
เจียงเวยเวยรีบร้อนพูดเสริม
และในขณะที่เธอกำลังพูด เฉินเกอก็เดินผ่านหน้าเธอ ค่อยๆเดินผ่านไป
“เฉินเกอ นายทำอะไร?”
“ไอ้คนนอกคอกคนนี้ ยังไม่ไปอีกเหรอ?”
เจียงจื่อเฉียวยิ้มอย่างเย็นชา
“ใช่ ไอ้โคตรจนคนนี้มาที่ลานจอดรถทำไม?”
คุณแม่ของเจิ้งยวี่ก็พูดขึ้น
“ไอ้คนโคตรจนคนนี้มาเอารถครับ ทุกท่าน แล้วพบกันใหม่!”
เฉินเกอยิ้มเฉยชา กดกุญแจที่อยู่ในมือ ปิ๊ดๆ!!!!
ดังขึ้นสองที ไฟหน้าก็กะพริบ แล้วหลังคาก็กางปีกออก
กลายเป็นซูปเปอร์คาร์ที่เปิดประทุน
เฉินเกอนั่งเข้าไปข้างในโดยตรง
อะไรเนี่ย?
ทุกคนต่างอึ้งกันไปหมด
โดยเฉพาะเจียงเวยเวย ตอนนี้เกือบจะกรี๊ดออกมาแล้ว
เฉินเกอ เฉินเกอ เฉินเกอ เขา เขา เขา เป็นเจ้าของรถคันนี้? ที่แท้กุญแจรถคันนั้น เป็นของจริง รถคันนี้เป็นของเฉินเกอ?
มหาเศรษฐีของคณะก็คือเฉินเกอ คนโคตรเทพที่ใช้ชีวิตธรรมดาคนนั้น อาจจะเป็นเฉินเกอก็ได้!
“อ๋า เฉินเกอ เรื่องมันยังไงกันแน่? รถคันนี้เป็นของนาย? เป็นของนายจริงเหรอ?”
เจียงเวยเวยไม่รู้สึกว่าถูกตบหน้า แต่รู้สึกว่าเหมือนเป็นลูกระเบิดที่อยู่ในใจได้ระเบิดดังขึ้นทันที
สั่นสะท้านไปทั่วร่าง ลนลานไปหมด
ทั้งใบหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อก
เขาเป็นไอ้โคตรจนที่อยู่ในสายตาเธอ! นี่มันเรื่องอะไรกัน?