ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 120 ซื้อเขาหนึ่งลูก
บทที่ 120 ซื้อเขาหนึ่งลูก
จนกระทั่งผู้ชายคนนี้ลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว
ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจอย่างรุนแรง
“หล่อสุดๆไปเลย หล่อจริงๆ!”
มีผู้หญิงบางคนสะดีดสะดิ้งด้วยความชื่นชม
ส่วนผู้ชายคนนี้ สวมแว่นกันแดด ดูเท่ ดูหล่อมาก!
ออร่าจับสุดๆ
พอเห็นสายตาชื่นชมสรรเสริญของผู้คนรอบข้าง เขาก็ยกมุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย
“สวัสดีทุกคน จริงๆกะจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับในมหาวิทยาลัยเพื่อจะได้ทำความรู้จักกับทุกคนสักหน่อย ในเมื่อตอนนี้มากันครบแล้ว ฉันก็ขอแนะนำตัวเองก่อนเลยล่ะกัน ฉันมาจากทางทะเลใต้ เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่ทะเลใต้ จนตอนนี้ ทุกคนน่าจะดูข่าวมาบ้างแล้ว พ่อของฉัน จ้าวจื่อซิ่ง จากนี้ไป จะมารับตำแหน่งประธานของบริษัทการค้าจินหลิง กรุ๊ปเหอะๆ ฉันก็เลยต้องย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยจินหลิงจนจบการศึกษา!”
“และแน่นอน ถึงแม้ว่าฉันจะรวย แต่ก็ไม่ใช่ลูกเศรษฐีที่หยิ่งทะนงแบบที่ทุกคนคิด เหอะๆ จากนี้ไปใครอยากไปเที่ยวเล่นที่ถนนการค้าจินหลิง แค่บอกชื่อของฉันไปก็พอแล้วล่ะ ฉันชื่อจ้าวชาน ชานของคำว่าไท่ชาน!”
พูดเสร็จ จ้าวชานก็ถอดแว่นออกทิ้งลงไปบนพื้น
ดูท่าทางน่าเกรงขามสุดๆ
“แม่เจ้า หล่อเกินไปแล้ว นี่คือคุณชายจ้าวอย่างนั้นหรอ? ตั้งแต่นี้ไปตระกูลของพวกเขาก็ได้มาดูแลจัดการถนนการค้าจินหลิงแล้ว โอ้พระเจ้า!”
“คุณชายจ้าว ฉันรักคุณ ฉันอยากเป็นเมียของคุณ!”
“คุณชายจ้าว ฉันจะคลอดลูกให้คุณเอง!”
มีผู้หญิงบางคนตะโกนออกไปอย่างหน้าไม่อาย!
จ้าวชานหันหลังไปส่ายหัวพร้อมกับยิ้มแห้งๆให้กับพวกที่พูดเยินยอประจบประแจงเขา
เห้อ ชินแล้ว ตนเองไปที่ไหน ก็มักจะได้รับความนิยมชมชอบจากกลุ่มผู้หญิงอยู่ตลอด เหนื่อยใจจริงๆ!
“ไปกันเถอะ ไปดูที่ห้องเรียนของคณะเศรษฐศาสตร์และการจัดการของพวกเรากันดีกว่า!”
จ้าวชานกลับเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง ซูเจี๋ยที่อยู่ตรงหน้ารถ ในขณะนี้ก็ชี้หน้าเฉินเกอที่กำลังลุกขึ้นมาปัดฝุ่นที่ก้น พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโกรธ
“แม่ง ถ้าครั้งหน้ายังไม่ระวังตัวให้ดีอีกล่ะก็ จะชนให้ตายแน่นอน!”
พูดเสร็จ รถยนต์สามสี่คันก็ขับออกไปท่ามกลางเสียงกรี๊ดด้วยความปลื้มปริ่มหัวใจ
ที่แท้ก็เป็นลูกชายของจ้าวจื่อซิ่ง
ทำไมถึงโอหังได้ขนาดนี้!
เฉินเกออีกนิดเดียวก็จะโดนชนแล้ว เขาอัดอั้นความโกรธไว้ในใจ
แต่ถ้าไปเอาเรื่องเขาจริงๆล่ะก็ สถานะของตนเองมันก็จะถูกเปิดเผยขึ้นมาแน่นอน
ได้ไม่คุ้มเสีย
อีกอย่าง เป็นลูกชายของจ้าวจื่อซิ่งด้วย ไว้หน้าเขาหน่อยก็แล้วกัน!
จากนั้น เฉินเกอปัดๆก้นแล้วก็เดินไป
เรื่องในวันนี้ ทำให้ในใจของเฉินเกอรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม
“ฮ่าๆ ไอ้เฉิ่มนี่ เกือบจะโดนชนแล้ว!”
“เออ ใช่ๆ แต่ถ้าชนเข้าจริงๆล่ะก็ ต่อให้เขาชดใช้ยังไงก็ชดใช้ไม่ไหวหรอก!”
“เธอดูสิ มีมือมีเท้าเหมือนกัน แต่ทำไมมันถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้ล่ะ? หันไปมองรูปร่างหน้าตาของคุณชายจ้าว แล้วหันกลับมามองคนแบบนี้ ความต่างชั้นกันมันชัดเจนเกินไปใช่ไหมล่ะ?”
“ช่างเหอะ ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ไปดูว่าคุณชายจ้าวกำลังทำอะไรอยู่ที่คณะเศรษฐศาสตร์และการจัดการดีกว่า!”
มีพวกผู้หญิงไม่น้อยเริ่มพากันมุ่งตรงไปยังคณะเศรษฐศาสตร์และการจัดการ
ขณะที่เดินผ่านเฉินเกอ ทุกคนต่างก็สบถใส่เขาด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
เฉินเกอเดินไปสงบสติอารมณ์ที่สวนด้วยความรู้สึกหดหู่
ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับเรื่องของซูมู่หาน
ในตอนนี้ ซูเฉียงเวยก็โทรศัพท์มาหาตนเองพอดี
“เฉินเกอ ฉันลาหยุดแล้ว จะได้ไปเขาหยุนเหมิงเป็นเพื่อนคุณแล้วล่ะ!”
เขาลูกนั้น เรียกว่า เขาหยุนเหมิง
เฉินเกอนัดกับซูเฉียงเวยไว้แล้ว วันนี้รอเธอลาหยุดเสร็จ จะได้ไปดูที่นั่นด้วยกัน
“อื้อ ถ้าอย่างนั้นรอแป๊บนะ ผมโทรไปหาหลี่เจิ้นกั๋วก่อน รอให้เขานำเอกสารข้อมูลมาให้หมด แล้วพวกเราก็จะไปด้วยกัน!”
เห้อ!
คุยโทรศัพท์เสร็จ เฉินเกอก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก
วันนี้ไปเขาหยุนเหมิงถือซะว่าไปผ่อนคลายสักหน่อยแล้วกัน มีเรื่องวุ่นวายมาตลอดครึ่งวันแล้ว!
พอนัดหลี่เจิ้นกั๋วเสร็จแล้ว เฉินเกอก็ขับรถไปกับซูเฉียงเวย ทั้งสองขับออกไปนอกเขตชานเมืองของจินหลิงเพื่อมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเขาหยุนเหมิง
เนื่องจากหลี่กั๋วเจิ้นได้ทำการแจ้งมาล่วงหน้าแล้วว่าจะมา ฉะนั้นตอนที่ไป ท่านคณะหัวหน้าต่างๆ ก็พากันมารออยู่ก่อนแล้ว
พูดตามตรง หมู่บ้านหยุนเหมิงของพวกเขา เพราะว่าอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง แถมการคมนาคมไม่ค่อยสะดวกสบายมากนัก
ดังนั้นจึงไม่มีการพัฒนามาโดยตลอด
แต่กลับกัน ได้ยินมาว่ามีเจ้าของกิจการจะมาเปิดการลงทุนที่นี่
ดึงดูดความสนใจของท่านผู้นำที่นี่ไม่น้อย
ส่วนเฉินเกอ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ตนเองมาเปิดประเดิมเซ็นสัญญาร่วมงาน
รู้สึกกดดันไม่น้อย
แต่ถ้าถ้าเอาข้อมูลที่หลี่เจิ้นกั๋วจัดสรรมาให้ รวมกับความรู้สึกที่ตนเองได้มายืนอยู่ตรงตีนของ เขาหยุนเหมิงแล้ว บรรยากาศที่เขียวชอุ่มของเขาหยุนเหมิง นี้มันก็ดูสดใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ตรงบริเวณตีนเขา มีทะเลสาบ เป็นสายน้ำที่ไหลมาจากบนเขา
ทัศนียภาพสวยงาม ทำให้คนรู้สึกสดชื่น
ดังนั้นในตอนนี้เฉินเกอตัดสินใจแล้ว ว่าเขาหยุนเหมิงลูกนี้ จะต้องได้รับการพัฒนาอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องสัญญาต่างๆ หลี่เจิ้นกั๋วเป็นคนปรึกษาเอง
เหมาเขาทั้งลูกแล้วดำเนินการพัฒนา ถือได้ว่าเป็นการจารึกลงในประวัติศาสตร์ได้เลย
ใช้เงินห้าร้อยล้านเต็มๆ ถึงจะซื้อเหมาเขาลูกนี้ได้
นอกจากที่พี่ให้มาสองร้อยล้านแบบเปล่าๆแล้ว ยังต้องออกเองอีกสามร้อยล้าน
แต่ถ้าได้ครอบครองเขาลูกนี้แล้ว คำนวณยังไงมันก็ถือว่าคุ้มอยู่ดี
พอเฉินเกอเซ็นสัญญาเสร็จ หลังจากนั้น ก็มีพูดคุยสัพเพเหระต่างๆกับคณะท่านผู้นำของเขตนี้
เรื่องพวกนี้ให้หลี่เจิ้นกั๋วไปคุยก็ได้แล้ว เฉินเกอจึงพาซูเฉียงเวยออกมา อยากให้เธอนำตนเองไปตระเวนเดินชมรอบๆตีนเขา
ซูเฉียงเวยรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่อยู่แล้ว
พาเฉินเกอมาที่ทะเลสาบเก่าแก่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของเขาหยุนเหมิง เรียกว่า ทะเลสาบจิ้งชาน
เดินรอบๆทะเลสาบนี้สักหน่อย
มองดูทะเลสาบที่ใสสะอาด จิตใจของเฉินเกอก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย เพิ่งจะนั่งลงไปตรงริมฝั่งไม่นาน
ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง
“ตายแล้วติงห้าว คิดไม่ถึงเลยว่าบ้านเกิดของนายจะสวยงามขนาดนี้? เย็นนี้พวกเรามาปิกนิกกันที่นี่กันดีไหม?”
“ฉันว่าได้นะ นี่มันคือดินแดนในอุดมคติชัดๆ เอ้อติงห้าว ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราต้องไปทำงานในเขตเมืองจินหลิงหลังจากนี้ล่ะก็ ฉันก็คงจะยอมแต่งงานกับนายแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ!”
หนุ่มสาววัยรุ่น พูดคุยหยอกล้อกันพร้อมกับเดินตรงมายังทะเลสาบจิ้งชานแห่งนี้
น้ำเสียงดูโหยหาธรรมชาติสุดๆ แต่ยังแอบมีกลิ่นอายบูชาเงินอยู่เล็กๆ
“ถ้าเป็นปิกนิก คงจะยากแล้วล่ะ ตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นไป เขาหยุนเหมิงของพวกเราก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ดังนั้นการมาปิกนิกต่างๆถูกห้ามหมดเลย!แต่พอเห็นทุกคนอยากจะปิกนิกกันขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองเสี่ยงดูแล้วกัน นอกจากนี้ พอกินกันเสร็จแล้วจะต้องเก็บทำความสะอาดพวกถ่านไฟให้หมดเกลี้ยงด้วยนะ!ไม่ให้เหลือแม้แต่ประกายไฟสักนิดเดียว”
ผู้ชายที่ชื่อติงห้าวพูดขึ้น
“ได้เลยๆ ปิกนิกปิ้งย่าง จากนั้นก็เอาเบียร์มาด้วยนะ ไม่เมาไม่กลับ!”
ทุกคนร้องเฮด้วยความดีใจ
“เอ้อ ใช่แล้วติงห้าว ตะกี้ที่นายบอกว่าหมู่บ้านหยุนเหมิงของพวกนายเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นหรอ? นายทำตัวลับๆล่อๆมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว รีบบอกมาเถอะ!”
มีคนเริ่มถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เหอะๆ ฉันพูดให้ฟังเยอะไม่ได้ พ่อฉันเป็นคนบอกกับฉันอีกที จากนั้นก็กำชับว่าจะป่าวประกาศให้คนนอกรู้ไม่ได้ แต่ถ้าพวกนายอยากรู้ ก็จะบอกให้สักนิดแล้วกัน ก็คือเขาหยุนเหมิงของพวกเราใกล้จะได้รับการพัฒนาแล้ว เหอะๆ วันนี้ก็มาเซ็นสัญญากันแล้วด้วย มีเศรษฐีใหญ่ทุ่มเงินเพื่อเหมาซื้อภูเขา!”
“โอ้แม่เจ้าอะไรเนี่ย?”
ทุกคนต่างพากันตกใจ
ต่างพากันร้องเสียงหลง ถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าหลังจากนี้ติงห้าวก็กลายเป็นทายาทเศรษฐีน่ะสิ!
โอ้พระเจ้า!
พวกเขาเดินตรงมาพร้อมกับพูดคุยหยอกล้อกัน
ส่วนเฉินเกอ พอได้ยินเสียงของพวกเขา ก็รู้สึกว่าน้ำเสียงคุ้นหูมาก จึงหันไปมองโดยทันที
ไม่คาดคิดว่าพอมองแล้ว เฉินเกอทำตาโตขึ้น
กลายเป็นพวกของเฉินหลินกับหลี่ชือหานได้ยังไงกันล่ะเนี่ย?