ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 163 อัปยศอดสู
บทที่ 163 อัปยศอดสู
ห้องสมุดเฉินเกออยู่ไม่ได้อีกต่อไป หลังจากที่เขาเช็ดเลือดกำเดาเรียบร้อยแล้ว จึงวิ่งหนีออกมา
ขายขี้หน้าเสียจริง
แต่มันควบคุมไม่ได้จริงๆ ก่อนอื่นเธอสวยมากจริงๆ แถมรูปร่างยังเข้าขั้นดีมากเลยทีเดียว ราวนางฟ้าเทพธิดาที่เหล่าชายน่าสมเพชไม่อาจเอื้อม
อีกทั้งน้ำหอมบนตัวเธอที่แรงเกินไป สิ่งนี้ ส่งผลให้เฉินเกอจามอย่างต่อเนื่อง
เฮ้อ สาวสวยราวนางฟ้าเช่นนี้ ท้ายที่สุดต้องตกเป็นของลูกมหาเศรษฐีเท่านั้นแล่ะ
คนธรรมดา ใครจะรั้งเธออยู่!
เอ๋ เดียวก่อน ตัวเขาเองก็คือลูกมหาเศรษฐีนี่นา ให้ตาย! ทำไมลืมสถานะตนเองอีกแล้วสิท่า!
เฉินเกอหัวเราะพลางส่ายหน้าด้วยความขมขื่น
ไล่มองเข้าไปในหน้าต่างที่ห้องสมุด กลับพบว่า หญิงสาวคนนั้นไม่รู้เมื่อไหร่เธอหันหน้าเพ่งไปที่เขา เธอจับจ้องเฉินเกออยู่ก่อนแล้วด้วยความประหลาดใจ
ทั้งคู่สบประสานสายตาต่อกัน หญิงสาวกลับรีบก้มหน้าลง
เฉินเกอละสายตาออกจากหญิงสาว
คิดสมเพชตัวเองนัก ตนมีซูมู่หานอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับจ้องหญิงสาวอื่นได้อย่างไร
อีกอย่าง หญิงสาวสวยๆเยอะแยะไป จะเจอหนึ่งคนชอบหนึ่งคนได้อย่างไรกัน!
เฉินเกอไม่ได้เจ้าชู้ขนาดนั้นสักหน่อย
เขาควบคุมสติที่เตลิดของตน เฉินเกอไร้กะจิตกะใจในการอ่านหนังสือ
เขายกนาฬิกาขึ้นดู ใกล้ถึงเวลาเที่ยงแล้วเขานัดกับซูเฉียงเวยก่อนหน้านี้แล้ว ว่าจะไปหาเธอที่มหาวิทยาลัยเจียงหนานกินข้าวด้วยกัน
แต่เขายังไม่มีโอกาสได้ไปหาเธอเลย
เฉินเกอจึงกดโทรศัพท์ มาถึงมหาวิทยาลัยเจียงหนานเป็นที่เรียบร้อย
มหาวิทยาลัยเจียงหนานและมหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
ถือว่ามีชื่อเสียงมาก
ระยะห่างของทั้งสองที่ไม่มากนัก ราวๆ20นาทีก็ถึงแล้ว
“เฉินเกอ!”
ส่วนซูเฉียงเวยหลังรับสายจากเฉินเกอ เธอมารอที่หน้ามหาวิทยาลัยทันที
หลังพบปะกัน ทั้งสองเพียงแค่ทักทายกันเล็กน้อย
“ไปกันเถอะ ฉันพาเธอไปกินข้าว!”
เฉินเกอหัวเราะเบาๆ
“ไม่ต้องหลอกเฉินเกอ วันนี้ฉันเลี้ยงนายเอง!”
ซูเฉียงเวยเอ่ยด้วยความลึกลับ
“หืม? เพราะอะไร?”
“เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของฉัน…..”
ซูเฉียงเวยเอ่ยเสียงแผ่ว : “แต่ก่อนฉันไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ฉันไม่เคยมีงานวันเกิดเลย และตอนนี้ ฉันมีนายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน นายช่วยฉันตั้งมากมาย ฉันอยากเลี้ยงข้าวนายสักมื้อ!”
“แต่ว่าเฉินเกอ…..โรงอาหารนายโอเคไหม?”
ยังไงซะเฉินเกอก็เป็นถึงระดับคุณชาย ต่อให้ซูเฉียงเวยรู้ว่าเขาไม่รังเกียจตน แต่ก็ยังเอ่ยถามออกไป
“มิน่าเมื่อคืนเธอถึงโทรถามฉันว่ามีเวลาว่างให้มาหา ที่แท้วันนี้เป็นวันเกิดเธอนี่เอง ทำไมเธอไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ฉันไม่ได้เตรียมของขวัญมาเลย!”
เฉินเกอส่ายหน้า
“ฉันไม่ต้องการของขวัญ แค่นั่งรับประทานอาหารด้วยกันก็พอแล้ว!”
ซูเฉียงเวยพูดขนาดนี้แล้ว เฉินเกอจึงปฏิเสธไม่ได้
แต่ว่า ยังไงซะก็เป็นวันเกิดของซูเฉียงเวย จะให้เธอเลี้ยงได้อย่างไร แถมเธอจัดงานวันเกิดกับเพื่อน จะง่ายดายเกินไปได้อย่างไร
เช่นนั้นเฉินเกอจึงหาร้านอาหารตะวันตกที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเจียงหนานที่มีชื่อว่าซูราถี
แต่ก่อนที่อยู่กับไป๋เสี่ยวเฟย ได้ยินเพลย์บอยพวกนี้เอ่ยอยู่บ่อยครั้ง
บรรยากาศไม่เลวเลยทีเดียว
แน่อยู่แล้ว ถึงแม้จะแพงกว่า แต่หากเฉินเกอชอบ ซูเฉียงเวยก็ไม่ขัดข้องใดๆ เธอเดินตามเฉินเกอเข้าไปข้างใน
ภายในกึกก้องไปด้วยดนตรีที่เปิดคลอเบาๆ เวลานี้ ลูกเข้าอัดแน่นในร้าน
เป็นพวกลูกหลานคนมีฐานะทั้งนั้น
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่แต่งตัวธรรมดาอย่างเฉินเกอและซูเฉียงเวยเดินเข้ามา
หญิงสาวเบะปาก ไม่สนใจพวกเขา
“นี่มันซูเฉียงเวยไม่ใช่หรือ? เธอมาทานอาหารที่ซูราถีได้อย่างไร?”
ในเวลานี้เอง ชายหนุ่มและหญิงสาวสี่คนเดินเข้ามา
ขณะที่เดินผ่านโต๊ะเฉินเกอ กลับหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน
พวกเขาจับจ้องไปที่ซูเฉียงเวยด้วยความตกตะลึง นัยต์ตาปะปนไปด้วยความเหยียดหยาม
“หวังหลิง พวกเธอเองหรือ?”
ซูเฉียงเวยเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เธอไม่กล้าทานต่อ มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อตนแน่นด้วยความตื่นเต้น
คนที่ชื่อหวังหลิง แต่งตัวจัดจ้าน โดยเฉพราะกระโปรงสีดำที่สั้นจู๋ ที่พยายามปกปิดก้นงามของเธอแทบไม่อยู่
ที่เหลือก็กล้าแต่งตัวเช่นกัน
ส่วนชายหนุ่มข้างกายนั้น ใส่ตุ้มหู ท่าทางฐานะดี
จากประโยคสนทนา พวกเขาคงเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอ
คอร์สเรียนแบบนี้ ในมหาวิทยาลัยของเฉินเกอเปิดสอนเช่นกัน มีทั้งนายตัวเองที่มีธุรกิจเล็กๆ และพวกพนักงานออฟฟิศ
สำหรับเพลย์บอยนั้น เข้าเรียนคอร์สก็เพื่อจีบสาว
ส่วนหญิงสาว ก็แค่คิดจะตกเงินตกทองเท่านั้น
ที่เหลือ จึงเป็นจำพวกซูเฉียงเวยที่ตั้งใจมาเพื่อเรียนรู้จริงจัง
“ฮ่าฮ่า ซูเฉียงเวยไม่ใช่จนมากหรือไง ทำไมมาทานอาหารที่นี่ได้?” หวังหลิงกอดอก หัวเราะเยาะซูเฉียงเวยอย่างได้ใจ
เสมือนว่าเสียดแทงซูเฉียงเวยเช่นนี้ เธอรู้สึกมีตัวตนขึ้นมา
เพราะอะไรอย่างนั้นหรือ?
เพราะเพิ่งเปิดคาบเรียนเมื่อหลายวันที่แล้ว ลูกหลานมหาเศรษฐีคนหนึ่งจะเลือกดาวประจำห้องให้ได้
จะเลือกก็เลือกเถอะ หวังหลิงไม่ยอมให้ตำแหน่งหลุดมือไปอยู่แล้ว
ผลที่ได้ คนที่เหล่ามหาเศรษฐีทั้งหลายเลือกนั้น กลับเป็นซูเฉียงเวยซะได้!
แถมยังให้ซูเฉียงเวยขึ้นกล่าวความรู้สึกที่ได้รับตำแหน่งอีก
ซูเฉียงเวยไม่ได้ทำตามที่มหาเศรษฐีแนะอยู่แล้ว
เผชิญหน้ากับเหล่าคนพวกนี้ เธอพยายามหลบหลีกพวกเขามาตลอด
แต่ว่า ทำให้คนที่ต้องการเอาชนะมาโดยตลอด รูปลักษณ์พ่ายแพ้แล้วนั้นเธอไม่พอใจอย่างมาก
บางเรื่องคนเก่าคนแก่ว่าเอาไว้ดีนัก
เรื่องอะไรที่ทำให้ผู้หญิงทรมานที่สุด ก็คือเรื่องที่บอกให้ผู้หญิงยอมรับว่าหญิงอื่นนั้นสวยกว่าตน
หวังหลิงก็เป็นเช่นนั้น มากไปกว่านี้ ซูเฉียงเวยก็แค่ผู้หญิงบ้านๆที่ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น
“วันนี้วันเกิดฉัน ฉันเลี้ยงเพื่อนฉันกินข้าว!”
ซูเฉียงเวยรับรู้อยู่แล้วว่าหวังหลิงนั้นตั้งใจ
เธอตอกกลับด้วยประโยคไม่หนักไม่เบาจนเกินไป
“พระเจ้าพระเจ้า เลี้ยงเพื่อนด้วยหรือ? ฉันว่าชายคนนี้เป็นแฟนเธอสินะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่พูดไม่ได้เลยหวังหลิง ซูเฉียงเวยกับชายคนนี้เหมาะกันดีนะ เธอดูการแต่งกายของพวกเขาสิ”
หญิงคนหนึ่งล้อขึ้น
“ฉันว่าพวกเธอเลิกพูดเถอะ ไม่เห็นหรือไงเขาสั่งแค่สเต็คสองจานกับน้ำผลไม้สองแก้ว วันนี้เป็นวันเกิดของดาวประจำคลาสอย่างซูเฉียงเวยทั้งที ให้พวกเขาฉลองไปเถอะ อย่ารบกวนเธออยู่เลย!”
ชายคนหนึ่งพยักหน้าพลางยิ้มเยาะ
เมื่อได้ยินคำว่าดาวประจำห้อง หวังหลิงโมโหกว่าเดิม
“แต่ว่าดูสิ พวกเขาทานง่ายแบบนี้ เค้กยังไม่มีปัญญาซื้อเลย ดูท่าทางพวกเขา เงินที่เก็บสะสมคงรับประทานอาหารหมดแล้ว ฮ่าฮ่า!”
“งั้นฉันไม่รบกวนล่ะนะ มิน่าเมื่อคืนได้ยินรูมเมทของซูเฉียงเวยบอกว่า เธอน่ะ ไม่เคยกินข้าวเย็นเลย ทีแรกคิดว่ารักษาหุ่นซะอีก ที่แท้ก็แค่ไม่มีเงิน!”
หวังหลิงอุทานอย่างดูหมิ่น เมื่อเสียดแทงจนสมใจแล้ว จึงกอดอกหมุนตัวจากไป
”ฉันไปล่ะ ไม่รบกวนพวกเธอทั้งสองแล้ว พวกเรายังต้องไปร่วมงานวันเกิดของคุณพี่เหลียวกับคุณชายหลี่ ใช่ไหมคุณชายหลี่!”
หวังหลิงคล้องแขนของชายมหาเศรษฐีคนหนึ่ง เดินจากไปอย่างรักใคร่
ส่วนซูเฉียงเวยถูกเหยียดหยาม เธอก้มหน้าไม่พูดอะไรทั้งนั้น ไม่ทานอาหารต่อ ไม่นานนัก เฉินเกอเห็นน้ำตาของซูเฉียงเวยไหลรินหยดลงเป็นสาย…..