ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 182 ไม่รังแกคนธรรมดา
บทที่ 182 ไม่รังแกคนธรรมดา
ตอนนั้นเองตำรวจสองสามนายก็เดินเข้ามาแล้วชี้พวกเขาพลางถาม
“ใช่ พวกเขานั่นแหละ”
ผู้ชายพันผ้าขาวที่หัวคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างหลังตำรวจแล้วชี้ติงห้าวพูดอย่างโหดเหี้ยม
ส่วนเฉินเกอก็เห็นได้ชัดว่าคนๆนี้คือใคร
หม่าเฟยไม่ใช่หรอ!
สถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนมาก หลังจากที่ติงห้าวต่อยหม่าเฟย พอหม่าเฟยทำแผลเสร็จก็ไปแจ้งความ
ดูเหมือนว่าตำรวจจะสืบได้จากการตรวจสอบมาจากถนนการค้าจินหลิง
พบว่าติงห้าวจองห้องอาหารแห่งหนึ่งใกล้ๆถนนการค้าจินหลิง
“โอเค อย่างนั้นพวกคุณเชิญไปกับพวกเราด้วยครับ!”
ตำรวจสองสามคนกล่าวเสียงเย็น
ติงห้าวกับพวกหลี่ชือหานออกอาการลนลาน
ส่วนติงห้าว แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกว่าตัวเองเก่งกาจ แต่ยังไงซะก็แอบผวาที่ตัวเองไปต่อยคนมา
แต่ก็พยายามทำใจกล้าว่า “ไปก็ไป อย่างมากสองชั่วโมงก็ปล่อยแล้ว!”
“เหอะๆ ก็เอาซี่ มาต่อยน้องชายฉัน จะคอยดูว่าสองชั่วโมงหลังจากนี้นายจะออกมายังไง!”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินกอดอกออกมาพร้อมพูดอย่างเหย่อหยิ่งเช่นกัน
“พี่ครับ ไอ้คนนี้แหละที่ทำผม!”
หม่าเฟยยืนอยู่หลังหญิงสาวอย่างว่าง่าย
“วางใจได้ พี่คุยเรื่องนี้กับหัวหน้าจือเรียบร้อยแล้ว เขาจะต้องรักษาความเป็นธรรมให้นายแน่นอน!”
หญิงสาวพูด
คำพูดนี้แสดงให้เห็นว่าบ้านของหม่าเฟยก็มีเส้นสายอยู่บ้างและเส้นสายนั้นก็ไม่ธรรมดาด้วย
ยิ่งทำให้ติงห้าวตระหนกกว่าเดิม
หลี่ชือหานก็นึกไม่ถึงว่าหม่าเฟยจะมีพี่สาวที่เจ๋งขนาดนี้
แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ
เธอกวาดสายตามองติงห้าวอย่างเย็นชาแล้วกวาดตามองคนที่มากินข้าวกับติงห้าวเรียบๆ
เธออดที่จะยักคิ้วแล้วพูดออกมาอย่างแปลกใจไม่ได้ “เฉินเกอ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
เฉินเกอก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้คือหม่าเซียวหยุนพี่สาวญาติฝั่งแม่ของหม่าเสี่ยวหนานไม่ใช่หรอ ยิ่งกว่านั้นไม่คิดเลยว่าหม่าเฟยกับหม่าเซียวหยุนจะมีความเกี่ยวพันกัน
เฉินเกอรู้ว่าหม่าเซียวหยุนไม่ได้มีน้องชายแท้ๆ
เวรแล้วไง! แบบนี้ฝั่งหนึ่งก็เพื่อนมัธยมปลาย ฝั่งหนึ่งก็เป็นญาติเป็นเพื่อนของหม่าเสี่ยวหนาน คนกันเองทั้งนั้น
เฉินเกออดที่จะยิ้มเฝื่อนๆออกมาไม่ได้
“อ้อ มาหาข้าวกินง่ายๆที่นี่ด้วยกัน!”
“หึ ได้ ในเมื่อนายมากินข้าวกับคนที่มาต่อยน้องชายฉันดูเหมือนว่าคนห่วยๆอย่างนายคงจะหนีไม่พ้น เสียแรงที่ฉันเคยดูแลนาย!”
หม่าเซียวหยุนพูดหน้าเคร่ง
พูดตามตรง ตั้งแต่ที่หม่าเซียวหยุนกับน้องสาวชวนพวกเฉินเกอไปกินข้าว ยังไม่ทันกินเสร็จก็เอ่ยปากบ่นเฉินเกอแล้ว
และสิ่งที่ทำให้วันนั้นตัวเองรู้สึกอึดอัดที่สุดคือเดิมทีนั้นกะจะมาอวดเบ่งอำนาจใส่เพื่อนมัธยมปลายของตัวเอง ผลก็คือไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเพื่อนผู้หญิงของเสี่ยวหนานเป็นอะไรไป เหล่าสาวๆกระซิบกระซาบกันอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
ไม่จำเป็นต้องสนใจเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง
สรุปก็คือมันน่าอึดอัดมาก
ตัวการที่ก่อกรรมทำชั่วนี้ แน่นอนว่าหม่าเซียวหยุนคงจะโทษเฉินเกอโดยมองข้ามความหวังดีของเขาไปแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เลยจะเจอกันแบบนี้
“หึ ตอนที่ฉันถูกต่อยคนๆนี้ก็อยู่ในเหตุการณ์!”
หม่าเฟยพูดเสริม
“โอเคๆ ไม่ต้องพูดแล้วครับ ถ้ามีอะไรจะพูดก็ไปพูดที่โรงพักเถอะครับ เชิญทุกคนกลับไปกับพวกเราด้วยครับ!”
ตำรวจพาทุกคนไปโรงพักหมด
เฉินเกอได้แต่กลุ้มใจ โชคร้ายจริงๆ
แต่ตอนนี้เขาจะพูดอะไรได้ล่ะ!
เมื่อไปถึงสถานีตำรวจก็ไปรับสารภาพอะไรพวกนั้น มีกล้องวงจรปิดอยู่ติงห้าวไม่สามารถไม่ยอมรับได้
จากนั้นก็จัดแจงให้ทุกคนรอผลที่ห้องเล็กๆห้องหนึ่ง
“ทำไงดีล่ะติงห้าว? นายว่าฉันจะโดนลงบันทึกไว้ด้วยไหม? ฉันเพิ่งจะสอบติดครูเองนะ ยังไม่ทันได้เรียกไปทำงานก็โดนลงบันทึกเสียแล้ว โรงเรียนจะต้องไล่ฉันออกแน่ๆเลย”
เฉินหลินพูดอย่างตื่นตระหนกในห้องขังเดี่ยว
“ไม่รู้สิ ยังไงซะครั้งนี้เราก็ทำร้ายคนอื่น หลักฐานก็หนาแน่น และหม่าเฟย……พี่สาวของหม่าเฟยก็ร้ายกาจมากไปด้วย!”
หลี่ชือหานก็เริ่มตื่นตระหนกแล้ว
เพราะแค่ดูก็รู้แล้วว่าหม่าเซียวหยุนไม่ใช่คนที่ควรจะมีเรื่องด้วย
ตัดภาพมาดูตอนนี้ สีหน้าติงห้าวร้อนใจจนซีดเผือก เดินไปเดินมาเหมือนไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่
หลี่ชือหานเริ่มผิดหวังขึ้นมา
เมื่อกี้เธอได้มองอีกมุมแล้วว่าพี่สาวของหม่าเฟยมีอิทธิพลในจินหลิง เธอเป็นสาวสังคมจริงๆ
แสดงให้เห็นว่าหม่าเฟยก็มีศักยภาพเช่นกัน
เมื่อมาพิจารณาโดยรวมดูแล้วหลี่ชือหานรู้สึกเสียใจในภายหลัง ตัวเธอโหดร้ายกับหม่าเฟยเกินไปรึเปล่านะ?
ถ้าหากอีกหน่อยหม่าเฟยประสบความสำเร็จแซงหน้าติงห้าวไปจะทำยังไง?
ยังไงซะติงห้าวนอกจากทำเก๊กแล้วก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้สักอย่าง ส่วนหม่าเฟยนั้นยังมีความสามารถที่แข็งแกร่งอยู่
ยิ่งคิดหลี่ชือหานก็ยิ่งสับสน
โอ๊ย! ทำไมนะ!
ตัวเองเกิดความรู้สึกกับผู้ชายถึง 3 คน
คนแรกคือเฉินเกอ แต่คนนี้ถูกตัดทิ้งแล้วเพราะไม่เข้าตา
คนที่ 2 กับคนที่ 3 ก็คือหม่าเฟยกับติงห้าว!
ตอนนี้จู่ๆหลี่ชือหานก็รู้สึกสับสน
“พอๆ เลิกพูดได้แล้ว นี่ก็บอกพ่อฉันไปแล้วนี่ พ่อฉันจะต้องคิดหาวิธีให้ฉันได้แน่แล้วพวกเธอก็ไม่โดนลงบันทึกหรอก วางใจได้!”
ติงห้าวพูดพลางเกาหัว
“ทางฝั่งหม่าเฟยดูไม่ยอมความนะ จังหวะนี้ยังไงก็โดนลงบันทึก!”
เฉินเกอพูดขึ้น
“เขี่ย! ดูปากนายเข้ากินหมาเข้าไปกี่ตัวแล้ว ให้ตายสิ เจอนายแล้วมีแต่เรื่องซวยๆจริงๆ!”
เฉินหลินด่าขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
“พอเถอะเฉินหลิน เธอไปว่าเขาแล้วจะได้อะไรขึ้นมา เขาอยากพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไป ยังไงซะคนที่มีเรื่องด้วยก็คือฉันกับติงห้าว! ฉันว่าเฉินเกอก็คงมาเยาะเย้ยพวกเราเฉยๆเอง!”
หลี่ชือหานพูดพลางกลอกตา
ไม่นานพ่อของติงห้าวก็มา ทั้งสองฝ่ายถูกพาไปที่ห้องไต่สวนโดนมีตำรวจไกล่เกลี่ย
พ่อของติงห้าวเองก็มีเส้นสาย ยังไงซะเรื่องที่ลูกชายตัวเองไปมีเรื่องชกต่อยก็ไม่สามารถบริษัทการค้า
แต่ก็ไม่สามารถให้คนอื่นมาดูถูกได้
หลังจากนั้นก็ใช้เส้นสายไกล่เกลี่ย ผลคือเส้นสายฝ่ายผู้เสียหายดีมาก ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันไม่ได้
ยังไงซะการทะเลาะวิวาทไม่ว่าใครจะเริ่มก่อน คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักก็ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
“พ่อ คิดหาวิธีหน่อยสิ ผมไม่อยากโดนลงบันทึกไว้นะ ถ้าอีกหน่อยมีมลทิน ผมก็แย่สิ!”
ตอนนี้ติงห้าวก็รู้จักกลัวกับเขาแล้ว
“แล้วฉันอีกคนค่ะคุณตำรวจ คุณก็เห็นนี่ว่าฉันแค่ไปด้วย ไม่ได้ลงไม้ลงมือ ฉันเป็นครูนะคะ อย่าลงบันทึกฉันเลย!”
เฉินหลินอ้อนวอน
แล้วมองไปที่หม่าเฟย “หม่าเฟยเมื่อก่อนพวกเราก็เป็นเพื่อนกันนะ ลืมไปแล้วหรอ!”
“หึ แน่นอนว่าฉันไม่ลืม หลี่ชือหานมีคนอื่น เธอก็หนีไม่พ้น! เรื่องนี้พี่สาวฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!”
หม่าเฟยพูดอย่างแน่วแน่
พ่อของติงห้าวถอนหายใจแล้วพูดพลางขมวดคิ้วว่า “คุณหม่าเซียวหยุน ผมรู้ว่าเส้นสายคุณกว้างขวาง แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรบีบคนอื่นจนตาย ผมรู้จักคนของบริษัทการค้าจินหลิงกรุ๊ป หรือว่าเรื่องนี้ถึงขั้นต้องให้คนในบริษัทมาออกหน้า?”
“เหอะๆ คุณเลิกเอาคนในบริษัทมากดดันฉันเถอะค่ะ คุณคิดว่าคุณรู้จักคนใหญ่คนโตเยอะหรอคะ?”
หม่าเซียวหยุนกอดอก
พ่อของติงห้าวกัดฟันแล้วเริ่มติดต่อบริษัทการค้า
ส่วนหม่าเซียวหยุนก็เริ่มติดต่อหม่าเสี่ยวหนาน
ทำไมหรอ?
เพราะเรื่องคราวก่อนหม่าเสี่ยวหนานเคยบอกเธอเรื่องเหตุการณ์ในตอนนั้น น้องสาวคนหนึ่งบอกว่าหนุ่มผมขาวคนหนึ่งพาคนขับไมบัคมา 7-8 คันเพื่อช่วยพวกเธอ
“เสี่ยวหนานหรอ ตอนนี้ฉันมีเรื่องอยากจะขอให้ช่วย คนที่ช่วยเธอคราวที่แล้ว เธอมีเบอร์ใช่ไหมช่วยติดต่อให้ฉันหน่อย น้องชายของเราถูกทำร้ายมา เขาบอกเธอไว้ไม่ใช่หรอว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้บอกเขาให้เขาช่วย!”
“ฮัลโหลครับคุณลี่ ผมเองๆ ผมคือฝั่งบัญชีของเขาหยุนเหมิง ครั้งที่แล้วที่กินข้าวกัน ประธานหลี่บอกไว้ว่าถ้าวันข้างหน้าผมมีเรื่องสามารถ……ใช่ๆๆ มีเรื่องนิดหน่อยครับ!”
ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงอำนาจของตน
ทำเอาเฉินหลินกับหลี่ชือหานที่ดูอยู่อึ้งค้างไป
ให้ตายเถอะ! ที่แท้แบคหนุนหลังของติงห้าวกับหม่าเฟยต่างก็ไม่ธรรมดา
เมื่อก่อนคิดว่าความสามารถในการต่อสู้มั่วๆของหม่าเฟยต่ำ แต่ดูตอนนี้สิ เส้นสายของพี่สาวเขามีถึงขนาดทีมรถไมบัคเลยนะ
หลี่ชือหานมักรู้สึกว่าตัวเองพลาดอะไรไป!
จริงๆนะ ตอนนี้หลี่ชือหานเข้าใจประโยคที่ว่า : โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน ฉะนั้นอย่าดูถูกคนอื่น!แล้ว