ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 198 ฉันอยากถามคุณเรื่องหนึ่ง
บทที่ 198 ฉันอยากถามคุณเรื่องหนึ่ง
หลังจากที่หลุดพ้นจากจ้าวยีฟานได้อย่างยากลำบาก ทุกคนก็เริ่มเที่ยวเล่นกันรอบๆงานเฉลิมฉลอง
ส่วนเฉินเกอนั้น ก็ไม่สามารถทนต่อการซักถามของผู้คนได้แล้วจริงๆจึงหาข้ออ้างให้กับตัวเองแล้วหลบหนีออกมาก่อน
อย่างไรก็ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จแล้ว แม่ของสวีเสีย ในตอนนี้นั้นมองหยางฮุยเหมือนดั่งของรักของหวงเลยทีเดียว
เฉินเกอนั่งแท็กซี่กลับโรงเรียนโดยตรง
“คนขับ จอดสักครู่!”
แต่ทันทีที่เขามาถึงประตูโรงเรียน เฉินเกอก็ได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าจึงบอกให้คนขับจอดรถ
ตอนนี้เกือบจะค่ำแล้ว
ก็ได้เห็นรถหรูสองสามคันจอดอยู่ริมถนนตรงประตูโรงเรียน
และเด็กผู้ชายหลายคนที่เหมือนนักเลงกำลังล้อมเด็กผู้หญิงที่ต้องการจะเข้าไปในโรงเรียน เห็นได้ชัดว่าพยายามขัดขวางเธอและไม่ปล่อยเธอไป
หญิงสาวดูโกรธมากและตบหน้าของเด็กชายไปหนึ่งที
พวกเขาก็กำเริบเสิบสานมากยิ่งขึ้น เหลือแค่ลงไม้ลงมือโดยตรงเท่านั้น
“เฮ้อ คุณชายร่ำรวยบางคนในตอนนี้ เห็นว่าที่บ้านรวยและมีอำนาจ จนเป็นคนนอกกฎหมายไม่เกรงกลัวกฎหมายเลย พ่อหนุ่ม ถ้าคุณฉลาดพอก็อย่าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้เลย คนบางคนนั้นเราไม่สามารถที่จะทำให้ไม่พอใจได้!”
คนขับก็มองไปทางด้านนั้นและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
ส่วนเฉินเกอยื่นแบงค์ร้อยให้โดยตรงแล้วพูดว่าไม่ต้องถอนและผลักประตูรถออกแล้วลงจากรถไป
เดินตรงไปทางหญิงสาวที่ถูกล้อมรอบไว้
คนขับอดไม่ได้ที่จะมองไปที่แผ่นหลังของเฉินเกอด้วยความเห็นใจ:“เฮ้อ พ่อหนุ่ม หวังว่าคุณจะโชคดีนะ!”
หลังพูดจบก็เหยียบคันเร่งแล้วขับรถออกไป
“คุณฉินหยาคุณอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พี่ใหญ่ของเราบอกแล้วว่าวันนี้จะต้องเชิญคุณไปให้ได้ แค่ดื่มเหล้าสักแก้ว ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยใช่ไหม?”
นักเลงน้อยหลายคนอ้าแขนทั้งสองข้างและล้อมฉินหยาไว้เป็นครึ่งวงกลม
รอบๆมีคนเดินผ่านไปมา แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้
“พวกคุณหลีกไป ฉันไม่รู้จักกับพี่ใหญ่พวกคุณ!ทำไมถึงต้องไปดื่มเหล้ากับเขา!”
ฉินหยาด่าด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“เหอะๆ คุณฉินหยาพี่ใหญ่ของพวกเราก็คือเฉินเฉียงไง คุณน่าจะเคยได้ยินมาก่อน เมื่อพูดขึ้นมาคุณกับพี่เฉียงก็เป็นพรหมลิขิตจริงๆ ก่อนหน้านี้พี่เฉียงยังเคยพบคุณครั้งหนึ่งในการประชุมแลกเปลี่ยนด้านธุรกิจกัน และลืมคุณไม่ลงเลย แต่ก็ร้อนรนที่หาข้อมูลการติดต่อของคุณไม่เจอเลย!”
“แต่แล้วในวันนี้โชคชะตาก็มาถึง บนโทรศัพท์มือถือของเด็กชายคนหนึ่งดันมีรูปถ่ายของคุณ เมื่อสอบถาม แล้วก็ได้คำตอบจริงๆ พี่เฉียงของพวกเราได้จัดโต๊ะไว้ให้คุณโดยเฉพาะเลย ถ้าคุณไม่ให้เกียรติ พวกเราต้องแย่แน่ๆเลย!”
นักเลงทั้งหลายยิ้มและพูด
“ไสหัวไปซะ ฉันบอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไป ถ้ายังแบบนี้อีก ฉันจะโทรแจ้งตำรวจแล้วนะ!”
ฉินหยากัดริมฝีปากแล้วพูด
“อะแฮ่ม ในเมื่อคุณฉินหยาคุณไม่ไว้หน้าแบบนี้ พวกเราก็ไม่เกรงใจแล้ว ทำได้เพียงแค่บังคับคุณให้ไปเท่านั้นแล้ว แต่หลังจากที่คุณได้เจอกับพี่เฉียงของเราแล้ว คุณต้องหลงรักพี่เฉียงของเราแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“พวก เชิญคุณฉินหยาขึ้นรถ!”
หลังจากหัวหน้านักเลงพูดจบก็มีลูกน้องสองสามคนตรงมาข้างหลังและจับแขนของฉินหยาแล้วลากเข้าไปในรถ
“พวกคุณทำอะไร พวกคุณปล่อยฉันนะ!ช่วยด้วย!”
ฉินหยาตะโกนด้วยความตื่นตระหนก
ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินมาว่าคนที่ชื่อเฉินเฉียงนั้น เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับแก๊งที่มีอำนาจด้านมืดมาก
นอกจากนี้ยังเป็นคุณชายที่เสเพลไร้ศีลธรรมอีกด้วย
เรื่องที่เคยทำนั้น น่าขยะแขยงมากจนเกินคำบรรยาย
ฉินหยาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้สนใจในตัวเธอ แต่ถ้าโดนเขาจับตัวไป ผลที่ตามมาก็สามารถจินตนาการได้เลย!
ในใจกำลังดิ้นรนอย่างสิ้นหวังในตอนนี้
ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!
และในเวลานี้
ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน!
จากนั้นก็เห็นว่าบนหัวของนักเลงทั้งสี่คนนั้นถูกทุบจนแตก
เต็มไปด้วยเลือด
และคนที่วิ่งตรงทานั้นแน่นอนว่าคือเฉินเกอ
หลังจากที่เขาเห็นว่าหญิงสาวที่ถูกลวนลามคือฉินหยาแล้ว ลงจากรถแล้วหากิ่งไม้ที่แข็งแรงและหนาสองท่อนจากข้างถนน และไม่กลัวว่าจะมีคนเสียชีวิตหรือไม่
มาถึงก็ทุบเข้าไปอย่างแรง
นักเลงทั้งหมดห้าคน
เพียงพริบตาก็ถูกเฉินเกอทุบจนสลบไปสี่คน
“เห้ย,คุณเป็นใคร?”
หัวหน้านักเลงตื่นตระหนกและพูดด้วยความตกใจทันที
“ผมจะฆ่าคุณ!”
เฉินเกอไม่พูดอะไรแล้วตรงเข้าไปต่อสู้
ส่วนนักเลงคนนั้นดูเหมือนจะต่อสู้บ่อยครั้ง หยิบก้อนอิฐขึ้นมาจากบนพื้นแล้วก็ต่อสู้กับเฉินเกอ
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถเอาชนะเฉินเกอผู้โหดเหี้ยมได้ และหนีไปด้วยความลำบาก
“เฉินเกอ คุณคุณคุณ……คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”
ฉินหยาก็ตกใจกลัวอย่างมาก
“ผมไม่เป็นอะไร!”
เฉินเกอเช็ดรอยเลือดตรงมุมปาก
“อ๊ะ!หัวของคุณดูเหมือนจะมีเลือดออก!”
ฉินหยาพูดอย่างประหม่าขึ้นมาทันที
อาจจะเป็นเพราะเมื่อกี้ไม่ได้ระวัง หน้าผากของเฉินเกอมีรอยถลอกเล็กน้อย
เพราะโดนนายคนนั้นแอบโจมตี
“แค่แผลเล็กๆเท่านั้น ทำไมพวกเขาถึงได้มาตอแยกับคุณ?”
เฉินเกอเช็ดบาดแผลบนใบหน้า วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้แบบนี้
ยังโชคดีที่ตัวเองมีแรงเล็กน้อย หลักๆแล้วคือเฉินเกอก็ไม่สนใจและทุบตีอย่างเต็มแรง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน วันนี้ฉันเพิ่งจะกลับมา จากนั้นพวกเขาก็โทรมารังควานฉันก่อนแล้วพวกเขาก็มาขัดขวางฉันที่โรงเรียน จะให้ฉันไปทานข้าวกับเฉินเฉียงอะไรนั่นให้ได้ ฉันไม่แม้แต่จะรู้จักกับเขา ก็ไม่รู้ว่าใครกันที่ให้ข้อมูลการติดต่อของฉันกับเขา!”
ฉินหยามองไปที่เฉินเกอที่ต่อสู้เพื่อตัวเองแล้วในใจรู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก
พูดด้วยรอบดวงตาที่แดงทันที
“ดูเหมือนจะเป็นลี่เยว่ไอ้ทุเรศคนนั้น!”
เฉินเกอบ่นพึมพำอยู่ในใจ
เรื่องในวันนี้ แน่นอนว่าเฉินเกอรู้สาเหตุดี เมื่อตอนเที่ยงลี่เยว่โดนเฉินเฉียงจับตัวไปสั่งสอน สั่งสอนอย่างไรนั้นเฉินเกอไม่รู้ แต่ครั้งนี้เฉินเฉียงย้ายสายตาตรงมาที่ฉินหยา แน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องลี่เยว่!
แม้ว่าจะหลบหน้าฉินหยามาตลอด แต่ในใจของเฉินเกอ นั้นยอมรับว่าฉินหยาเป็นเพื่อนของตัวเองมาตั้งนานแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รู้ว่าก่อนหน้านี้ฉินหยาปฏิบัติต่อตัวเองอย่างดี แล้วตัวเองทำให้เธอผิดหวังกับมิตรภาพที่มีให้ ทำให้ในใจของเฉินเกอนั้นรู้สึกผิดกับฉินหยามาตลอด
ดังนั้นเมื่อกี้เฉินเกอเห็นว่าเธอมีเรื่อง ถึงได้เข้ามาช่วยโดยที่ไม่คิดอะไร
เดิมทีเฉินเกอเห็นว่าฉินหยาไม่เป็นไรแล้ว จึงอยากกลับไปที่หอพักเพื่อทำแผล
แต่ฉินหยานั้นไม่ยอม จะให้เฉินเกอไปที่ห้องพยาบาลกับเธอให้ได้
นอกจากนี้ระหว่างทางฉินหยายังจับมือของเฉินเกอไว้แน่น
ไม่รู้ว่าฉินหยากำลังคิดอะไรอยู่ในสมอง ตอนแรกกังวลเกี่ยวกับเฉินเกอเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่รอให้เฉินเกอได้พูดอะไร ฉินหยาก็ปล่อยมือของเฉินเกออย่างแรงทันที บอกให้เฉินเกอเดินด้วยตัวเอง
“มีอะไรหรือเปล่า?”
เฉินเกอตะลึงและพูด
“ไม่มีอะไร ฉันแค่กำลังคิดว่าทำไมฉันต้องกังวลเกี่ยวกับคุณ ปฏิบัติดีต่อคุณขนาดนี้ด้วย เพราะคุณปฏิบัติแบบนั้นกับฉันมาก่อนและไม่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเลยแม้แต่น้อย!”
ฉินหยาพูดอย่างกะทันหันและเต็มไปด้วยความเสียใจ
“คุณรู้ไหม หลายครั้ง ฉันทำอาหารให้คุณเองที่บ้านและนำมาให้คุณ อยากให้คุณไปที่โรงอาหาร เราสองคนมากินข้าวด้วยกัน!ยังอยากศึกษาเรียนรู้พร้อมกับคุณ แต่คุณล่ะ หลบหน้าฉันอยู่ตลอด อีกอย่างแม่ของฉันป่วย แม้แต่ความห่วงใยสักคำคุณยังไม่มี ตอนนั้นฉันถึงได้รู้ว่า ฉันสำคัญตัวเองมากเกินไป ฉันคิดว่าในอนาคตคุณ……คุณจะคิดว่าฉันเป็นเพื่อน และยังคิด……เหอะๆ แต่ฉันคิดมากไปเอง!”
ฉินหยาพูด
“วันนี้คุณไม่ควรช่วยฉัน ฉันเสียใจกับคุณมามากแล้ว แต่คุณ ตอนนี้กลับมาทำให้ฉันรู้สึกขอบคุณคุณ อีกทั้งยังทำให้ฉันซาบซึ้งมากคุณต้องการอะไรกันแน่!”
ฉินหยากระทืบเท้าอย่างกระวนกระวาย
“ผมแค่ไม่อยากให้คุณโดนทำร้าย ผมคิดว่าคุณเป็นเพื่อนจริงๆ!”
ฉินหยาก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่หน้าเงินน้อยคนนักที่ตัวเองเจอมา อีกทั้งยังใจดีและสวยด้วย ยังปฏิบัติดีต่อตัวเองด้วย แน่นอนว่าเฉินเกอต้องนับเธอเป็นเพื่อนอยู่แล้ว
“โอเค อย่างนั้นฉันถามคุณเรื่องหนึ่ง……”
ฉินหยาพูดด้วยความซาบซึ้ง แล้วจ้องไปที่เฉินเกออย่างไม่วางตา