ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 202 เลี้ยงเพื่อนเก่ารับประทานอาหาร
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่ 202 เลี้ยงเพื่อนเก่ารับประทานอาหาร
ตอนที่ 202 เลี้ยงเพื่อนเก่ารับประทานอาหาร
พยาบาลเล็กพาเฉินเกอลงไปถึงเคาน์เตอร์รับเงินที่ชั้นล่างแบบไม่ค่อยเชื่อใจ
ทำไมถึงไม่ค่อยเชื่อใจละ
มองดูการแต่งตัวแล้วเฉินเกอก็เหมือนกับพวกที่ไม่มีเงินนั้น
หนึ่งแสนสามหมื่นนี้ สำหรับครอบครัวทั่วไปแล้วก็ไม่ใช่น้อยๆ เขาจะจ่ายไงล่ะ
แต่ว่าเฉินเกอก็ทำให้ธอเสียหน้าอย่างเร็ว เฉินเกอไม่เพียงจ่ายแค่ค่าผ่าตัดหนึ่งแสนสามหมื่นนั้น รวมถึงค่าเตียงผู้ป่วยที่เหลืออีกก็จ่ายไปด้วย
ทั้งหมดสองแสนถ้วน!
หนังตายังไม่กระพริบ
ทำให้พยาบาลนั้นถึงกับตกตะลึง
แต่เฉินเกอก็ไม่สนเธอ แล้วเดินขึ้นมาโด่งๆเลย
พวกเขายังทะเลาะกันอยู่
“พี่ชายคนโตคนรอง พี่สาวคนสามคนสี่ พวกคุณไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว เงินนี้ผมจ่ายไปหมดแล้ว!”
เฉินเกอพูด
“อะ?”
ตอนนี้บริเวณนั้นถึงได้เงียบลง
พี่น้องแต่ละคนก็อึ้ง
ส่วนหวูเชี่ยนหวูเชาก็จ้องมองเฉินเกอแบบไม่เชื่อ
“จ่ายหมดแล้ว?เฉินเกอ หนึ่งแสนสามหมื่นนะ?คุณเอาเงินมาจากไหน?”
คนโตถามแบบตะลึง
“เห้อ ไม่ใช่หนึ่งแสนสามหมื่น หนุ่มหล่อคนนี้เขาจ่ายไปสองแสน รวมทั้งค่าอยู่โรงพยาบาลก็จ่ายไปหมดแล้ว!”
พยาบาลไม่รู้ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็พูดออกไป
“สองแสน?”
คนพวกนั้นตะลึงกว่าเดิน
บนหน้าของหวูเชี่ยนกับหวูเชานั้นร้อนขึ้นมากกว่าเดิม เมื่อกี้พวกเขาเพิ่งจะพูดเหยียดเฉินเกอไปไม่กี่ประโยค ตอนนี้เฉินเกอเขาเอาเงินออกมาได้จริง นี้ไม่ใช่ตีหน้าหรอ!
ตอนนั้นก็พูดออกมาแบบไม่ยอมว่า:“เงินนี้ ไม่ใช่ว่าขโมยมานะ?”
“ใช่สิ วันก่อนเห็นข่าวในเน็ต ยังมีบอกว่าเงินหาย หรือว่าเฉินเกอแกเก็บเงินได้ แล้วไม่ได้คืนให้เขาหรือเปล่า?”
“ผมว่าคงเป็นแบบนี้!ระวังเขาแจ้งความนะ สองแสนนี้ จับคุณเข้าคุกแล้วปรับให้คุณตายได้เลยนะ!”
หวูเชาเตือนแบบไม่ใยดี
ยังไงเขาก็อยู่ฝ่ายบริหาร จึงรู้เยอะ
และก็เป็นประโยคนี้ ทำให้อาม่าหวูตกใจมาก:“เสี่ยวเกอ เงินนี้มายังไงกันแน่?”
“อ้อๆ ผมถูกล็อตเตอรี่น่ะ ได้เงินนิดหน่อย อาม่าหวูคุณไว้ใจได้เลย!”
เฉินเกอยิ้มบางๆแล้วพูด
เรื่องของฐานะ ไม่มีอะไรน่าปิดบังสำหรับอาม่าหวูแต่ในสถานการณ์ตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดกับอาม่าหวูยังไง
จึงพูดโกหกออกไป
แต่ว่า พอหวูเชี่ยนกับหวูเชาได้ยิน ถึงกับตาโตขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะหวูเชี่ยน
ถามแบบเร่งรีบว่า:“แกได้เงินเท่าไหร่?”
คำพูดแบบนี้ ถ้าเป็นผู้ใหญ่แบบคนโตคนรองนี้ ไม่มีหน้าที่จะถามออกมาตรงๆ แต่ถ้าอย่างเด็กเล็กแบบหวูเชี่ยนนี้ ก็จะไม่สามารถเก็บความอยากรู้ได้
ต้องเข้าใจว่า คุณปู่ชอบบ่นตลอด ว่าเฉินเกอนี้เป็นคนดี อยากจะให้ตนแต่งงานกับเฉินเกอ
แต่คนจนแบบเฉินเกอนี้ใครจะไปชอบละ
เพราะอย่างนั้นหวูเชี่ยนจึงปฏิเสธทันที
ตอนนี้พอได้ยินว่าเฉินเกอถูกล็อตเตอรี่ เธอก็สั่นไปทั้งตัว
เห้ย ถ้าได้ถูกกลายเป็นเศรษฐีแล้ว อย่างนั้นตนก็คงเสียดายจนเขียวไปถึงลำไส้สิ
“แกรีบพูดสิเฉินเกอ แกถูกรางวัลเท่าไหร่กันแน่?”
หวูเชี่ยนกระทืบเท้า
เฉินเกอแค่ยิ้ม จากนั้นก็ยื่นนิ้วออกไปห้านิ้ว
“อา?ห้าแสน?”หวูเชี่ยนตกใจจนทำตาโต
ส่วนอาม่าหวูนั้นบนใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี:“อา?คุณถูกห้าแสนจริงหรอ?”
เฉินเกอยิ้มแห้งแล้วพูดว่า:“คุณป้าก็ไม่ต้องสนว่าเป็นเงินเท่าไหร่แล้วนะ คุณไว้ใจได้เลย รอบนี้ไม่ว่าคุณลุงใช้เงินเท่าไหร่ ผมก็จะจ่ายหมดเลย!”
พยุงให้อาม่าหวูนั่งลง
ส่วนหวูเชี่ยนละ ในใจนั้นรีบร้อนอย่างกับมีมดวิ่งผ่าน
ทำไงดีละ?
ฟังดูน้ำเสียงของเฉินเกอแล้ว เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ถูกแค่ห้าแสนนะ?
หรือว่า จะเป็นห้าล้าน?
โอ้พระเจ้า!!!
หวูเชี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งรน แต่เฉินเกอนั้น ก็มีใจอยากเล่นขึ้นมา ไม่พูดจำนวนที่แน่ชัด ให้พวกเขาเดาไปสิ!
สองวันนี้ เฉินเกอก็ไม่ได้กลับไปก็อยู่กับอากงหวูตรงโรงพยาบาล ดีที่อาการไม่ได้แย่มาก แค่นอนพักสักระยะก็พอแล้ว
วันนี้ตอนเที่ยง เฉินเกอช่วยดูแลให้อากงหวูอาม่าหวูกินข้าวไปก่อน
แล้วท้องของตนก็หิว จึงเตรียมตัวไปกินข้าวที่โรงอาหารของโรงพยาบาล
“นี้ไม่ใช่เฉินเกอหรอ!แกกลับมาแล้วจริงด้วย!”
ในตอนที่กำลังเอาข้าวนั้น อยู่ๆไหล่ของตนก็โดนตบไปหนึ่งที
เฉินเกอหันหัวไปดู เป็นผู้หญิงรวบผมไว้ หน้าตาก็ดูดี แต่งหน้าด้วย
แต่ถึงจะแต่งหน้าไว้ เฉินเกอก็ยังดูออก
“คุณคือลี่หมิงเฉว่?”
เฉินเกอพูดแบบงงๆ
ผู้หญิงคนนี้เฉินเกอรู้จักแน่นอนอยู่แล้ว เป็นเพื่อนสมัยม.ปลายของตน ห้องเดียวกัน ตอนนั้นเหมือนจะเป็นตัวแทนของอังกฤษนะ ชื่อว่าลี่หมิงเฉว่
หน้าตาตอนนั้นแค่นับได้ว่าดูดีนิดหนึ่ง
แต่ก็แค่สามสี่ปีไม่ได้เจอกัน แค่แต่งหน้าที นั้นก็กลายเป็นทั้งสวยทั้งเซ็กซี่จริงๆแล้ว
เปลี่ยนแปลงก็เยอะอยู่นะ
ที่จริงแล้วกลับบ้านเกิดแล้วเจอกับเพื่อนที่อยู่เรียนตอนม.ปลายนั้น เฉินเกอก็เตรียมใจมาอย่างดีแล้ว
ยังไงแล้วที่ต้องทำงานก็ทำงานกันแล้ว
“วันนี้ฉันอยู่ในกลุ่มของตัวแทนอังกฤษพวกฉันนั้น เห็นรูปของแกแล้วนะ คือครูหลิวหมินเป็นคนถ่าย แกแบกกระเป๋าเดินทางไว้อันหนึ่ง ฉันก็รู้ว่าแกกลับมาแล้ว!ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้นะ!”
ลี่หมิงเฉว่พูดไปพลางหวีผมตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะจบไปแล้ว แต่ครูบางคนก็ยังจะเก็บช่องทางการติดต่อของตัวแทนที่สนิทกันด้วยไว้ นี้ก็พบบ่อยอยู่
ว้าว!แต่เฉินเกอนั้นอึ้ง
หลิวหมินถ่ายตนเมื่อไหร่ ทำไมตนไม่รู้?
เธอน่าจะถ่ายตอนที่ตนลงรถละมั้ง
ยังไงแล้วตอนที่เธอเรียกให้ตนไปช่วยเธอยกสัมภาระนั้น เธอเอามือถือขยับไปขยับมาต่อหน้าตน ก็คงจะถ้ายไว้ตอนนั้นละ!
แม่งเอ้ย!ไอ้ผู้หญิงนี้……
เฉินเกอด่าออกไปในใจ ไร้มารยาทจริงๆ!
“ใช่แล้ว แกอยู่ที่โรงพยาบาล คือมีผู้ป่วยอะไรอยู่หรอ?”
ลี่หมิงเฉว่คุยกับเฉินเกอนิดหน่อยตอนนี้ เมื่อก่อนเธอกับตนนั้นคุยกันน้อยมาก แต่ตอนนี้ แค่ดูก็รู้แล้วว่าได้รับบทเรียนจากสังคมแล้ว รู้เรื่องอยู่นะ
“อืมๆ ลุงของผมอยู่โรงพยาบาลนี้!คุณล่ะ?คุณก็มีผู้ป่วยอะไรหรอ?”เฉินเกอถามไป
“เห้อๆ ผู้ป่วยของฉันเยอะเลย เดี๋ยวฝั่งลุงแกนั้นมาบอกกับฉันหน่อยก็ได้นะ จะได้เดินงานลงหน่อย!”
ลี่หมิงเฉว่ยิ้มบางๆ
“อ้อๆ ผมรู้แล้ว คุณเป็นหมอตรงนี้แล้วหรอ?”
เฉินเกอถาม
“อืมๆ เป็นหมอฝึกหัดนี้ อีกไม่นานก็ได้เป็นหมอจริงแล้ว!”
ลี่หมิงเฉว่พูดแบบเชิดหน้า
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว!”
ในบ้านของลี่หมิงเฉว่น่าจะมีเส้นหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องปกติ ปีไหนตอนใกล้จะจบนั้น เรื่องพวกนี้ก็ไม่น้อย
มีเส้นก็ใช้เส้น ไม่มีเส้นก็ใช้ความมหัศจรรย์
ก็แค่เรื่องแค่นี้นะ!
ถึงเฉินเกอตักข้าวแล้ว
“แกไม่ต้องตักแล้ว มื้อนี้ฉันเลี้ยงแกเอง น้า ช่วยฉันตักข้าวสองชุด!”
ลี่หมิงเฉว่ขยับป้ายบนมือ น้าที่ตักข้าวให้ก็ตักข้าวให้เฉินเกอกับลี่หมิงเฉว่มาเต็มๆ
เป็นกับข้าวดีทั้งนั้น
“ยังไงแล้วพวกฉันก็เป็นเพื่อนกันตอนสมัยม.ปลาย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี เลี้ยงแกกินข้าวหน่อย แกไม่รังเกียจใช่มั้ย?”
ลี่หมิงเฉว่เอามือปิดปากไว้แล้วพูดไปพลางยิ้มไป
เฉินเกอส่ายหัว:“ไม่หรอกนะ ขอบคุณมากๆนะ นี้ก็ดีแล้ว!”
สองคนนั่งลง
ลี่หมิงเฉว่เหมือนกับเปิดกล่องคำพูดออกแนะนำถึงความเป็นอยู่ของตนในสองปีนี้ ถึงจะเป็นแนะนำ แต่ที่จริงแล้วคืออยากอวด เธออยู่ได้ดีกว่านักเรียนทั่วไป
เฉินเกอแค่ฟังไป แล้วชมบ้างบางที
ในตอนนี้ ก็มีหมอหนุ่มที่ใส่เสื้อกาวน์สีขาวเดินมาทางลี่หมิงเฉว่
“หมิงเฉว่ คนนี้คือใคร?”
“อ้อๆ นี้เป็นเพื่อนสมัยม.ปลายของฉัน นี้ก็พบกันไม่ใช่หรอ เลยเลี้ยงข้าวมันสักมื้อ!เห้ยๆเฉินเกอ ฉันจะแนะนำให้แกนะ นี้คือลี่กังแฟนหนุ่มของฉันที่บอกกับแกเมื่อกี้ พ่อของเขาเป็นรองผู้บริหารเลยนะ!”
ลี่หมิงเฉว่พูดไปยิ้มไป
“อ้อ เพื่อนสมัยม.ปลายของคุณหรอ เลี้ยงข้าวทำไมกินที่โรงอาหารละ ยังไงก็ต้องเตรียมที่ภัตตาคารมั้ย จะได้คุยเรื่องเมื่อก่อนดีๆ!”
ลี่กังพูดไปยิ้มไป
“แค่กๆ ฉันไม่ใช่ว่าจะต้องทำงานตอนเย็นอีกหรอ มีเวลาที่ไหนละ อีกอย่าง เฉินเกอแกไม่รังเกียจใช่มั้ย?”
“ก็ดีอยู่!ก็ดีอยู่!”เฉินเกอพยักหัวรัวๆ แล้วเอาข้าวเข้าปากอีกหลายคำ
ที่จริงแล้ว รู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีจริงๆ
ส่วนที่เหลือ ก็คือฟังพวกลี่กังเขาคุยกัน
“ใช่แล้ว คืนนี้คุณไม่ใช่ว่ามีเพื่อนสมัยม.ปลายจะมานะ พวกลี่เชาเขา ก็กลับมาเพราะวันหยุดแล้ว ผมลองดูแล้ว คืนนี้คุณต้องอยู่เวรนะ!”
ลี่กังพูด
“อะ?อย่างนั้นคุณช่วยฉันย้ายหน่อยสิ พวกลี่เชาเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันตอนสมัยม.ปลายเลยนะพวกเขาวันหยุดกลับมา ยังไงฉันก็ต้องเลี้ยงพวกเขาดีๆ ถึงจะต้องลาก็ชั่ง ไม่ได้เจอกันตั้งสามสี่ปีแล้ว ใช่แล้ว ภัตตาคารที่ฉันให้คุณจองเสร็จหรือยัง?”
ลี่หมิงเฉว่ถาม
“จองเสร็จแล้ว จินหรูยี่!”
“ไม่ได้ อันนั้นชั้นต่ำไป ไปโรงแรมเป่าเฉิงดีกว่านะ ยังไงก็เพื่อนสมัยม.ปลายที่ไม่ได้เจอกันตั้งสามสี่ปีแล้ว คุณจะให้ฉันดูจนต่อหน้าพวกเขาก็ไม่ดีใช่มั่ยละ?”
“อย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นก็เปลี่ยนเลย!ใช่แล้ว เมื่อไหร่จะได้เชิญผู้จัดการคุณบ้างละ รีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จดีกว่านะ?ต้องรู้ว่าผู้จัดการของคุณอยู่ฝ่ายผู้บริหารนะ พ่อของฉันก็ช่วยไม่ได้นะ!”
ลี่กังยิ้มแห้งแล้วพูด
“เห้อ!พูดถึงมันแล้วฉันก็อารมณ์ขึ้น ไม่กินแล้วไม่กินแล้วเครียด!”
ลี่หมิงเฉว่หงุดหงิดจนปาตะเกียบ
ส่วนเฉินเกอก็ฟังรู้เรื่องแล้ว เหมือนกับว่าลี่หมิงเฉว่จะมีเรื่องอะไร……