ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 207 เพื่อนของเจียงหรานหราน
บทที่ 207 เพื่อนของเจียงหรานหราน
ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกสงสัยมาก จึงได้แต่จ้องดูเฉินเกอ
ที่จริงแล้ว เฉินเกอก็ใส่เสื้อผ้าธรรมดา ๆ แต่งตัวคล้าย ๆ กับชาวบ้านในชนบท และในใจก็ยังมีความคิดดูถูกอีกด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดก่อนหน้านั้น
คงไม่ต้องพูดถึงว่าเจียงเว่ยตงและถังหรานทั้งสองคนนั้น จะรู้สึกละอายแค่ไหน
โดยเฉพาะถังหราน
ที่เมื่อครู่พูดว่าเจียงเว่ยตงมีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ คืออีกสักพักจะประชุม ซึ่งเป็นอาการที่อยากจะให้เฉินเกอนั้นกลับไปโดยเร็ว
แต่สุดท้าย ลูกสาวกลับพูดความจริงขึ้นมา
จะไม่ให้ทั้งสองคนนั้นรู้สึกละอายได้อย่างไรกันล่ะ
ฉันว่านะถ้าลูกสาว ออกมาช้ากว่านี้นิดหนึ่งก็คงดี ป่านนี้เขาคงกลับไปแล้ว
“อ๋อ หรานหราน หนูลืมไปแล้วหรอลูก นี่คือลูกชายของคุณอาจิ้นตงไง ตอนเด็ก ๆ พวกหนูทั้งสองคนก็เคยเจอกันแล้วนะ”
ถังหรานรู้สึกอายมาก เลยพูดออกมาแบบนี้
“หนูจำได้แล้ว เหมือนจะชื่อเฉินเกอใช่ไหม……”
ผู้หญิงพูดขึ้น
“ฉันชื่อ เฉินเกอ เธอยังจำฉันได้ น้องหรานหราน หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เธอนับวันยิ่งสวยขึ้นเลยนะ”
ผู้หญิงคนนี้ชื่อ เจียงหรานหราน เฉินเกอเองก็รู้จัก
เพราะว่าตอนที่เขายังเป็นเด็กก็จะมาที่บ้านของเธออยู่บ่อยครั้ง เจียงหรานหรานเองก็ดูรังเกียจเฉินเกออย่างเห็นได้ชัด และเธอเลยพูดกับแม่ของเธอขึ้นว่า แม่คะรีบให้เขากลับไปเถอะค่ะ เขาทำพื้นบ้านของเราสกปรกหมดแล้ว
เธอเองเป็นคนที่เคารพในการตัดสินใจของตัวเองมาก และตั้งแต่เด็กเฉินเกอเองกลัวการเยยะเย้ยจากเจียงหรานหรานมาก
แต่ว่าตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ เฉินเกอจึงได้พูดออกไปด้วยความเกรงใจ
“ขอบคุณนายนะเฉินเกอ นายเองก็หล่อขึ้นเหมือนกัน ต่อไป หากมีเรื่องอะไรก็หวังว่านายจะคอยดูแลฉันนะ”
เจียงหรานหรานยังใจกว้างที่ยื่นมาจับที่มือของเฉินเกอ
ถึงแม้นว่า คำพูดที่เจียงหรานหรานพูดออกไปนั้น จะเป็นคำพูดที่พูดตามมารยาทก็เถอะ
แต่ว่า เป็นประโยคที่เฉินเกอฟังแล้วรู้สึกดีตั้งแต่มายังบ้านของพวกเขา
จากนั้นเขายิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “ได้สิ ไม่มีปัญหา ต่อไปนี้ หากเธอมีปัญหาอะไรก็มาหาฉันได้เลย”
เจียงหรานหรานยิ้มแล้วก็ดึงมือกลับ และในใจกำลังคิดว่า
เฮอะ ๆ มีปัญหาอะไรแล้วก็ไปหานายน่ะหรือ นายคิดว่านายเป็นใครกัน แค่พูดดีกับนายแค่นิดเดียว กลับลืมสนิทแล้วหรือว่าใครเป็นใคร
ใช่สิ เจียงหรานหรานนั้นเกิดในครอบครัวข้าราชการ คงไม่ต้องพูดถึงเส้นสายของพ่อเธอหรอก แม้นแต่ความสามารถของตัวเองก็มีเยอะ
และหลังจากที่เรียนจบมาแล้ว ตัวเองคงจะประกอบธุรกิจส่วนตัว ยังจะต้องใช้ใครได้หลังจากนี้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินเกอเลยว่าจะให้เขามาช่วย
“เฉินเกอ ไม่งั้นนายก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน พอดีว่าเพื่อนของหรานหรานจะมา งั้นนายก็กินกับพวกเขาเลย ฉันเมื่อครู่ยุ่งไปหน่อยเลยลืมเรื่องนี้ไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมกับข้าวก่อนนะ”
ถังหรานในเวลานี้ก็ยังคงละอายอยู่เลยพูดแบบนี้ขึ้นมา
เมื่อครู่ยังจะไล่เฉินเกอกลับไปอยู่เลย แต่ว่าเมื่อลูกสาวได้พูดความจริงออกมาแล้วนั้น จึงทำให้พวกเขานั้นรู้สึกละอายแก่ใจอยู่บ้าง
หากไม่อยู่สักหน่อย มันก็จะเป็นการหักหน้าพวกเขาเกินไป
“อืม ใช่ อยู่ด้วยกันก่อน จะได้รู้จักเพื่อนใหม่บ้าง”
เจียงเว่ยตงเองก็พูดขึ้นมา
และมีเพียงสีหน้าของเจียงหรานหรานเท่านั้น ที่ไม่อยากจะให้เขาอยู่ต่อ
เพราะเธอตั้งใจที่จะเชิญเพื่อนเธอมา แต่กลับมีไอ้หนุ่มบ้านนอกเข้ามาร่วมด้วย จึงทำให้เธอนั้นรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไร
แต่ในเมื่อพ่อกับแม่เชิญเขาแล้ว ตัวเองก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรได้
แต่ต่อมาเฉินเกอเองก็มีอาการนิ่ง ๆ ลง
ไม่นานนัก เพื่อนของเจียงหรานหรานต่างก็ได้มากันหมดแล้ว
มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิงประมาณเจ็ด แปดคนได้
และหลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้วนั้น ทางด้านของถังหรานก็ได้ตระเตรียมอาหารไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
แล้วเจียงเว่ยตงก็รีบเรียกให้ลูกสาวและเพื่อน ๆ ของเธอนั่งกับที่นั่งบนโต๊ะอาหาร
“หลินตง นายมาตรงนี้ มานั่งข้าง ๆ ฉัน วันนี้นายต้องดื่มกับฉันหน่อยแล้ว”
เจียงเว่ยตงจูงมือของหลินตงแล้วเดินไปยังที่นั่ง อย่างไรก็ต้องให้เขานั่งกับตัวเองให้ได้
หลินตง เป็นนักเรียนชายที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ฟังจากเมื่อครู่ที่คุยกันนั้น เฉินเกอก็รู้เลยว่า พ่อของเขาเป็นผู้บริหารระดับสูง
และมีความสามารถเป็นอย่างมาก
และหลินตงคนนี้ ดูเหมือนว่าจะสนใจเจียงหรานหรานอยู่บ้าง
และเจียงเว่ยตงเองก็แทบอยากจะให้หลินตงกับลูกสาวของตัวเองมีความสัมพันธ์กัน ดังนั้น จึงไม่ต้องพูดถึงเลยว่าครอบครัวนั้นจะต้อนรับหลินตงดีขนาดไหน
“หรานหรานกับนายเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ถือว่าเป็นวาสนาของครอบครัวเราจริง ๆ เธอดูเสี่ยวตงสิ ความสามารถเยอะแค่ไหนไม่ต้องพูดถึง แถมยังเป็นคนนิสัยดี น่าคบหาอีกด้วย ไม่รู้ว่าต่อไปลูกสาวบ้านไหนจะได้เขาเป็นสามี แต่ว่าหรานหรานของบ้านเราคงไม่ได้หรอก หนูดูหนูสิหรานหราน เหมือนกับเด็กผู้ชาย ช่างต่างจากนายมากเหลือเกิน”
เจียงเว่ยตงพูดและยิ้มด้วย
“คุณอาเจียงก็พูดเกินไปแล้วครับ หรานหรานสวยขนาดนี้ เธอเป็นแฟนของใคร คนนั้นสิถึงจะเรียกว่าวาสนาดี อีกอย่างหรานหรานก็เคยบอกกับพวกเราว่า ตอนที่คุณอาเป็นทหารอยู่นั้น ไม่ใช่ยกหรานหรานให้กับลูกชายของเพื่อนที่ร่วมกันรบหรอกหรือครับ
เฮอะ ๆ ”
หลินตงพูดแล้วยิ้มออกมา
“เรื่องนั้นได้ยกเลิกไปนานแล้ว” ในเวลานั้นถังหรานยิ้ม พร้อมกับยกกับข้าวออกมา แล้วพูดกับหลินตงว่า “นี่ไง เฉินเกอคนนี้ไง ที่เมื่อก่อน พ่อของหรานหรานดื่มเหล้าและมีอาการเมามากจึงได้ยกลูกสาวให้กับเฉินเกอ แต่พวกเธอดูสิ เฉอเกอดูมีมาดนิ่งจะตาย หรานหรานคงไม่เหมาะกับเขาหรอก นายคิดว่า ฉันพูดถูกไหมเฉินเกอ”
ถังหรานถามเฉินเกอที่นั่งอยู่มุมโต๊ะนอกสุด
“ใช่ครับ ๆ ๆ ”
แล้วเฉินเกอจะฟังความหมายของคำที่ถังหรานพูดไม่ออกได้อย่างไร และเขาเองก็กลัวจะเป็นประเด็นที่ทำให้คนอื่นสนใจ เขาจึงรีบพยักหน้ารับในทันที
และในตอนนี้ ทำเอาหลินตงนั้นเริ่มจะหวาดกลัวขึ้นมา
ที่จริงแล้ว เรื่องที่เขางชอบเจียงหรานหรานนั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่วันสองวัน แต่ว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะได้สารภาพสักที เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนนั้น มันค่อนข้างคลุมเครือ
แต่คุณน้าถังหรานบอกว่าได้ยกลูกสาวให้คนอื่นไปแล้ว และตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็อยู่ในที่นี่ด้วย
ช่างเหมือนกับละครเสียจริง
เพราะว่าสายตาทุกคู่ของทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลินตงและเฉินเกอ
และกำลังเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองอยู่
ในตอนนี้ หลินตงหัวเราะแล้วยืนขึ้น “โอ๊ะ!หากไม่ใช่คุณน้าถังหรานแนะนำ พวกเราเองก็คงไม่รู้ นายเกือบจะได้เป็นสามีของหรานหราน มา ๆ ๆ ต้องมาทำความรู้จักกันหน่อยแล้ว สหายเฉินเกอ ฉันชื่อหลินตง ตอนนี้ทำงานอยู่ที่สำนักงานแห่งหนึ่ง เฮอะ ๆ ……”
หลินตงแสร้งทำเป็นประหลาดใจแล้วลุกขึ้นยืนและจับมือกับเฉินเกอ
ทั้งพูดไปและสั่นมือที่จับเฉินเกอไป และนาฬิกาข้อมือที่อยู่บนแขนก็ฉายแสงวูบวาบ แล้วก็พูดอย่างถ่อมตนขึ้นว่า
“นี่คือของที่ครอบครัวเป็นคนจัดหาให้ ฉันเองก็เลยได้ใช้กับเขาหน่อย เพราะว่าฉันเองก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร”
“ฮ่า ๆ เสี่ยวตง นายอย่าถ่อมตนไปหน่อยเลย หากนายไม่มีความสามารถแล้วใครกันล่ะจะมีความสามารถ ต่อให้เป็นเฉินเกอก็เถอะ หากนายเอาภาระหน้าที่ที่นายรับผิดชอบในเขาทำ เขาเองก็ทำไม่ได้หรอก เหล่านั้นมันเป็นเรื่องเดิม ๆ ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก มา ๆ ๆ ดื่มเหล้าด้วยกันดีกว่า”
เจียงเว่ยตงหัวเราะแล้วตบไหล่ของหลินตงเบา ๆ
หลังจากนั้นก็ได้พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น เป็นไงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คือคนอื่นต่างหัวเราะชอบใจในสิ่งที่พวกเขาคุยกัน
และเจียงหรานหรานเอง ก็มีสีหน้าที่พอใจ และก็เอามือท้าวคางมองที่หลินตง
รู้สึกว่าน่าภูมิใจมาก
เจียงหรานหรานเองรสนิยมก็ไม่ต่ำ เพราะคนทั่ว ๆ ไป เธอเองก็จะไม่สนใจอยู่แล้ว
เฉินเกอเองก็นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยเป็นเพื่อน ไม่ทันไรก็ลุกขึ้นรินเครื่องดื่มให้แก่ทุกคน
“ขอบใจนะเฉินเกอ”
ในเวลานี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหน้าตาสะสวยนั่งอยู่ข้าง ๆ กับเฉินเกอ แล้วก็ส่งยิ้มให้กับเขา
“ไม่ต้องเกรงใจ” เฉินเกอตอบกลับ
“นายไม่ต้องคอยรินเครื่องดื่มหรอก ใครอยากจะดื่มก็ให้คนนั้นรินเองก็ได้ อิอิ นายออกไปกินข้าวข้างนอกกับคนอื่นบ่อยไหม”
ผู้หญิงคนนั้นอยากรู้ แล้วเธอก็มองที่เฉินเกอ พร้อมถามขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ก็ดูดีมีราศี สรุปคือ หน้าตาสะสวยบุคลิกดี ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากเจียงหรานหรานเลย
แต่ว่าเป็นเพราะว่าไม่ดื่มเหล้า พวกเธอเลยนั่งห่าง ๆ ออกไปหน่อย
และเมื่อครู่ที่ได้คุยกับเธอนั้น เฉินเกอเองก็ได้รู้จักชื่อของเธอ
เธอชื่อ สวี่ซิน
“โอ้ว ๆ ก็ไม่บ่อยหรอก”
เฉินเกอเข้าร่วมงานเลี้ยงไม่บ่อยจริง ๆ
เพียงแต่งานเลี้ยงในวันนี้มันต่างจากครั้งก่อน ๆ มาก มีที่นั่ง ที่สำคัญคือมีเจียงเว่ยตงผู้ที่มีอาวุโสร่วมนั่งอยู่ด้วย
และในเวลานี้ ถังหรานก็ได้ยกอาหารอีกหนึ่งอย่างเข้ามา และกำลังจะวางยังด้านหน้าของหลินตง
แต่ว่าหลินตงไม่ทันได้ระวัง พอมือปัดไปโดนถังหรานเข้า อาหารก็คว่ำลงกระจายเต็มพื้น
“ไอ้หยา!”
ถังหรานอุทานด้วยน้ำเสียงที่แหลมเล็ก
หลินตงรีบลุกขึ้นในทันที พร้อมกับพูดขอโทษ
“ไม่เป็นไร ๆ เจ้าเด็กคนนี้ น้ากลัวมันจะลวกนาย เดี๋ยวน้าจะมาทำความสะอาดเอง นายทั้งสองคนดื่มต่อเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักค่อยไปทำมาใหม่ได้”
ถังหรานยิ้มละพูดออกมา
จากนั้นก็รีบทำความสะอาดพื้นให้เรียบร้อย
ในเวลานี้ เฉินเกอเห็นว่าแก้วเหล้าของพวกเขาไม่มีเหล้า ก็เลยลุกขึ้นไปรินเหล้าให้พวกเขา
แต่ไม่รู้ว่าหลินตงตั้งใจทำหรือไม่ พอเฉินเกอรินเหล้าให้นั้น มือของเขาก็เริ่มสั่น และแก้วเหล้าก็ร่วงหล่นจากมือ ตกกระทบพื้นจนแตก
“เชี่ยเอ้ย!”
หลินตงตกใจ
ในเวลานั้น พอดีที่ถังหรานออกมาจากห้องครัวแล้วเห็นเข้าพอดี
“นายรินเหล้าเป็นไหมเนี่ย รินยังไง ถึงได้ทำให้แก้วเหล้าร่วงลงพื้นแบบนี้”
ถังหรานมองเฉินเกอด้วยสีหน้าที่ดูโกรธและก็ด่าเขาด้วย
และเจียงเว่ยตงเอง ก็มองเฉินเกอด้วยหางตา นี่เป็นการรังเกียจเฉินเกอจนเสียมารยาท……