ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 212 อาหารฝรั่งเศสมันแพงเกินไป
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่ 212 อาหารฝรั่งเศสมันแพงเกินไป
บทที่ 212 อาหารฝรั่งเศสมันแพงเกินไป
“ขอโทษนะคะ รบกวนคุณผู้หญิงขยับนิดหนึ่งนะคะ”
พนักงานบริการหญิงที่อยู่หัวแถวพูดกับเจียงหรานหรานด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ
และหลังจากนั้น เจียงหรานหรานเองก็ตะลึงงันในทันใด แล้วพนักงานบริการก็นำอาหารฝรั่งแต่ละเมนูเสิร์ฟให้กับเฉินเกอ
“อะไรเนี่ย อะไรกัน”
เจียงหรานหรานเองรู้สึกช็อคจนทำอะไรไม่ถูก
“นี่ ๆ ๆ พวกเธอไม่ได้เข้าใจผิดอะไรใช่ไหม พวกเธอเสิร์ฟผิดที่หรือเปล่า”
เจียงหรานหรานพูดขึ้นด้วยอาการตกใจ
ซึ่งตัวเองนั้น ก็พอจะมองออกว่าอาหารเหล่านี้ แต่ละอย่างล้วนแต่มีราคาที่ไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็คงจะสามพันหยวนขึ้น และอาหารเหล่านี้ เฉินเกอเป็นคนสั่งหรอ
ถูกแล้ว เธอแต่ไหนแต่ไรมาต่างก็ชอบดูถูกเฉินเกอ คิดว่าเฉินเกอเป็นแค่ไอ้คนจน กระจอก ๆ คนหนึ่ง
และอีกอย่าง เมื่อก่อนนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอได้เผลอพูดออกมา เรื่องที่พ่อของเธอกับพ่อของเฉินเกอที่ต่างฝ่ายจะให้ลูกของตนแต่งงานกัน พอเธอได้พูดออกมาแล้ว ก็โดนหัวเราะเยาะจนรู้สึกอาย
“หรานหราน เจ้าบ่าวบ้านนอกยังรอเธออยู่นะ”
เสียงหัวเราะเยาะของเพื่อนนั้น เธอเองก็ไม่เคยจะลืมลงได้
นี่นับเป็นสิ่งที่คอยตามหลอกหลอนจิตใจของเจียงหรานหรานเป็นอย่างมาก
โดยปกติไม่พูดหรอก แต่เจียงหรานหรานเองก็อดที่จะคิดไม่ได้
ดังนั้น เมื่อครั้งใดที่พูดถึงเรื่องนี้ เธอเองจะรู้สึกขยะแขยงมาก
แต่ว่าตอนนี้ เฉินเกอกินอยู่อย่างหรูหราแล้ว
“ไม่ได้เสิร์ฟผิดหรอกค่ะ คุณเฉินได้สั่งอาหารที่แพงที่สุดของร้านเราค่ะ ที่มีเชฟจากฝรั่งเศสเป็นคนลงมือรังสรรค์อาหารให้ค่ะ ทั้งหมดแค่ 6999 หยวนเองค่ะ”
พนักงานบริการพูดอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็ทำความเคารพต่อเฉินเกอแล้วก็เดินกลับไป
“อะไรนะ 6999 หยวนหรอ” เจียงหรานหรานยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เพราะเธอเองก็ไม่เคยที่จะฟุ่มเฟือยอย่างนี้มาก่อนเหมือนกัน
“เฉินเกอ นี่มันคืออะไร นายก็จนกว่าใคร ๆ นะ แล้วทำไมต้องทำตัวฟุ่มเฟือยอย่างนี้ แถมยังสั่งอาหารฝรั่งเศสเช็ทใหญ่อีก นายคิดอะไรอยู่ นายรู้ไหมว่าเงินเจ็ดพันหยวนของนาย เอาไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรอ”
เจียงหรานหรานพูดอย่างไม่เกรงใจ
“เออ ใช่ ๆ ไม่มีเงินแล้วมาแสร้งเป็นมีเงินอีก ฉันเป็นใคร แล้วนายล่ะเป็นใคร โทรศัพท์มือถือของฉันก็ 6999 หยวนแล้ว แล้วนายกินข้าวแค่มื้อเดียวทำไมต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้ นายคงตกใจจนสมองกลับแล้วมั้ง”
และหลินตงเองก็ได้พูดตามไป
ความจริงแล้ว ในอำเภอผิงอันมีโทรศัพท์ราคาสามพันกว่าหยวนใช้ก็ถือว่าสุด ๆ แล้ว
แต่หลินตงยิ่งกว่านั้น เพราะมีโทรศัพท์มือถือราคา 6999 ใช้ ซึ่งก็ถือว่าไฮโซแล้ว
แต่ตอนนี้เมื่อเทียบกับเฉินเกอ เงินนี้ก็แค่อาหารมื้อเดียว ซึ่งไม่ว่าใครก็คงไม่เหมาะสมที่จะเอาเงินมากมายขนาดนี้แลกกับอาหารแค่มื้อเดียว
“เฉินเกอ ไม่ใช่ว่าพวกฉันจะตำหนินายหรอกนะ เงินนี้ นายน่าจะซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ตัวเองใส่ดีกว่า หรือไม่ก็เอาไปซื้อโทรศัพท์มือถือที่แพง ๆ หน่อยใช้ก็ยังได้เลย ลุคนายจะได้ดูเปลี่ยนไปในทางที่น่ามองหน่อย แต่สภาพนายตอนนี้สิ……โอ้ว!”
เจียงหรานหรานเองก็ไม่มีคำไหนที่จะพูดแล้ว ทำได้แค่มองที่เฉินเกอแล้วส่ายหน้า
สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ใช่แล้ว เมื่อเฉินเกอและหลินตงเปรียบเทียบกันแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นสามีในอนาคตก็ตาม ในด้านความคิดความอ่านนั้น ช่างห่างไกลกันเหลือเกิน
“ตืด!”
และในเวลานั้น โทรศัพท์ของเฉินเกอก็สั่นและดังขึ้น
เมื่อควักออกมาดู แล้วเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก
เจียงหรานหรานและหลินตง ในขณะนั้นมองยังเฉินเกอด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
จนทำเอาเฉินเกอเองก็รู้สึกอาย จนไม่กล้ากดรับโทรศัพท์
และเขาก็กดตัดสายไป แล้วก็กำลังจะเอาโทรศัพท์ใส่กลับลงไปในกระเป๋า
อีกอย่างเธอนั้นก็เป็นลูกสาวของคุณอาเจียง เขาเองเลยไม่กล้าที่จะปฏิเสธเสียทีเดียว
“นายหยุดก่อน ให้ฉันดูโทรศัพท์มือถือของนายหน่อย”
ไม่ทันไรเจียงหรานหรานก็ดูสะดุดตาเข้ากับโทรศัพท์ จากนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์ของเฉินเกอมาดู
“นี่มัน……” เจียงหรานหรานพูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ
“โทรศัพท์รุ่นนี้เพิ่งจะเปิดตัวในตลาดได้ไม่นาน ราคาเครื่องละ 29999 เฉินเกอนายใช้อันนี้หรอ”
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เจียงหรานหรานและหลินตงเท่านั้นที่ตกใจ และยังมีสวี่ซินอีกคนด้วยที่มีอาการไม่ต่างจากสองคนนั้น
“เฮอะ ๆ อันนี้เป็นโทรศัพท์ของเพื่อนฉัน เอามันมาใช้ก็ไม่ใช่ให้มันช่วยยกระดับให้กับตัวเองหรอกหรอ”
เฉินเกอเลยพูดขึ้นอย่างทะนงตน
“ฮืม หากนายไม่บอกความจริงมาก็ช่างเถอะ นายคิดว่าฉันดูไม่ออกหรอว่า นี่มันเป็นโทรศัพท์ของนาย”
สวี่ซินมองเฉินเกอด้วยสายตาที่ไม่เชื่อเขาเท่าไร
เจียงหรานหรานสักถามจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว
เกิดอะไรขึ้น คนที่ตัวเองเกลียด ทำไมถึงได้……หรือว่าคนเหล่านั้นจะเป็นเฉินเกอเรียกมาจริง ๆ
“ช่างเถอะ ๆ แค่โทรศัพท์เครื่องเดียวไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจเลย อีกอย่างเมื่อครู่พวกเธอก็เพิ่งจะดื่มเหล้าไป ยังไม่ได้กินอะไร เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงอาหารฝรั่งเศสพวกเธอเอง”
เฉินเกอยิ้มและพูดขึ้น เพื่อต้องการที่จะได้เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา
“เอาสิ ๆ ฉันกำลังหิวอยู่พอดีเหมือนกัน และก็ยังไม่เคยกินอาหารฝรั่งเศสที่ราคา 6999 หยวนเลย ฮ่าๆ เฉินเกอนายจะเลี้ยงใช่ไหม”
สวี่ซินถามขึ้นด้วยความดีใจ
“แน่นอนสิ”
“สวี่ซิน เธอลืมไปแล้วหรอว่าเธออยากจะถามอะไร อีกอย่าง เมื่อครู่ที่เธอเป็นห่วงนักเป็นห่วงหนาไม่ใช่เฉินเกอหรอ เธอไม่อยากรู้แล้วหรอว่าทำไมเขาถึงไม่เป็นอะไร”
เจียงหรานหรานพูดขึ้นด้วยอาการที่ยังคงดูไม่ค่อยพอใจเท่าไร
“เออ ใช่แล้ว ฉันดีใจมากจนลืมไปเลย เฉินเกอนายรีบบอกมาสิ ทำไมนายไม่เป็นอะไร แล้วคนพวกนั้น นายเป็นคนเรียกมาใช่ไหม”
“ใช่สิ ทำไมฉันถึงไม่เป็นอะไร”
เฉินเกอเองก็ได้พูดขึ้นอย่างกวน ๆ
“พวกเรากำลังถามนายอยู่นะ”
เจียงหรานหรานขมวดคิ้วจ้องมองยังเฉินเกอ
จากนั้นเฉินเกอก็ตบไปที่หัวของตัวเองทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “อ๋อ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ตอนแรกฉันอยากจะจัดการกับหลิงลี้เอง แต่ ห้องเพลงห้องข้าง ๆ ก็บุกเข้ามา น่าจะเป็นคนที่เคยมีความเคียดแค้นกับหลิงลี้ และจากนั้นพวกเขาทั้งสองกลุ่มก็ได้ทะเลาะวิวาทกันขึ้น ฉันเลยใช้โอกาสนั้นรีบแอบ ๆ ออกมา”
เฉินเกอหัวเราะขึ้น
เจียงหรานหรานเองรู้สึกโกรธแทบจะพูดอะไรไม่ออก
และเห็นได้ชัดเจนว่า เฉินเกอกำลังโกหกอยู่
แม่ง ฉวยโอกาสแอบหนีออกมา หนีออกมากินข้าวที่ร้านอาหารฝรั่งเศสเลยหรือ เหลวไหลสิ้นดี
อั่ยหยา ไม่ต้องถามแล้ว มันน่าโมโหจริง ๆ
“พวกเธอสองคนอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ ถือเสียว่าฉันเลี้ยงเอง”
เฉินเกิอพูดกับเจียงหรานหราน
ที่จริงแล้ว เมื่อเจียงหรานหรานเห็นอาหารฝรั่งเศสวางอยู่เต็มโต๊ะ เธอเองก็อยากจะอยู่กิน ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิง ต่างก็อยากจะกินอยากจะลอง
แต่ด้วยฐานะของเฉินเกอในตอนนี้ เธอจึงไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ
เดี๋ยวมันจะเสียหน้าเอาได้
“ฮืม ไม่ต้องหรอก พวกเราอยากกิน เดี๋ยวสั่งกินเองก็ได้”
เจียงหรานหรานยืนกอดอกและพูดขึ้น จากนั้นก็มองไปยังหลินตง
เธออยากจะกินมาก
แต่ว่าหลินตง ลูบ ๆ คลำ ๆ ดูกระเป๋าสตางค์ของตัวเองแล้ว แค่ข้าวมื้อเดียวใช้เงินตั้งหกพันหยวน ซึ่งเขาเองก็มีแค่หมื่นกว่าหยวนเท่านั้น
และเมื่อครู่ก็เพิ่งออกมาจาก KTV ซึ่งเขาก็ได้จ่ายค่าใช้จ่ายใน KTV ไปแล้วแปดพันกว่าหยวน แล้วตอนนี้จะเอาเงินเกือบเจ็ดพันหยวนที่ไหนที่จะเอามาจ่ายค่าอาหารที่แพงอย่างนี้
ถึงแม้ว่าครอบครัวเขาจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะมีเงินเยอะแยะ
“หรานหราน เอาอย่างนี้ไหม ครั้งหน้าค่อยกิน เดี๋ยวครั้งหน้าฉันจะเลี้ยงเธอเอง วันนี้ฉันดื่มเยอะไปหน่อย ”
“นาย……”
เจียงหรานหรานเองก็พอจะมองออกว่า หลินตงนั้นคงไม่เหลือเงินแล้ว
จากนั้น เธอเองก็ดูมีอาการงอน
และหลินตงเองก็รู้สึกเสียดายอยู่นิด ๆ
ทันใด จึงรีบลุกขึ้น
แต่การหมุนกลับตัวของเขาอย่างรวดเร็วนั้นก็ดันไปโดนแจกันดอกไม้ที่วางอยู่ข้าง ๆ ตกร่วงลง
เสียงตกกระทบพื้นของแจกันดอกไม้ดังขึ้น มองไปยังพื้นเห็นเศษแก้วกองอยู่เต็ม
เชี่ย
หลินตงช็อค
ในเวลานี้เอง เมื่อพนักงานได้ยินเสียงดังกล่าว จึงรีบวิ่งเข้ามาดูอย่างรวดเร็ว
“คุณผู้ชาย แจกันนี้……”
พนักงานบริการพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ก็แค่แจกันดอกไม้ไม่ใช่หรอ จะตกใจอะไรกัน แม่ง เดี๋ยวจะจ่ายค่าเสียหายให้หรอก หนึ่งพันหยวนพอไหม”
หลินตงควักเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์จำนวนหนึ่งพันหยวน จากนั้น ก็ปาเงินที่ควักออกมาไปที่โต๊ะ
โครตจะเท่ห์เลย
จากนั้นก็มองไปที่เจียงหรานหราน แล้วพูดขึ้นว่า “หรานหราน พวกเรากลับกันเถอะ”
เจียงหรานหรานเองก็รู้สึกเท่ห์ขึ้นมาด้วย จากนั้น ก็พยักหน้า
“คุณผู้ชายคะ รอก่อนค่ะ”
“มีอะไรอีกหรอ”
“แจกันนี้ มันเป็นแจกันลวดลายที่พิเศษค่ะ คุณทำมันแตกไป แค่หนึ่งหนึ่งพันหยวนเกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ ต้องประมาณหนึ่งหมื่นหยวนถึงจะพอค่ะ”
พนักงานบริการพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“อะไรนะ หนึ่งหมื่นหยวนหรอ”
ทำเอาหลินตงถึงกับช็อคไป