ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 215 การเจอกับเพื่อนเก่าอีกครั้ง
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่ 215 การเจอกับเพื่อนเก่าอีกครั้ง
บทที่ 215 การเจอกับเพื่อนเก่าอีกครั้ง
“เฉินเกอ นี่คือผลไม้ที่ฉันซื้อมาให้นาย เดี๋ยวฉันจะเอามันไปล้างก่อนนะ แล้วนายค่อยเอาไปกิน”
ฉินหยาถือถาดผลไม้มาวางที่โต๊ะรับแขก ส่วนตัวเองหยิบเอาแอปเปิ้ลไปหนึ่งลูก กินไปด้วยและก็ดูทีวีไปด้วย
จนทำให้เฉินเกอคิดว่า เธอไม่เหมือนกับคนที่กำลังหนีการแต่งงาน แต่เหมือนกับคนที่มาพักร้อนเสียมากกว่า
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เฉินเกอก็ได้กลับมาแล้ว
และเมื่อปลอบฉินหยาเสร็จ ตัวเองก็ได้เข้าไปอาบน้ำ
เห็นฉินหยาดูมีอาการไม่กังวลอะไร เฉินเกอเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
ส่วนเรื่องว่าทำไมต้องพักห้องชุดนั้น เฉินเกอก็ได้ตอบปัด ๆ ไปแล้ว
เมื่อครู่ที่แสดง ๆ นั้น ก็ไม่ได้สำเร็จอะไร และตอนนี้เฉินเกอก็ไม่อยากจะแสดงต่อไปแล้ว ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกอึดอัดเอาได้
“โอ้ว ๆ เรื่องหมั้นของเธอนั้น ควรจะพูดกับพ่อของเธอให้ชัดเจนก่อน หากยังทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอก ส่วนเรื่องวิกฤตของบริษัทนั้น จะช้าหรือเร็วอย่างไรมันก็ต้องผ่านไปอยู่แล้ว ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเอาความสุขทั้งชีวิตของลูกสาวมาแลกใช่ป่ะ”
เฉินเกอนั่งลงแล้วพูด
เขาเองก็คิดดีแล้ว หากธุรกิจของครอบครัวของฉินหยามีปัญหาเรื่องการลงทุน ตัวเองช่วยลงทุนก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว
“ฉันเข้าใจแล้ว แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิด โอ้โย่ว อารมณ์ฉันเพิ่งจะดีขึ้นมาหน่อย นายก็ยังจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเนอะ”
ฉินหยาทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
จากนั้นก็มองไปยังเฉินเกอ แล้วพูดขึ้นว่า “หลายวันแล้วที่ไม่ได้เจอกับนาย ฉันว่านายขาวขึ้นนะ หล่อขึ้นด้วย”
“จริงหรอ”
เฉินเกอหัวเราะแล้วพูดขึ้น
และในเวลานั้นเสียงโทรศัพท์ของฉินหยาก็ได้ดังขึ้น
ซึ่งพอจะดูออกว่า เธอเองก็ไม่อยากที่จะรับสายนั้น เธอคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็กดรับสาย
“มีอะไรอีกหรอคะ หนูบอกแล้วว่า หนูไม่กลับไป พ่อเองก็ไม่ต้องตามหาหนูแล้ว นอกเสียจากว่าพ่อจะปฏิเสธเรื่องแต่งงานไป หนูถึงจะกลับบ้าน”
“หนูไม่หมั้นกับเขาหรอกค่ะ หนูแทบไม่ได้ชอบเขาด้วยซ้ำ แต่กลับบกัน หนูเกลียดเขามาก และอีกอย่างหนูก็ไม่อยากหมั้นเร็วขนาดนี้ พ่อไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้หนูสบายดีมาก”
“ถ้าไม่มีเรื่องอื่น หนูขอวางสายนะคะ”
จากนั้นฉินหยาก็โยนโทรศัพท์ไปบนโต๊ะรับแขก ด้วยอารมณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
และเฉินเกอเองนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ รู้ว่า น่าจะเป็นพ่อของเธอโทรมา บอกให้เธอกลับไป
และในเวลาเดียวกัน โทรศัพท์ของฉินหยาก็ได้ดังขึ้นอีกรอบ
“โอ้ย น่ารำคาญจัง”
ฉินหยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นด้วยอารมณ์โกรธ จากนั้นเธอกดรับสาย “ก็หนูบอกแล้วไง ห๊ะ ถงถง เป็นเธอเองหรอกหรอ”
สีหน้าของฉินหยาเริ่มกลับมาอยู่ในอาการปกติ
จากนั้นก็กดปุ่มเปิดลำโพง และมือทั้งสองข้างก็นวดที่ขา ก้มคางแนบกับหัวเข่าแล้วก็คุยโทรศัพท์ไปในท่านั้น
“ฉินหยา เธอคงไม่ใช่ว่าไปหาเฉินเกอหรอกนะ เธอไม่รู้หรอว่า เมื่อสักครู่พ่อของเธอได้โทรศัพท์มาหาพ่อของฉัน ถามว่าเธอได้อยู่ที่บ้านฉันไหม อีกยังมีเพื่อนร่วมหอของเรา พ่อของเธอต่างก็ได้โทรไปถามหมดแล้ว เขาเป็นห่วงเธอมากนะ”
จ้าวถงถงพูด
“ใช่แล้ว ฉันมาอยู่กับเฉินเกอ ให้เขาเป็นห่วงไปเลย หากยังจะให้ฉันหมั้นกับคนนั้นอยู่ล่ะก็ ยังไงก็ไม่มีทางแน่นอน”
“อืม ๆ ฉันอยู่ที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว และอีกอย่างที่อำเภอผิงอันฉันก็มีเพื่อนตั้งเยอะแยะ พอดีเลย เดี๋ยวฉันจะไปเล่นกับเฉินเกอด้วย หากเรื่องของพวกเธอทั้งสองคนลงเอยด้วยดี เฉินเกอยังไม่ได้เลี้ยงข้าวฉันเลย ฮ่า ๆ เอาเข้าจริงแล้ว หากเฉินเกอเป็นแฟนกับเธอจริง ๆ ซึ่งมันก็เหมือนกับ ดอกไม้สวย ๆ หนึ่งดอกเสียบที่……”
จ้าวถงถงพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
จากนั้น ฉินหยาก็รู้สึกตื่นเต้น และก็รีบกดปิดลำโพงโดยเร็ว
แล้วก็มองเฉินเกอด้วยสายตาที่เขินอาย
เฉินเกอเองก็รู้สึกงงอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าไปเป็นแฟนของฉินหยาตั้งแต่ตอนไหน
เธอพูดอะไรไปบ้าง
สักพัก ฉินหยาก็คุยโทรศัพท์เสร็จ
มองเฉินเกอด้วยความรู้สึกผิดและอาย พร้อมพูดขึ้นว่า “เฉินเกอ ที่ฉันมาหานาย พวกเขาต่างก็รู้ อีกอย่างฉันกลัวพวกเขาจะเข้าใจผิด คิดว่านายเป็นแฟนของฉัน นายคงไม่ถือสาใช่ไหม”
เฉินเกอส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรหรอก”
แล้วยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ
“ใช่แล้วเฉินเกอ ถงถงบอกว่า อีกสักพักเธอจะขับรถมาหาพวกเราที่อำเภอผิงอัน เธอมีลูกพี่ลูกน้องอยู่ที่นี่พอดี เดี๋ยวพวกเราออกไปเที่ยวด้วยกันนะ”
“ฉันเกรงว่าถ้านายจะไม่ไป งั้นเธอต้องเข้าใจผิดแน่เลย”
ฉินหยาดูมีทีท่าที่จะขอร้องเขา
“ได้ ฉันจะไป”
ในเมื่อตอบตกลงที่จะช่วยเธอแล้ว เฉินเกอเองก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
รอเกือบจะถึงเที่ยงวัน จ้าวถงถงก็ได้ขับรถมากับน้องสาวคนหนึ่ง
น้องสาวของเธอน่าจะอยู่มัธยม และก็เป็นคนจินหลิงด้วย
จ้าวถงถงขับtoyota camryมา ซึ่งดูเท่ห์มาก
“ฮืม เฉินเกอ นายคงคิดไม่ถึงล่ะสิ ว่าคนจน ๆ อย่างนาย จะได้เป็นแฟนกับผู้หญิงสมบูรณ์แบบอย่างฉินหยา นายฝันเอาเถอะ”
เมื่อเจอหน้ากัน จ้าวถงถงก็กล่าวทักทายด้วยคำพูดแบบนี้
“ใช่ ๆ ๆ”
เฉินเกอพยักหน้า
“อะไรกัน พี่ถงถง ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนของพี่ฉินหยาหรอ โอ้วพระเจ้า ฉันรู้สึกว่าความงามที่ฉันเคยชื่นชมกำลังจะถูกทำลายลงแล้ว”
น้องสาวของถงถงในขณะนั้นรู้สึกตกใจ มือกุมที่ขมับ เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นลม
ความจริงแล้ว คนที่ได้รู้จักกับฉินหยา ต่างก็รู้ว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่สวยมาก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งเธอก็เป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟคมากคนหนึ่งเหมือนกัน
และก็คิดไม่ถึงว่า เธอจะได้ผู้ชายแบบนี้มาเป็นแฟน
นิสัยของน้องสาวของถงถงและจ้าวถงถงนั้นดูท่าจะเหมือนกันเลยทีเดียว
จากนั้นพวกเธอก็มองเฉินเกอด้วยสายตาที่ดูถูกและเหยียด
เย็ดแม่ง ไม่รู้ว่าเอาอะไรมอง
เฉินเกอก็ได้แค่ด่าในใจ
“พอแล้ว ๆ พวกเธอไม่ต้องพูดแล้ว ใช่แล้วถงถง เธอบอกว่าที่อำเภอผิงอันมีญาติเยอะไม่ใช่หรอ พวกเขาไม่มาแล้วหรอ”
ในเวลานั้นฉินหยาพูดตัดหน้าของจ้าวถงถงขึ้น
แล้วเธอก็เกาะแขนของเฉินเกอไว้ ด้วยท่าทีที่ดูสนิทสนมกัน
และในขณะเดียวกันก็มองเฉินเกอด้วยหางตาด้วย
ซึ่งเหมือนกับบอกเฉินเกอเป็นนัย ๆ ฮืม เห็นยัง ว่าคนอื่นที่เห็นว่าฉันกับนายอยู่ด้วยกันแล้ว ต่างรู้สึกประหลาดใจ
“โอ้ว ๆ แน่นอนว่าต้องมาสิ ฉันโทรบอกพวกเขาแล้ว แล้วถามฉันว่าไปกินข้าวที่ไหนกัน เฉินเกอ เที่ยงนี้พวกกเราจะไปกินอะไรกันดี”
จ้าวถงถงถามด้วยความไม่เกรงใจ
ราวกับว่าเฉินเกอและฉินหยานั้นได้เป็นแฟนกันแล้วจริง ๆ และก็ทำตัวไม่เกรงใจเธอด้วย
เหมือนกับโกรธเคืองกันมา
ใช่แล้ว ปกติจ้าวถงถงเองก็ดูถูกเฉินเกอออยู่แล้ว เพราะเธอคิดว่าเธอนั้นเป็นคนในเมือง ส่วนเฉินเกอนั้นเป็นแค่คนบ้านนอก แถมอีกอย่าง เฉินเกอเองก็ไม่ได้เป็นคนร่ำรวยแต่อย่างใด จึงกล้าที่จะใช้คำพูดเสียดสีดูถูกเขา
แต่หากว่า ถ้าเขาได้เข้าไปอยู่ในสังคมเดียวกับตัวเองจริง ๆ จ้าวถงถงเองก็คงรับไม่ได้เหมือนกัน
“สถานที่กินข้าวเดี๋ยวฉันจะจัดการเอง ในเมืองของอำเภอผิงอันมีอยู่ร้านหนึ่งที่ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ร้านชื่อว่า ร้านอาหารมี่ตู พวกเราก็ไปที่นั่นแล้วกัน”
เฉินเกอยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ฮืม แล้วก็ไม่พูดแต่แรก ไปกันเถอะเสี่ยวหยา นั่งรถฉันไปก็ได้”
จากนั้น ทุกคนก็มาถึงยังร้านอาหารมี่ตู
นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารหรูที่สุดในเมืองนี้เลย คนที่สามารถมากินข้าวที่นี่ได้ ต่างก็จะเป็นจำพวกบรรดาเศรษฐีเสียส่วนใหญ่
หลังจากที่มาถึงกันแล้ว จ้าวถงถงทำท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ ในการหาที่จอดรถ แถมยังบอกอีกว่าให้ฉินหยานั้นไปด้วย ให้ตัวเองเข้าไปจองโต๊ะก่อน
และเฉินเกอก็กำลังคิดแบบนั้นอยู่พอดี
พอถึงยังร้านอาหาร ก็จองที่นั่งสำหรับคนแปดคน
แน่นอนสิว่านี่ไม่ใช่โรงแรม นี่มันเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่
พอดีที่จองเสร็จ
ในขณะนั้น
“เหี้ย นั่นมันไม่ใช่เฉินเกอหรอกหรอ”
มีคนพูดขึ้น
“เป็นเขาจริง ๆ ด้วย เขามากินข้าวที่ร้านอาหารมี่ตูได้อย่างไรกัน”
หลังจากที่มีกลุ่มวัยรุ่นทั้งชายและหญิงที่กำลังกินข้าวอยู่มองเห็นเฉินเกอเข้า ต่างก็รู้สึกประหลาดใจไปตาม ๆ กัน
ส่วนเฉินเกอเอง ก็ได้ยินว่ามีคนพูดถึงชื่อตัวเอง
จากนั้น ก็หันไปมองยังเสียงนั่น
โต๊ะอาหารนั้น มีวัยรุ่นชายและหญิงประมาณหก เจ็ดคน
ที่กำลังกินข้าวกันอยู่
และคนกลุ่มเหล่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล
ซึ่งก็เป็นเพื่อนสมัยมัธยมอย่างลี่หมิงเฉว่และลี่เชา
จะบังเอิญอะไรขนาดนี้
เฉินเกอคิด…