ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 217 อาหารชุดที่แพงที่สุด
บทที่ 217 อาหารชุดที่แพงที่สุด
“ฮืม เฉินเกอได้ที่นั่งแล้วก็ไม่รู้จักไปยืนรอรับที่หน้าประตูนะ”
จ้าวถงถงและฉินหยาเดินมาถึงเฉินเกอ แล้วก็บ่นพึมพำ
เฉินเกอวางโทรศัพท์ลง และก็ยิ้มอ่อน ๆ เมื่อสักครู่เขามัวแต่ดูรายงานการลงทุนในอำเภอผิงอันของหลี่เจิ้นกั๋วที่ได้ส่งมาให้ตัวเองดู
และซูลี่และคนอื่น ๆ ถึงกับอึ้งไปเลย
“อะไร อะไรกัน คนพวกนี้คือเพื่อนของเฉินเกอหรอกหรอ”
โดยเฉพาะลี่เชา ที่กำลังยืนถือโทรศัพท์ยืนตาค้างอยู่
ที่เมื่อครู่คนเหล่านั้นไม่ได้สนใจตัวเองเลย และคิดไม่ถึงว่าพวกเธอจะรู้จักกับเฉินเกอ เห้ย ครั้งนี้มันช่างเป็นการหักหน้าของลี่เชาเป็นอย่างมาก จนเขาเองก็รับไม่ได้
“อะไรนะ เฉินเกอ นายรู้จักกับคนโต๊ะนั้นหรอ”
ฉินหยาเองก็ได้นั่งข้าง ๆ กับเฉินเกอ ในขณะนั้น ฉินหยาเห็นสายตาของทุกคู่ของคนที่โต๊ะนั้นมองมายังเฉินเกอ จากนั้น เธอก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ฮ่า ๆ เฉินเกอ เพื่อนของนายมาแล้ว จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยหรอ เมื่อครู่ที่เข้าไปแซว พวกเธอก็ไม่สนใจด้วยซ้ำ”
ลี่เชาในเวลานั้น ได้แต่ยิ้มอย่างนิ่ง ๆ
เขาเพิ่งจะรู้ว่า คงน่าจะใช่ที่เมื่อครู่เฉินเกอทำเป็นไม่สนใจพวกเธอ เพื่อที่จะให้ตัวเองนั้นหน้าแตก
จากนั้น ก็เลยทักทายพวกเธอไปใหม่ “สาว ๆ ครับเป็นไงบ้างครับ ผมเป็นเพื่อนมัธยมของเฉินเกอ วันนี้บังเอิญแล้วที่จะได้รู้จักกับสาว ๆ ทุกคน เฮอะ ๆ เฉินเกอ นี่นายทำไม่ถูกนะ สาว ๆ ก็มาถึงกันหมดแล้ว ทำไมยังไม่รีบสั่งอาหารอีก หรือว่าอยากจะให้พวกเธอหิวหรอ นายไม่เป็นห่วงพวกเธอหน่อยหรอ”
ลี่เชาต้องการที่จะกู้ศักดิ์ศรีตัวเองกลับคืนมา จึงได้มานั่งร่วมโต๊ะกับเฉินเกอ
ตั้งใจแสดงให้เหมือนกับตัวเองนั้นเก่ง ดูมีความสามารถ เพื่อที่จะได้โชว์ให้แก่สาว ๆ ได้เห็น
“ใช่แล้ว พวกเขาคือเพื่อนมัธยมของฉัน วันนี้ก็ช่างบังเอิญจริง ๆ ”
เฉินเกอพูดขึ้นนิ่ง ๆ
“งั้นก็ดีเลย ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน นายคงต้องแนะนำให้รู้จักหน่อยแล้ว ฉันเป็นแฟนนายนะ แม้แต่เพื่อนสมัยมัธยมของนายก็จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยหรอ มันจะดูไม่ดีนะ”
ฉินหยาพูดขึ้น
เธอเองคิดว่า เพื่อนของเฉินเกอก็คือเพื่อนของเธอด้วย
ถึงแม้เธอกับเฉินเกอนั้นจะไม่ใช่แฟนกันจริง ๆ ก็เถอะ แต่ว่าฉินหยานั้นก็มีความคิดแบบนั้นอยู่จริง ๆ
และฉินหยาเมื่อพูดแบบนี้ออกมา
ทำเอาคนข้าง ๆ ต่างก็ตะลึงไปตาม ๆ กัน
อะไร อะไรกัน สาวสวยคนนี้เป็นแฟนของเฉินเกอจริงหรือนี่
ผู้ชายพวกนั้นต่างก็รู้สึกอิจฉาเฉินเกอ
แล้วตัวเองเป็นใคร
ล้วนแต่มีวิสาหกิจในประเทศ,ประกันสังคมห้ากองทุนและกองทุนที่อยู่อาศัยหนึ่งกองทุน,มีบ้านมีรถ
แล้วเฉินเกอล่ะ
เป็นแค่ไอ้คนจน ๆ กระจอก ๆ คนหนึ่ง
ตอนนี้พวกเขาบางคนก็ยังไม่มีแฟนด้วยซ้ำ
แต่ว่า เฉินเกอมีแฟนที่หน้าตาดีขนาดนี้เลยหรือ
ถามใคร ใครบ้างล่ะจะไม่รู้สึกอิจฉา
โดยเฉพาะลี่เชา สีหน้าดูอิจฉาจนเต็มประดา
“ที่จริงแล้วเป็นแฟนของเฉินเกอหรอกหรือ สวัสดีนะ ผมชื่อลี่เชา พ่อและแม่ของผมสังกัดกระทรวงสาธารสุข ตอนนี้ทำงานที่โรงพยาบาล”
ลี่เชายื่นมือออกมาเพื่อจะทำการทักทายกับฉินหยา
แถมยังบอกถึงสถานะของตัวเองไปอีก
ข้อมือแกว่งไปมา ก็เห็นนาฬิกาข้อมือที่มูลค่ากว่าเก้าพันหยวน
ส่วนฉินหยา มองว่าผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนกับคนโง่ แค่การแนะนำตัว แล้วจะบอกถึงพ่อแม่ทำไมกัน
ดังนั้น เธอจึงรู้สึกว่ามันแปลก ๆ
ก็เลยไม่ได้สัมผัสมือกับเขาแต่อย่างใด
เฉินเกอเองก็กลัวว่าลี่เชาจะรู้สึกอาย ก็เลยสัมผัสมือกับเขาแทน เพราะเพื่อจะไม่ให้เป็นการหักหน้า
“เฮอะ ๆ คิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อก่อนตอนที่เรียนมัธยมนั้น เฉินเกอเป็นคนจน ชนิดว่าจนมาก เดินไปไหนต่างก็โดนดูถูกและเหยียดหยาม และก็ไม่คิดว่าเขาจะมีแฟนที่สวยได้ขนาดนี้”
ลี่เชาพูดขึ้น
และในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ได้มองยังน้องผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ กับตัวเอง
มีผู้ชายคนหนึ่งตบลงที่โต๊ะแล้วพูดขึ้นว่า
“ใช่แล้ว เฉินเกอนายช่างโชคดีจริง ๆ พวกเธอยังจำได้ไหม มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เฉินเกอมีเงินไม่พอสำหรับจ่ายค่าเทอม ยังขาดอยู่หกหยวน หรือว่ากี่หยวนนี่แหละ โอ้ว แล้วครูของเขาก็ได้ไล่เขาออกไป ฮ่า ๆ ในวันนั้นฝนยังตกหนักด้วยนะ”
ซูลี่ก็ได้พูดอย่างถากถางขึ้นว่า “แน่นอนสิว่าจำได้ เฉินเกอยังตากฝนเก็บขวดอยู่เลย จนนำมาขายได้หกหยวน แล้วจากนั้นก็เอาไปจ่ายค่าเทอม ฮ่า ๆ ในตอนนั้น เพื่อนในห้องไม่มีใครช่วยเขาเลยสักคน คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าวันนี้มันช่างแตกต่างกับวันนั้นเหลือเกิน ตอนนี้มีตังค์มากินข้าวที่ร้านอาหารมี่ตูแล้ว แถมยังเลี้ยงเพื่อนด้วย และก็ยังมีแฟนที่สวยขนาดนี้ เก่งจริง ๆ ”
ทุกคนต่างก็พูดเหน็บแนมกันคนละประโยคสองประโยค
ขุดเรื่องราวเดิม ๆ ของเฉินเกอขึ้นมาหมด
ก็เพื่อตั้งใจที่จะให้ฉินหยาและคนอื่น ๆ นั้นได้ยิน
ซึ่งผลก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ น้องสาวและเพื่อนของจ้าวถงถง ต่างก็มองเฉินเกอด้วยสายตาที่ถากถาง
ในใจก็คิดว่า ไอ้คนคนนี้มันเป็นใครกัน
“ไม่เป็นไรหรอกเฉินเกอ ข้าวมื้อนี้เป็นมื้อแรกที่แฟนของนายได้มากินที่อำเภอผิงอัน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้อง 388 หยวนขึ้นไป”
ผู้ชายคนหนึ่งได้พูดขึ้น
ลี่เชาขมวดคิ้ว “นายพูดอะไรของนาย สาวสวยทั้งสองคนนี้ มีราคาค่าอาหารแค่ 388 หยวนหรือ เฉินเกอหากวันนี้นายไม่สั่งอาหารในราคา 688 หยวน งั้นนายคงต้องรู้สึกผิดต่อพวกเธอแน่”
“ฮ่า ๆ แต่ว่านายไม่ต้องห่วงนะเฉินเกอ หากนายไม่มีเงิน ยืมฉันได้ นี่มันเป็นศักดิ์ศรีที่นายควรมีนะ”
ในเวลานั้น พนักงานบริการก็ได้ถือเมนูอาหารมาพอดี
“คุณผู้ชายคะ ไม่ทราบว่าคุณจะรับอาหารในชุดไหนคะ”
คนทั้งหมดของสองโต๊ะอาหารต่างก็มองมาที่เฉินเกอ
“งั้นก็เอาชุด 688 หยวนครับ”
ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เพราะตอนแรกเฉินเกอเองก็จะสั่งชุด 688 หยวนอยู่แล้ว
“โอ้วโห”
ลี่เชาและคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะ
ในใจคิดว่าไอ้โง่นี่ สั่งอาหารชุด 688 หยวน แล้วบวกกับน้ำและเหล้าแล้ว ตอนคิดตังค์คงต้องประมาณห้า หกพันหยวนแน่
ทำเอาจ้าวถงถงและคนอื่น ๆ นั้นแทบไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่คิดว่าเฉินเกอนั้นเป็นคนไม่มีสมอง
เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้น ไม่ได้มีเจตนาดีกับนาย
แต่สุดท้ายนายก็หลงกลเขาเข้าจนได้
แย่จริง ๆ
จ้าวถงถงรู้ว่าเฉินเกอมีสภาพทางการเงินที่ไม่ค่อยดี ดังนั้น อาหารมื้อนี้ จ้าวถงถงและฉินหยาได้คุยกันแล้วว่า อย่างไรก็ไม่ให้เฉินเกอจ่ายเงินอยู่แล้ว
แต่สุดท้าย เฉินเกอกลับสั่งอาหารชุดที่แพงขนาดนี้
โอ้ว ฉันตกใจแทบตาย
“ขอโทษค่ะ พวกเราไม่ได้อยากกินแพงขนาดนี้คะ เอาอาหารชุดธรรมดาก็แล้วกันคะ”
ฉินหยาในขณะนั้นก็ได้รีบพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก 688 หยวนนี่แหละ รีบไปเตรียมอาหารเถอะ”
เฉินเกอเองก็ไม่มีทางเลือกแล้วเหมือนกัน
เพราะโดนลี่เชาและคนอื่น ๆ ดูถูกไว้เยอะมาก
“ฮืม ให้เขาสั่งเถอะ รอให้ถึงตอนคิดเงิน แล้วเขาจะทำอย่างไร คอยดู”
น้องสาวของจ้าวถงถงพูด
เมื่อสั่งอาหารชุดละ 688 หยวนต่อคน ลี่เชาและคนอื่น ๆ ที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ก็พยายามกินอาหารอย่างช้า ๆ
และรอให้เฉินเกอกับพวกเธอกินเสร็จ คิดตังค์เสร็จ แล้วตัวเองค่อยคิดตังค์ทีหลัง
“นี่พี่เชา กินเร็วขนาดนี้เลยหรือ”
พนักงานบริการแซวลี่เชา
ลี่เชาสั่นนาฬิกาที่อยู่ในข้อมือไปมา แล้วชี้ไปที่ลี่หมิงเฉว่แล้วพูดขึ้นว่า “นี่คือเพื่อนสนิทของฉัน ลดราคาให้หน่อยได้ไหม”
“ไม่มีปัญหาพี่เชา ฉันลดให้คุณสามสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วยังแถมเครื่องชา ในราคาร้อยกว่าหยวนให้ด้วยนะ ตอนนี้ที่ร้านมีโปรโมชั่นพอดี”
พนักงานบริการที่มีอายุมากกว่าลี่เชาก็ได้พูดขึ้น
“ว้าว มากับพี่เชาก็ดีนะ มีแต่ไว้หน้า”
ผู้ชายคนหนึ่งก็ได้เริ่มพูดเอาอกเอาใจเขา
ลี่หมิงเฉว่คิดเงินเสร็จพอดี
แต่ลี่เชากลับยังไม่ได้กลับไป เพราะรอจ่ายตังค์หลังเฉินเกอ
“พี่เชา นี่ก็คือเพื่อนของคุณหรอ”
พนักงานคิดเงินที่เคาน์เตอร์ต่างก็ดูออกว่าพวกเขารู้จักกัน ถ้าหากว่ารู้จักกันจริง ๆ ก็ต้องลดราคาให้เหมือนกัน
ส่วนลี่เชาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วมองที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง
และพนักงานคิดเงินที่เคาน์เตอร์ก็ได้คิดจำนวนเงินออกมา
“คุณผู้ชายคะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 5911 หยวนค่ะ คุณจะจ่ายเงินสดหรือว่าบัตรคะ”
พนักงานคิดเงินที่เคาน์เตอร์ถาม
“11 หยวนที่เกินมานั้น ไม่ต้องเอามาคิดได้ไหม” เฉินเกอพูดขึ้น ลี่เชาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักก็แสร้งไม่รู้จักกันต่อไปสิ อีกอย่างนี่แค่ค่าอาหารแค่มื้อเดียวเอง ไม่จำเป็นต้องจะคิดมากเลย
“ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย ราคาของอาหารนี้ลดไม่ได้ค่ะ แค่ 11 หยวนนี้ก็ไม่ได้ค่ะ หรือแม้แต่หยวนเดียวก็ยังไม่ได้เหมือนกันค่ะ”
พนักงานคิดเงินที่เคาน์เตอร์มือข้างหนึ่งจับที่แก้ม พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
ตอนที่เธออยู่ที่เคาน์เตอร์ เธอก็เห็นได้ชัดเจนว่าลี่เชา ตั้งใจที่จะทำให้หนุ่มคนนี้นั้นสั่งอาหารชุดที่แพง และหนุ่มคนนี้ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนไม่มีตังค์ ดังนั้น ในใจเลยอดที่จะดูถูกเขาไม่ได้
“นี่ แล้วทำไมต้องลดราคาให้กับพวกเขาตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วทำไมของพวกฉันแค่หยวนเดียวก็ลดไม่ได้หรอ”
ฉินหยาเห็นพวกเขากำลังแกล้งเฉินเกอ ตัวเองก็รู้สึกโกรธไม่เบา
“ช่างเถอะฉินหยา จ่ายเงินเสร็จพวกเราก็กลับกันเถอะ” เฉินเกอส่ายหัว
“ฮืม งั้นก็แถมถ้วยถามให้กับพวกเราหน่อยได้ไหม เพราะพวกเราเองก็จ่ายไปตั้งหกพันหยวน
ฉินหยาพูดด้วยสีหน้านิ่ง ๆ
“ได้ค่ะ แต่ว่าต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้วยนะคะ ร้านของพวกเรามีกฎ ในแต่ละหนึ่งวันจะมีให้แค่ห้าสิบชุดเท่านั้นค่ะ และเมื่อสักครู่ก็คือชุดที่ห้าสิบพอดี ซึ่งก็เป็นชุดสุดท้ายแล้วค่ะ งั้นพรุ่งนี้ค่อยมากินอีกรอบไหมค่ะ ฉันจะเหลือไว้ให้คุณค่ะ”
พนักงานที่เคาน์เตอร์พูด
พฤติกรรมของพนักงานต่อกับลูกค้าที่จะมาใช้บริการแค่ครั้งเดียวนั้น ดูช่างไม่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เธอเลยคิดว่าควรจะผูกสัมพันธ์กับคุณชายลี่เชาไว้ดีกว่า
และน้องสาวของเธอก็กำลังเรียนที่สถานพยาบาลอยู่ เธอเองก็ไม่ได้โง่ ต่อไป หากน้องสาวเรียนจบก็คงจะได้งานโดยไม่ยาก
“เฒ่าแก่ คิดตังค์”
และในเวลานั้น ก็มีเสียงที่ดุและน่าเกรงขามดังขึ้น
เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ แล้วใช้มือตบลง
เป็นชายวัยรุ่นคนหนึ่ง
และเมื่อพนักงานที่เคาน์เตอร์กับลี่เชาเห็นเข้าดังนั้นแล้ว สีหน้าก็ดูซีดไปทันที……