ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 226 ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาแล้ว
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่ 226 ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาแล้ว
บทที่ 226 ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาแล้ว
ลี่เหวินหยางกำลังขอความช่วยเหลือจากพี่จิน
ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง เมื่อเห็นพวกเจียงเฉว่ฉิงเข้ามา ลี่เหวินหยางก็ได้วางสายโทรศัพท์
“เหวินหยาง ขอโทษนะ เป็นความผิดของฉันทั้งหมด!”
เจียงเฉว่ฉิงพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“พูดอะไรกัน เฉว่ฉิง ฉันคาดคิดไม่ถึงเลย ว่าคนคนนั้นจะกล้าลงมือโดยไม่ถามอะไรสักคำ วางใจได้เลย พ่อของฉันกำลังจัดการพวกมัน! ใช่แล้ว เรื่องของคุณฉันก็ได้คุยกับพ่อฉันแล้ว!”
ลี่เหวินหยางพูดด้วยอย่างเคียดแค้น
เจียงเฉว่ฉิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
หยิบขึ้นมาแล้วกดรับสาย
ตอบอืมๆสองครั้งก็วางสายทิ้ง
“แย่แล้วๆ เมื่อกี้คือผู้จัดการของเราได้แจ้งกับฉันว่า ฉันถูกไล่ออกแล้ว!”
เจียงเฉว่ฉิงพูดอย่างหมดแรง
ถูกไล่ออกมีความหมายว่ายังไง นั่นก็คือบริษัทย่อยและบริษัทการลงทุนจำนวนมากที่อยู่ในเครือของบริษัทดรีมเมอร์อินเวิร์สเมนท์กรุ้ป ตัวเองไม่สามารถเข้าไปได้ทั้งหมด
โอกาสที่ดียิ่งนัก หายไปแบบนี้เลยหรือไง?”
“อะไรนะ? ถูกไล่ออกแล้ว?”
ลี่เหวินหยางก็คาดคิดไม่ถึง ที่จริงแล้ว ตัวเองต้องการแสดงความสามารถของตัวเองต่อหน้าเจียงเฉว่ฉิง
ทำให้ผู้หญิงคนนี้ ชื่นชอบและตกหลุมรักตัวเอง
แต่ว่านะ ถูกทุบตีก่อน ไม่สามารถจัดการเรื่องของ เจียงเฉว่ฉิงสำเร็จ ตอนนี้ยิ่งเลย ทำให้เจียงเฉว่ฉิงถูกไล่ออกจากบริษัทโดยตรง
“เฮ้อ เหวินหยาง แล้วตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี? เห็นได้ชัดว่าต่อไปทางนั้นก็ยังจะรังควาน เฉว่ฉิง อีกแน่!”
หวังรุ่ยถามอย่างสอดรู้สอดเห็น
“ฮึ่ม อย่าลืมว่ายังมีพ่อของ พี่เหวินหยาง ยังไงก็มีพลังมากกว่ารองผู้จัดการคนนั้นแน่นอน!” มีคนพูดวิเคราะห์
โทรศัพท์มือถือของ ลี่เหวินหยางก็ดังขึ้นในเวลานี้
เขารีบหยิบขึ้นมารับสาย
“พ่อ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? พ่อพูดอะไรนะ? ให้ตายเถอะ! ฉันเข้าใจแล้ว แล้วเรื่องของฉันจะทำยังไง? ได้ครับพ่อ ฉันเข้าใจแล้ว!”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือของลี่เหวินหยางยังเอาไว้ไม่แน่น แล้วตกลงบนเตียง
“เหวินหยาง เกิดอะไรขึ้น?”
เจียงเฉว่ฉิงถาม
“ฉันก็แย่แล้ว คนที่ตีฉัน คือผู้บริหารจากสำนักงานใหญ่ พ่อของฉันมีเส้นสายของพี่จิน แต่ พี่จินเป็นแค่คนขับรถเท่านั้น ไม่มีหน้ามีตาเท่าผู้บริหารคนนั้น และผู้บริหารคนนั้น เมื่อก่อนได้ติดตามจ้าวจื่อซิ่ง คนสนิทที่โปรดปรานของประธานจ้าว พี่จินก็ไม่กล้ายุ่งแล้ว ตอนนี้พ่อของฉันกำลังขอร้องเขา คืนนี้ให้ฉันไปขอโทษรองผู้จัดการคนนั้น!”
ลี่เหวินหยางปาดเหงื่อที่แตกออกบนหน้าผาก
หัวใจของเจียงเฉว่ฉิงก็หดหู่ไปครึ่งหนึ่ง
ถ้าเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ลี่เหวินหยางลำพังตัวเอง ยังคุ้มครองยากเลย
“เห้ย! เฉว่ฉิง ความหมายของพ่อฉันก็คือ เราไม่ควรใจร้อนขนาดนั้น คนที่ชื่อจ้าวไท่ รังแกคุณที่บริษัท คุณสามารถไปร้องเรียนกับผู้บริหารโดยตรง ถ้าผู้บริหารรับรู้ จะต้องจัดการกับเขาอย่างเคร่งครัดแน่นอน! ตอนนี้ดีเลย ทำเรื่องเกินความจำเป็น ฉันสร้างปัญหาขึ้น คุณก็ตกงานด้วย!”
น้ำเสียงของ ลี่เหวินหยางตอนนี้ถ่อมตัวไม่น้อย
และเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้ เจียงเฉว่ฉิงรู้สึกว่า มีใครเคยพูดประโยคเดียวกันกับตัวเอง
เลยจ้องมองเฉินเกอที่อยู่หน้าประตูในทันที เฉินเกอก็เคยบอกกับตัวเองในห้องน้ำไม่ใช่หรือ
ตอนนั้นตัวเองแค่คิดว่า เฉินเกอไม่มีประสบการณ์ทางสังคม ยังได้ด่าเขาอีกด้วย
สรุปแล้ว สิ่งที่เขาพูด คือวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
ไม่อย่างนั้น คงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
แต่ละคนรวมตัวกันในโรงพยาบาล เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนรับมือ ที่จริงก็ไม่ใช่แผนรับมือ แค่ปลอบใจซึ่งกันและกันเท่านั้น
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือขอ เจียงเฉว่ฉิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่เธอรับสาย
เป็นเสียงตอบ อืมๆ สองคำเหมือนกัน
แต่ในครั้งนี้ ดวงตาของเจียงเฉว่ฉิง กลับเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนสุดท้าย ยิ่งไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
หลังจากที่วางสาย ทุกคนก็ถูกดึงดูดความสนใจ
“เฉว่ฉิง มีอะไรหรือ?”
เจียงเฉว่ฉิง พูดด้วยความสับสนงุนงง “ฉันก็ไม่เข้าใจ ท่านประธานในบริษัทของฉัน ได้โทรหาฉันด้วยตัวเอง เขาบอกว่าให้ฉันกลับไปทำงาน ยังให้ฉันเข้าฝ่ายบุคลากร จะฝึกฝนพัฒนาเป็นพนักงานกองหนุน และยังขอโทษกับฉัน สำหรับเรื่องของจ้าวไท่ด้วย ยังบอกอีกว่า จ้าวไท่ถูกไล่ออกจากบริษัทแล้ว! และยังบอกด้วยว่า เรื่องเหล่านี้ เป็นความหมายของผู้บริหาร!”
ทุกคนก็มึนงงเช่นกัน
ให้ตายเถอะ! จุดเปลี่ยนนี้เร็วเกินไปจริงๆเลย?
“เฉว่ฉิง ฉันรู้สึกว่า ในเรื่องนี้ ต้องมีคนช่วยคุณแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องแม้แต่ท่านประธานยังต้องออกหน้า เพราะถ้าแค่ตรวจพบว่าคุณถูกรังแกจริงๆ ได้รับความไม่เป็นธรรม ท่านประธานก็ไม่ต้องโทรหาคุณเพื่อขอโทษด้วยตัวเอง!”
“ใช่เลย ยังบอกอีกว่านี่คือความหมายของผู้บริหาร ถ้าอย่างนั้นต้องมีคนใช้พลังเส้นสายแน่นอน!”
พวก หวังรุ่ย พูดขึ้น
“อืมๆ ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น พวกคุณรู้ไหม ว่าจะกลายเป็นพนักงานกองหนุนของบริษัท มันยากมากจริงๆ แต่ว่าใครจะมีความสามารถ ที่จะทำให้ผู้บริหารได้ออกหน้าให้นะ?”
เจียงเฉว่ฉิง บีบนวดระหว่างคิ้วเบาๆ
ทันใดนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นในทันที จับจ้องไปบนตัวเฉินเกออย่างแน่วแน่
“เฉินเกอ!”
เจียงเฉว่ฉิง ลุกขึ้นยืน
“ห๊า เฉินเกอ?”
พวกหวังรุ่ย ก็มองเฉินเกอด้วยความประหลาดใจ
เฉินเกอไม่คาดคิดว่า เจียงเฉว่ฉิง จะคิดว่าเป็นตัวเองได้เร็วขนาดนี้
เป็นตามความจริง เมื่อกี้ระหว่างที่พวกเขาคุณกัน เฉินเกอก็ออกไปคุยโทรศัพท์ สั่งให้หลี่เจิ้นกั๋วจัดการเรื่องนี้
แต่ไม่คาดว่า จะถูกเจียงเฉว่ฉิงเดาได้เร็วขนาดนี้
“เฉินเกอ คือนาย!”
เจียงเฉว่ฉิง เดินไปหาเฉินเกอ “นายรู้ไหม เป็นคำพูดหนึ่งของคุณที่เตือนฉัน เมื่อกี้ตอนอยู่ระหว่างทาง นายบอกว่าอย่าดูถูกคนรอบข้างของคุณ เพราะบางครั้ง สุดท้ายที่ช่วยคุณ ก็อาจจะเป็นคนที่คุณดูถูก คนนี้!”
“ฉันคิดว่าฉันรู้แล้ว ว่าคนที่ช่วยฉันคือใคร! เฉินเกอ ขอบคุณที่เตือนฉัน!”
เจียงเฉว่ฉิง ขอบคุณเฉินเกออย่างจริงจัง
จากนั้นก็พูดว่า “ตอนที่ฉันเข้าบริษัทใหม่ รองผู้จัดการฝ่ายบุคคล ที่รับผิดชอบสัมภาษณ์ฉันคนนั้น เป็นผู้จัดการที่อายุค่อนข้างน้อย เขานั้น ทำงานขยันมาก แม้ว่าทุกครั้งที่พบกัน เขาก็แค่พยักหน้าทักทายกับฉันอย่างง่ายๆ แต่พวกคุณรู้ไหม ที่จริงเขาแอบช่วยฉันหลายครั้ง!”
“ในตอนแรก ฉันคิดว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์และสงบเสงี่ยม รู้เพียงแค่ตั้งใจทำงานอย่างเดียว แต่มาคิดดูตอนนี้ เขาอาจจะเป็นคนประเภทที่ถ่อมตัว หรูหรา และตัวยังมีความรู้ความสามารถ เป็นไปได้มากที่เขาจะเป็นคนช่วยฉัน เพราะเมื่อวานซืน ฉันยังได้ยินเพื่อนร่วมงานเดา ตัวตนที่แท้จริงของเขานะ! อาจจะไม่ธรรมดา!”
เจียงเฉว่ฉิงพูดขึ้น
แต่เธอก็ไม่แน่ใจนัก จึงหาเพื่อนร่วมงานหญิงที่ความสัมพันธ์ค่อนข้างดีมายืนยันทันที
“ฮัลโหล เสี่ยวลี่คุณยังจำรองผู้จัดการฝ่ายบุคคลคนนั้นได้ไหม เมื่อก่อนพวกคุณเคยพูดว่าเขาคือหลานของใคร? เป็นหลายของผู้บริหาร ระดับสูงในบริษัทจริงๆหรือ? ได้ๆ ฉันเข้าใจแล้ว ไม่มีอะไรๆ คุณไม่ทำงานของคุณเถอะ!”
หลังจากที่เจียงเฉว่ฉิง พูดจบ ตื่นเต้นจนมีน้ำตาประกายในดวงตาแล้ว
“เฉว่ฉิง คุณแน่ใจหรือว่าเป็นเขา? เขาชอบคุณหรือเปล่า?”
หวังรุ่ยพูดอย่างรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย อิจฉาอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฉันไม่รู้ว่าเขาชอบฉันหรือเปล่า แต่เขาแอบช่วยฉันหลายครั้ง ฉันจำได้หมด ครั้งนี้ฉันโดนไล่ออก เขาต้องรู้ในเวลาแรกแน่นอน รอไปทำงานพรุ่งนี้ ฉันจะถามเขา!”
“อ๊าก! ฉันอิจฉาพวกคุณจริงๆเลย หมิงเฉว่มี ลี่เชาช่วยเหลือ ตอนนี้ได้กลายเป็นหมอเต็มตัวแล้ว เฉว่ฉิง มี เหวินหยางและรองผู้จัดการคนนั้นคอยช่วย ส่วนชือหานเธอมี ทายาทเศรษฐีคอยช่วยเหลือ มีแต่ฉัน โดดเดี่ยวเดียวดายตัวลำพัง!”
หวังรุ่ยชำเลืองไปที่ต้าเหิงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างอิจฉาในเวลานี้
ลี่หมิงเฉว่ยิ้มแห้งๆแล้วพูดปลอบด้วย “พอแล้ว หวังรุ่ย เธออย่าพูดแบบนี้ ต้าเหิงก็ดีมากเช่นกัน!”
“ใช่แล้ว เฉินเกอ คุณว่างอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ สามารถไปเอาน้ำร้อนมาหน่อยไหม?”
ลี่หมิงเฉว่ พูดขึ้น
“หา? ที่นี่ใครไม่ว่างบ้าง?”
เฉินเกอพูดในใจ
แต่ก็ยังคงก้าวไปอยู่ดี
“คุณหมอลี่ ผู้อำนวยการกับรองผู้อำนวยการ พวกเขากำลังเดินมาหาห้องผู้ป่วยทางนี้แล้ว!”
“ห๊า? ผู้อำนวยการมาแล้ว?” ลี่หมิงเฉว่ตกตะลึง
ลี่เหวินหยางที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจเช่นกัน “อาจเป็นเพราะว่าผู้อำนวยการได้ยินว่าฉันเข้าโรงพยาบาล เลยเข้ามาเยี่ยมฉัน เฉว่ฉิง คุณรีบพยุงฉันได้ขึ้น ผู้อำนวยการกับพ่อของฉันรู้จักกัน ฉันไม่อาจเสียมารยาทได้!”
ลี่เหวินหยางกำลังโกรธที่ตัวเองถูกรองผู้จัดการคนนั้นของเจียงเฉว่ฉิง แย่งซีน
เมื่อได้ยินว่าผู้อำนวยการมาเยี่ยมตัวเอง ก็ตื่นเต้นอีกครั้งในทันที
ภายใต้การพยุงของ เจียงเฉว่ฉิง ได้ยืนขึ้นโดยตรง
สำหรับเฉินเกอนั้น เมื่อเห็นว่ามีคนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้วจึงเอากระบอกน้ำไปตักน้ำ
สุดท้ายแล้วกลับเผชิญหน้ากับผู้อำนวยการโดยตรง
“คุณเฉิน คุณทำอะไร!?”