ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 23 ถูกลอตเตอรี่
บทที่ 23 ถูกลอตเตอรี่
“อะไร?”
เพื่อนทั้งห้องตกตะลึงทั้งหมด
สวี่ตงที่ยืนอยู่บนเวที ซึ่งกำลังจะล้อเลียนเฉินเกอสีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เฉินเกอนี่ ทำไมถึงรวยขนาดนี้แล้ว?
เมิ่งไฉ่หรูก็อ้าปากแดงค้างไว้เล็กน้อย รู้สึกหายใจถี่เล็กน้อย
แม้กระทั่ง หยางเสว่ที่อยู่ใต้เวที ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เงินพวกนี้ ดูแล้วน่าจะมีหลายแสนนะ?
“เฉินเกอ เงินพวกนี้ นายเอามาจากไหน?”
เมิ่งไฉ่หรูตั้งสติเล็กน้อย แล้วถามขึ้น
“ใช่อ่ะเฉินเกอ นี่น่าจะมีสองแสนใช่ไหม?”
นักศึกษาหญิงด้านล่าง ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“อืม นี่คือสองแสน แล้วมาจากไหนนั้น เพราะว่า……ฉันถูกลอตเตอรี่!”
เฉินเกอพูดขึ้น
เขาคงไม่สามารถบอกเรื่องที่พี่สาวของเขา จำกัดวงเงินในบัตรธนาคารของเขา คาดว่าพูดออกมาแล้ว ทุกคนก็จะมองว่าเขาเป็นคนสติไม่ดี
เรื่องอวดรวยแบบนี้ เฉินเกอไม่ทำแน่นอน เว้นแต่จะเป็นสถานการณ์บีบบังคับเช่นตอนนี้
“ถูกลอตเตอรี่เหรอ!?”
และคำพูดนี้ของเฉินเกอ ทำให้ในชั้นเรียนฮือฮาไม่น้อย
พวกสวี่ตงและหวงเหมา บนเวที ดูแล้วเหมือนเป็นคนโง่เง่า
ยังอยากจะขึ้นมาพูดเหน็บแนมเฉินเกอ แต่คนอื่นเขาโยนออกมาสองแสน ปล่อยให้พวกเขานับทันที
หน้าแตกเสียงดังสนั่นจริงๆ
ยืนอยู่บนเวที แม้แต่จะลงไปก็อายที่จะลงไป
หยางเสว่ ยิ่งถามด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น “เฉินเกอ นายถูกเท่าไหร่?”
“เธอหายใจหอบเล็กน้อย
กลัวว่าเฉินเกอจะถูกหลายล้านในครั้งเดียว นั้นเธอหยางเสว่อยากจะกระโดดตึกแล้ว
ไม่! เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
คนที่ถูกตัวเองทิ้ง จะโชคดีขนาดนี้ได้ยังไง!
ไม่!!!
เฉินเกอยิ้มอ่อนๆ “ไม่มากๆ !”
“ไม่มากคือเท่าไหร่? สองแสน?”
เมิ่งไฉ่หรูมองไปที่เฉินเกอ ด้วยสีหน้าประหลาดเหมือนกัน
“ก็ถือว่าอย่างนั้น……”
เฉินเกอพูด
???
ก็ถือว่าอย่างนั้น หมายความว่าอย่างไร?
หลายคนในชั้นเรียนเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย กระวนกระวายว่าเฉินเกอ ถูกจำนวนเงินเท่าไหร่กันแน่
เพราะเพื่อนในชั้นเรียนส่วนใหญ่ รวมถึงเมิ่งไฉ่หรูด้วย ไม่เคยเห็นเฉินเกออยู่ในสายตา
เขาเป็นนายกระจอกยากจนคนหนึ่ง สมควรถูกคนเยาะเย้ย ล้อเลียน
แต่ตอนนี้ เขาถูกลอตเตอรี่ ศักดิ์ศรีความภูมิใจในตนเอง
ของหลายๆคน เริ่มจะทนไม่ได้แล้ว
ยิ่งมากกว่านั้นคือความอิจฉา!
“เงินห้าพันหยวน น่าจะนับง่ายนะ?”
เฉินเกอชำเลืองมองสวี่ตงอย่างเย็นชา
หยิบเงินห้าพันหยวนออกมาเอง โยนตรงหน้าเมิ่งไฉ่หรู
จากนั้นหันกลับมาพูดกับกลุ่มเพื่อนร่วมชั้น “กระเป๋าของพวกคุณ คนไหนที่สามารถให้ฉันยืมไปใช้หน่อย!”
ในเมื่อเปิดเผยความร่ำรวยแล้วเฉินเกอก็ไม่อยากขี้ขลาดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เป็นเหมือนพวกสวี่ตง เสียเลย มีเงินพูดคุยทำอะไรก็มั่นใจมากขึ้น
เฉินเกอยืมกระเป๋า เพราะต้องการใส่เงิน!
“พี่เฉิน ของฉันให้นายใช้!”
“พี่เฉิน ใช้ของฉันดีกว่า กระเป๋าของฉันไม่ได้ใช้พอดี!”
“พี่เฉิน พี่เฉิน……”
ในครู่เดียว เพื่อนเรียนไม่น้อยทักทายชื่อของเฉินเกอ จะเอากระเป๋าให้เฉินเกอใช้
สุดท้ายเฉินเกอยืมมาใบหนึ่ง
ใส่เงินแสนเก้ากว่าหยวนที่เหลือ ไว้ในกระเป๋าทั้งหมด
“อวดอะไรนักหนา ก็แค่ถูกสองแสนกว่าเท่านั้นเอง ต้องขนาดนี้เลยหรือ ยังถอนออกมาเป็นเงินสดเสียด้วย เป็นพวกรวยกลางทางชัดๆ ไอ้บ้านนอก!”
สวี่ตงกับหวงเหมา พูดอย่างแค้นใจ
ส่วนหยางเสว่ได้มองไปที่ เฉินเกออย่างเจ็บใจยิ่งนักอยากจะคุยกับเฉินเกอ หน่อย แต่ก็รู้สึกละอาย
เฮ้ยๆๆ ย้อนแย้งจริงๆเลย
ถ้าเลิกกันช้าอีกไม่กี่วัน หยางเสว่มีความมั่นใจว่า เฉินเกอจะใช้เงินสองแสนนี้ให้กับตัวเองแน่นอน
“เฉินเกอ นายโชคดีจังเลย และมนุษยสัมพันธ์ของนายไม่เลวนะเนี่ย เพื่อนๆต่างก็ยืมกระเป๋าให้นาย ตอนนี้นายมีเงินแล้ว ไม่ควรที่จะเลี้ยงข้าวเพื่อนๆเหรอ?”
บนเวที ในเวลานี้เมิ่งไฉ่หรูพูดขึ้นอย่างแดกดัน
“ใช่ คุณชายเฉิน นายถูกลอตเตอรี่สองแสน ก็ต้องเลี้ยงข้าวสินะ!”
“ไม่รู้ว่าคุณชายเฉินเต็มใจหรือเปล่านะ พวกเราทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมชั้นสามปีเลยนะ ไม่พลอยติดความโชคดีสักนิดเลยหรือ?”
มีผู้หญิงบางส่วนโห่ร้องตาม
เฉินเกอคิดในใจ ในเมื่อบอกว่าตัวเองถูกลอตเตอรี่แล้ว ถ้ากระดูกขัดมัน ไม่ยอมออกแม้แต่สตางค์แดงเดียว น่าจะทำให้คนอื่นอึดอัดใจมาก
ที่จริงเมื่อกี้ เฉินเกอได้คิดว่า แค่เลี้ยงเพื่อนร่วมหอของตัวเอง และพวกเสี่ยวหนาน ทานกันอย่างอร่อย
แต่ตอนนี้……
เฉินเกอเลยพูดว่า “นี่ไม่มีปัญหาอะไร คืนนี้ฉันเลี้ยง ทุกคนใครอยากจะไปก็ไป!”
ความหมายของเฉินเกอในประโยคนี้คือ รู้สึกว่าสัมพันธ์ดีกับตัวเอง ก็มาเองได้เลย
“เย้!”
ในชั้นเรียนคนไม่น้อยเริ่มส่งเสียงโห่ร้อง
เฉินเกอยิ้มแห้งๆ แบกเงินแล้วกลับไปตรงที่นั่ง
การเรียนในช่วงเช้านี้ เรียนได้น่าสนใจไม่น้อย
คนที่ล้อมรอบ เฉินเกอมีจำนวนมากขึ้นไม่น้อย
ต่างก็อยากถามว่าเฉินเกอถูกเงินรางวัลเท่าไหร่
แต่โดนเฉินเกอหาข้ออ้างตอบกลับหมด ยังไงก็ไม่พูด
ทำให้ใครบางคนกระวนกระวายใจยิ่งนัก
“ พี่ตง กลางคืนเอายังไงดี เราจะไปหรือไม่ไป? ไอ้หมอนี่จงใจทำเฉยเมยกับพวกเรา”
หวงเหมาพูดอย่างโกรธแค้น
คนที่คุณกลั่นแกล้ง ดูถูกเหยียดหยามมาโดยตลอด ในทันใดก็ดีและเก่งกว่าคุณ ใครก็รู้สึกไม่พอใจทั้งนั้น
หวงเหมาก็เป็นเช่นนี้
“เหอะๆ ไป! แน่นอนว่าต้องไป และไม่เพียงไปเท่านั้น คืนนี้ ยังจะให้ไอ้หมอนั่นจ่ายหนักแน่ๆ……”
จ้องมองไปที่เฉินเกอ สวี่ตง ยิ้มแล้วลูบคางของตัวเอง
หวงเหมา เข้าใจทันที “สูง แผนสูงมากจริงๆ!”
ถึงเวลาเที่ยง
เฉินเกอก็เตรียมออกไปจองร้านอาหารแล้ว
ดั่งที่กล่าวว่า ปุ๋ยไม่ไหลไปที่นาของคนภายนอก
เฉินเกอจองโรงแรม ก็ต้องไปหาที่ ถนนการค้าจินหลิงของตัวเอง
หรูหรามีระดับเกินไม่ได้ เฉินเกอกลัวว่าคนอื่นจะด่าเขาว่าอวดรวย และสองแสนก็ไม่พอใช้จ่าย แม้ว่าการเงินใช้จ่ายจะเปลี่ยนอีกรูปแบบหนึ่งเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่ก็ทำเกินตัวจริงๆ
ดังนั้น เฉินเกอจึงหาร้านอาหารแห่งหนึ่งในถนนการค้าจินหลิง
ร้านที่เทียบกับภัตตาคารหมิงหวางแล้ว จะดูธรรมดากว่า ร้านมีชื่อว่า “ห้องครัวเจียหยวน”
ทันทีที่เข้าไป เฉินเกอก็เห็นว่า มีคนรู้จักสองสามคนก็อยู่ในห้องโถงด้วย
“ผู้จัดการจ้าว การใช้จ่ายในวันนี้ไม่เลวใช่ไหม แต่ละคนอยู่ในเกณฑ์หนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบเลยนะ เดี๋ยวรอบหน้าเรามาใหม่ คุณต้องมีส่วนลด……”
“เหอะๆ ไม่มีปัญหา คุณชายหวังคราวหน้ามาใหม่ มีส่วนลดแน่นอน!”
“พี่หยาง ยิ่งอยู่ยิ่งมีหน้ามีตานะเนี่ย!”
“พูดไร้สาระ พี่หยางคือใครกัน รถขับ Audi A6 ยังแค่ใช้ในการหัดขับเท่านั้น ร้านอาหารก็เป็นแบบห้องครัวเจียหยวน ที่หรูหราระดับห้าดาว ฮึมๆ ถ้าใครได้แต่งงานกับคุณชายหวัง คนนั้นถึงมีหน้ามีตาจริงๆ!”
“เวยเวย วันนี้ที่เราสามารถมาได้ ก็เพราะพี่หยางเห็นแก่หน้าเธอนะ……”
เฉินเกอดูแล้ว คนพวกนี้ ก็คือประธานคณะเจียงเวยเวยและรองประธานหวังหยาง ยังมีเพื่อนของเจียงเวยเวยอีกไม่กี่คน
กำลังมองหวังหยางด้วยความชื่นชม
“สวัสดี คุณผู้ชาย!”
เดิมทีเฉินเกอไม่อยากพบกับพวกเขา โดยเฉพาะเจียงเวยเวยปากนั้น โจมตีคนเหมือนปืนใหญ่
คิดในใจว่าทำไมถึงบังเอิญขนาดนั้น ก็อยากจะหันหลังเปลี่ยนร้านใหม่
แต่พนักงานบริการสายตาแหลมคม โค้งคำนับให้กับเฉินเกอทันที เสียงยังค่อนข้างดังด้วย
พวกหวังหยางถูกดึงดูดทันที
หันหน้ามองไป ตาสว่างขึ้นกะทันหัน
“เฉินเกอ!”
เจียงเวยเวยเรียกด้วยความตกตะลึงสงสัย จากนั้นก็ถามด้วยความดูถูก“นายมาที่ห้องครัวเจียหยวนทำไม?”
ในสายตาของเธอ เฉินเกอก็เป็นแค่คนที่ทำงานหนักทุกวันเพื่อหาเงิน แม้กระทั่งถ้าวันนี้ไม่พยายามหาเงิน พรุ่งนี้แค่กินข้าวก็ยังเป็นปัญหา
ยังสามารถมาสถานที่ที่หรูหรามีระดับแบบนี้?
“อาจจะมาทำงานพาร์ทไทม์!”
“เฮ้ย ตอนบ่ายคณะเรายังมีเรียนอีก เขามาทำงานพาร์ทไทม์ในเวลานี้?”
“เหอะๆ เดาว่าน่าจะแอบออกมา หรือรู้ว่าทุนการศึกษาของตัวเองไม่มีหวังแล้ว จึงอยากมาทำงานหาเงินเร็วๆ? ไม่อย่างนั้น เขาก็จะถูกไล่ออกแล้ว!”
หญิงสาวสี่ห้าคน เห็นได้ชัดว่ารู้จักเฉินเกอ ยิ้มอย่างดูถูกในทันที
เจียงเวยเวยยิ่งมองอย่างเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงซักถาม “เฉินเกอ นายกล้าหนีเรียนมาทำงานพาร์ทไทม์ เชื่อไม่ว่าฉันจะบอกกับทางคณะ ให้ลงโทษนาย ต่อให้นายจะหาเงินได้ ก็ให้นายไม่มีหน่วยกิตพอที่จะจบการศึกษาได้?”
หวังหยางก็ได้หัวเราะเยาะเบาๆ
เฉินเกอคนนี้ อาศัยว่าตัวเองมีผลการเรียนที่ดี ปกติเห็นตัวเองแล้ว แม้แต่คำว่ารองประธานก็ไม่ได้เรียก หวังหยางอยากจะดูว่านายจะอยู่ต่อในคณะได้อย่างไร
“ฉันไม่ใช่มาทำงานพาร์ทไทม์ ฉันมาจองห้องรับรอง!”
ฟังพวกเจียงเวยเวยแต่ละคนพูดดูถูกเหยียดหยาม โจมตีเข้ามา เฉินเกอก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ในตอนนั้นเลยพูดอย่างเรียบเฉยออกไป เขาก็ไม่อยากไปแล้ว
ตรงมาที่เคาน์เตอร์รับเงินโดยตรง
“ห๊ะ! นายเนี่ยนะ จองรับรองพิเศษ?”
พวกเจียงเวยเวยสีหน้าตกตะลึง ความดูถูกบนใบหน้า ยิ่งรุนแรงมากขึ้น……