ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 235 เฉินเกออวดรวยเป็นครั้งแรก
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่ 235 เฉินเกออวดรวยเป็นครั้งแรก
บทที่ 235 เฉินเกออวดรวยเป็นครั้งแรก
นี่คือรถที่เธอเช่ามาหรอ?
หลังจากที่เฉินเกอขึ้นรถ มองดูแล้ว นี่มันเป็นรถเบนซ์จิ๊บของตัวเองที่ให้พี่สาวของเสี่ยวเฉียงที่ชื่อหวางเสี่ยวจางเช่าไม่ใช่หรอ
คิดในใจว่ามันจะบังเอิญไปมั้ย
“ฮึ ถึงแม้นายจะรู้จักเศรษฐีเหล่านั้น แต่ฉันก็มองออก เศรษฐีเหล่านั้นคงไม่พานายไปเที่ยวด้วยหรอก นายเองก็คงไม่เคยนั่งรถที่หรูหราขนาดนี้ใช่ป่ะ?”
เฉินหลินภูมิใจไม่น้อย
ขับคล่องมือจัง
“รถคันนี้ราคาสองล้านหยวนเต็มๆเลยนะ ยังเป็นรถใหม่อยู่เลย นายรู้ไหมว่าค่าเช่าต่อวันเท่าไหร่กัน แค่มัดจำพวกเราก็วางไปหนึ่งแสนหยวนแล้ว เอาเงินในบัญชีทั้งหมดของเราสองคนไปวางมัดจำเลย!”
เพื่อนของเฉินหลินก็พูดอย่างภูมิใจ
ยังไม่ลืมที่จะใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพถ่ายวิดีโอด้วย
“หลินหลิน เปิดซันรูฟให้หน่อย ฉันจะยื่นตัวออกไปถ่ายรูป!”
เวลานี้เพื่อนรักของเธอพูดอย่างตื่นเต้น
“ได้สิ เดี๋ยวเปิดให้นะ! แต่เธอต้องระวังหน่อยนะ แค่มีรอยนิดเดียว ก็จะถูกหักมัดจำเลยนะ!”
เฉินหลินพูดกำชับไป พลางใช้มือเตรียมที่จะกดปุ่มออโต้เพื่อเปิดซันรูฟ
“ไอ้หยา ปุ่มออโต้มันคืออันไหนกันเนี่ย? อันนี้มันเปิดได้ทั้งสองด้านเลยนะ เปิดไม่เป็นเลยอะ!”
ขณะนี้เฉินหลินพูดอย่างร้อนใจ
เพราะเป็นรถที่เพิ่งเช่ามา มีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องปกติ
เฉินเกอที่นั่งอยู่ด้านหลัง เห็นเล็บที่ยาวของเฉินหลินกำลังกดปุ่มในรถของตัวเองมั่วไปเรื่อย ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะบอกปุ่มเปิดให้กับเธอ
เธอทดลองเปิดดู
สรุปว่าได้
“แม่ง เฉินเกอนายนี้แน่วะ รถรุ่นนี้นายยังรู้วิธีใช้ของมันเสียด้วย!”
เฉินหลินพูดขึ้น: “ก็ใช่น้อ ช่วงที่เรียนม.ปลายนายก็ชอบรถมากอยู่แล้ว ดูท่านายคงได้ไปศึกษาค้นคว้ามาแน่เลย!”
เฉินเกอพยักหน้าพร้อมกับยิ้มแหยๆ
จากนั้นน เพื่อนรักของเฉินหลินก็ยื่นตัวออกไปถ่ายรูป
ต่อมาพวกเฉินหลินก็พาเฉินเกอไปร้านตัดผมก่อน เพื่อเปลี่ยนทรงผมใหม่ให้เฉินเกอ
จากนั้นก็ให้เฉินเกอเปลี่ยนใส่ชุดสูท เสื้อสีขาวรองเท้าหนังอะไรพวกนี้
ไม่พูดไม่ได้แล้ว การแต่งตัวแบบนี้ ทำให้เฉินเกอหล่อขึ้นเป็นกองเลย
ทำให้เฉินหลินผู้หญิงที่ทะเยอทะยานฝ่ายสูงยังอดไม่ได้ที่จะมองเลย
“ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกัน?”
เวลานี้เฉินเกอได้ถามขึ้น
“ไปร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆโรงแรมจินหลิง! ใช่แล้วเฉินเกอ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องกำชับนายอีกหลายเรื่อง นายรู้จักกับคุณชายไป๋ก็ถือว่าได้เคยสัมผัสกับพวกคุณชายที่ร่ำรวยมาแล้ว แต่วันนี้บทที่นายจะแสดงจะไม่เหมือนกับพวกเขา นายเป็นพวกที่ร่ำรวยโดยชั่วข้ามคืน ดังนั้นนายจึงต้องแสดงออกอย่างอวดดีดื้อรั้น ท่าทางที่เอาแต่ใจของคนที่เพิ่งมีเงิน อย่างนี้ถึงจะทำให้ติงห้าวสนใจได้ ความรู้สึกและพฤติกรรมของพวกเศรษฐีใหม่นายเข้าใจป่ะ?”
เฉินหลินกล่าว
“ห๊า? ถึงแม้จะรวยโดยชั่วข้ามคืนก็ไม่ต้องขนาดนี้มั้ง?” เฉินเกอยิ้มแหยๆแล้วพูด
เฉินเกอคิดในใจ หากตัวเองเป็นแบบนั้นจริง เธอเฉินหลินตอนนี้ก็คงจะไม่ทำทุกวิถีทางเพื่อจะจีบติงห้าวแล้วล่ะ
“ไอ้หยา ยังไงก็แล้วแต่นายทำตามที่บอกละกัน ยังต้องฟังเหว่ยเฉว่ด้วย! เธอจะช่วยนายปูพื้นก่อน!”
เหว่ยเฉว่ก็คือเพื่อนรักของเฉินหลิน
เฉินเกอยังจะพูดอะไรได้อีก ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างจำยอม
ไปถึงยังร้านกาแฟ
เฉินหลินก็ได้เริ่มแสดงแล้ว
ขณะนี้เธอได้ควงแขนของเฉินเกอไว้อย่างอ่อนโยน พิงไปที่อกของเฉินเกอ แล้วก็เดินเข้าไปด้วยกัน
หลังจากที่เข้าไปแล้ว เฉินเกอก็ได้เห็น ในมุมหนึ่งของร้านกาแฟ ติงห้าวและหลี่ชือหานได้นั่งดื่มกาแฟกันอยู่จริง
เฉินเกอรู้สึกชื่นชมเฉินหลินขึ้นมาทันที สายสืบทำงานได้ดีทีเดียว แม่นยำมากด้วย
หลังจากนั้น เฉินหลินก็ควงเฉินเกอเดินไปนั่งโต๊ะข้างๆของติงห้าวและหลี่ชือหาน
เวลานี้ หลี่ชือหานเงยหน้าขึ้น ก็เห็นภาพนี้เข้าพอดี
ทำให้อึ้งไปเล็กน้อย
“ท่านทั้งสอง จะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ?”
เวลานี้บริกรได้เดินเข้ามาอย่างนอบน้อม เห็นเฉินเกอและเฉินหลินที่แต่งตัวทางการ ก็แสดงความเคารพพร้อมรอยยิ้ม
“กาแฟที่แพงที่สุดของที่นี่คืออะไรล่ะ? วันนี้ก็ดื่มอันที่แพงที่สุดนั่นแหละ!”
เขาทำตามพฤติกรรมความรู้สึกของเศรษฐีใหม่อย่างที่เฉินหลินกำชับไว้
เฉินเกอนั่งลงเอาเท้าไขว่ห้างแล้วพูดขึ้น
“เออ? ที่แพงที่สุด? คุณผู้ชายครับ กาแฟที่แพงที่สุดของที่นี่แก้วละสามร้อยหยวนนะ………..”
บริกรแปลกใจเล็กน้อย
“สามร้อยหยวนก็สามร้อยหยวน ก็ไม่ถือว่าแพงมาก! เอาสองแก้ว!”
“ได้ครับคุณผู้ชาย รอสักครู่ครับ!”
บริกรโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วจากไป
และเฉินหลินนั้น มองดูท่าทางของเฉินเกอที่อวดรวยจนน่าเตะ แถมยังทำท่าขยับนาฬิกาเป็นระยะๆ ทั้งตลกทั้งทึ่ง ไม่คิดว่าเฉินเกอก็หล่อไม่เบานะเนี่ย!
เวลานี้ ติงห้าวน่าจะสังเกตเห็นเฉินเกอและเฉินหลินที่อยู่ข้างๆแล้ว
ขณะนี้ ติงห้าวได้ยินเฉินเกอสั่งกาแฟแก้วละสามหยวน สีหน้าเขาดูไม่ดีเสียเลย
โดยเฉพาะที่เฉินหลินที่ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉินเกอขนาดนั้น
ทำให้ติงห้าวไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ใช่ไง เมื่อก่อนมีสาวสวยคนหนึ่งจะคอยหมุนอยู่รอบตัวเขาทุกวัน เขาสนุกและมีความสุขกับทุกสิ่งที่เธอทำให้กับเขา
ถึงแม้จะไม่ได้คบกับเธอ เธอก็ยังรักเขา เป็นใครก็ต้องรู้สึกหลงใหลได้ปลื้มกับมัน
แต่ไม่คิดว่า เฉินหลินจะเปลี่ยนใจได้เร็วขนาดนี้
และยังเป็นเฉินเกอที่ตัวเองไม่ชอบอีกด้วย
ป้าง!
ขณะนั้นติงห้าวได้วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ พูดอย่างเย็นชา:
“ฮึ มาแกล้งทำเป็นรวยทำไมกัน เบ่งอะไรนักหนา นายเป็นยังไงฉันยังไม่รู้อีกหรอ อย่ามาอวดหน่อยเลย!”
หลี่ชือหานก็ได้เหลือบมองเฉินเกอและเฉินหลิน แล้วก็ห้ามปรามติงห้าว
“เอ่อ เฉินเกอ นายเพิ่งซื้อรถใหม่มา เดี๋ยวจะพาฉันไปเที่ยวไหนหรอ? ไปเดินถนนการค้าจินหลิงกันดีป่ะ? ฉันถูกใจซื้ออยู่หนึ่งตัว เดี๋ยวนายพาฉันไปซื้อได้มั้ยอะ? แค่สามพันกว่าหยวนเองนะ! ขอร้องนายละ!”
เฉินหลินกุมมือเฉินเกอแล้วพูด
“ไปห่างๆเลย ดูท่าทางที่โลว์ของเธอสิ เสื้อสามพันหยวนใส่เข้าไปได้ไง ถ้าต่ำกว่าหกพันหยาวน ไม่ต้องมาคุยกับฉัน เธอนี่มันน่าขายหน้าเสียจริง!”
เฉินเกอใช้แรงแกะมือของเฉินหลิน แถมด่าให้ด้วย
เฉินหลินคิดไม่ถึงว่า บทบาทเศรษฐีใหม่ที่เฉินเกอแสดงนั้นช่างหล่อบาดใจเหลือเกิน
พยักหน้ารับด้วยท่าทางที่น่ารักอ้อนแอ้น
“ฮึ โอ้อวดอะไรกัน ก็เป็นแค่เบ๊รับใช้คนอื่นไม่ใช่หรอ!”
เห็นที่เฉินเกอด่าเฉินหลินขนาดนั้นแล้ว เฉินหลินยังไปเข้าใกล้เฉินเกออีก ยิ่งทำให้เขาโมโหเข้าไปใหญ่
แม่งเอ๊ย เฉินเกอคนนี้มีดีอะไรหรอ? เขามีอะไรที่เทียบตัวเองได้บ้าง?
“พอแล้วติงห้าว คนบางคนก็ชอบโอ้อวดแบบนี้แหละ เอาลูกขนไก่ไปแทนลูกศร อย่าไปสนใจพวกเขาเลย!”
ขณะนี้หลี่ชือหานอดไม่ได้จนต้องเอ่ยปากพูด
“เฮ้ย เฉินเกอ ช่วงก่อนฉันยังนึกว่านายเป็นเบ๊ให้กับคุณชายพวกนั้นเสียอีก ดูท่าฉันคงเข้าใจนายผิดไปแน่เลย นายก็แค่ไปอาศัยบุญบารมีของพวกคุณชายเหล่านั้นนั่นเอง ฮ่าๆ และฉันก็ไม่คิดว่านายจะถูกหวยตั้งมากมายขนาดนี้!”
เห็นแผนที่วางไว้สัมฤทธิผลตามที่ต้องการ ขณะนั้นเธอก็จับมือเฉินเกอไว้ พูดอย่างบูชา
“อะไรนะ? ถูกหวยหรอ?”
คำพูดประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของติงห้าวเป็นอย่างมาก
“เฉินเกอ นายถูกหวยเท่าไหร่?”
และหลี่ชือหานนั้น ก็จับจ้องไปที่เฉินเกอแล้วถามอย่างคาดคั้น
หากถูกแค่ล้านสองล้าน คงจะไม่สามารถทำให้ผู้หญิงที่ทะเยอทะยานอย่างเฉินหลินมาสยบต่อเฉินเกอได้
น่าจะเป็นตัวเลขที่มากทีเดียว
และดูท่าท่างของเฉินเกอตอนนี้สิ ฟุ่มเฟือยแค่ไหน
หลี่ชือหานกลัวว่าหากเฉินเกอเหนือกว่าติงห้าวจริง ถ้าเป็นแบบนี้คนที่จะเสียใจก็คือเธอ ถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้
“มันเป็นโชคจริงๆ ฉันก็ไม่คิดว่าโชคชะตาของฉันจะเปลี่ยน ชั่วพริบตาก็มีเงินมากมายขนาดนี้ ยอดเงินเท่าไหร่นั้น ฉันก็คงไม่สะดวกที่จะบอกพวกเธอ! ไม่สะดวกจริงๆ ขอโทษด้วย!”
เฉินเกอมองหลี่ชือหานแล้วยิ้มๆ
ขณะนี้เฉินเกอได้ยื่นมือเข้าไปล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกง
ด้วยความที่ไม่ระวัง กุญแจรถก็หล่นออกมา
และติงห้าวและหลี่ชือหานต่างก็เห็นเข้า ทั้งสองต่างเบิ่งตากว้าง
“กุญแจรถเบนซ์ G500!?”