ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 395 การพบกันของตระกูลฟาง
บทที่ 395 การพบกันของตระกูลฟาง
ในฐานะลูกสาวที่สำคัญที่สุดของท่านปู่ตระกูลฟางอีกทั้งในตอนนั้นฟางเมิ่งซินเองก็เคยเป็นถึงหมายเลขสองของตระกูลฟาง แม้กระทั่งบิดาของฟางเจี่่ยนนันเองก็ยังต้องให้การเคารพ
สามารถจินตนาการได้เลยว่าในตอนนั้นฟางเมิ่งซินฉลาดขนาดไหน
ดังนั้น เธอจึงเอะใจขึ้นมาได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพ่อของตนหาเบาะแสของเธอเจอได้อย่างไร แต่ว่า คนที่ลงมือจะต้องเป็นพ่อของเธอแน่อย่างไม่ต้องสงสัย
“เสี่ยวเกอ ฉันเข้าใจคนตระกูลฟางดี ภายในนั้นซับซ้อน หากพ่อของฉันต้องการจับไป เชื่อได้ว่าพ่อคงไม่ต้องการทำให้เฉียงเวยได้รับความลำบากอะไร แต่หากเป็นคนอื่นในตระกูลฟางฉันไม่แน่ใจ!”
“หึหึ ฉันโกรธกับพ่อมานานหลายปี ถึงแม้ว่าเขาจะสำนึกเสียใจแล้ว แต่อารมณ์ของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป เขาไม่ใช่ว่ากำลังคิดอยากให้ฉันไปขอโทษเขาที่หน้าประตูหรอกหรือ?”
ฟางเมิ่งซินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
“อย่างนั้นน้าฟาง พวกเราจะทำยังไงต่อ? เฉียงเวยอยู่ที่นั่นกับพวกเขา ผมไม่วางใจ!”
เฉินเกอส่ายหัวและเอ่ย
ยังไงเสีย ซูเฉียงเวยก็เป็นคนของตระกูลเฉิน เป็นลูกพี่ลูกน้องของตน
ตอนแรกตนเองก็เป็นคนพาเฉียงเวยมาด้วย ตอนนี้เฉียงเวยต้องเกิดเรื่องมากมายเพราะตนเอง เฉินเกอจึงไม่อาจปล่อยผ่านไปได้
“ผมว่าเอาแบบนี้คุณชายเฉิน พวกเราบุกเข้าไปในบ้านตระกูลฟาง และช่วยคุณหนูรองเฉินออกมา!”
เทียนหลงตี้หูเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“ไม่ได้ เทียนหลงตี้หู ฉันรู้ว่าพวกนายแข็งแกร่ง แต่ฉันขอพูดตามตรง พวกนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกน้องสี่คนของพ่อฉัน คู่ต่อสู้ของเซียงซีซื่อกุ่ย อีกทั้งภูมิหลังของตระกูลฟางในตอนนั้นสามารถเทียบได้กับตระกูลเฉิน อาศัยแค่พวกเรา นึกจะบุกก็บุกเข้าไปได้อย่างไรกัน!”
ฟางเมิ่งซินเอ่ย
เทียนหลงตี้หูก้มหน้าลง
“หรือว่าคุณจะปล่อยคุณหนูรองเฉินไปแบบนั้นไม่เข้าไปยุ่ง?”
ตี้หูรู้สึกละอายใจ
“แน่นอนว่าไม่ วิธี ไม่ใช่ว่าจะไม่มี หลังจากนี้สามวัน จะเป็นวันเกิดพ่อของฉัน ตามตัวอย่างในปีที่ผ่านๆ มา เวลานั้นจะมีการประชุมใหญ่ตระกูลฟาง ในเวลานั้นบรรดานักธุรกิจที่ร่ำรวยซึ่งเป็นของตระกูลฟางและเพื่อนฝูงจะรวมตัวมาร่วมงาน! และนี่ อาจเป็นโอกาสของเราที่จะช่วยเฉียงเวย!”
ฟางเมิ่งซินกล่าว
“น้าฟาง ความหมายของคุณก็คือ พวกเราค่อยแอบเข้าไปในการเลี้ยงตระกูลฟางในวันนั้น จากนั้นค่อยสร้างความโกลาหลและช่วยเฉียงเวยออกมาใช่ไหม?”
เฉินเกอเข้าใจแล้ว
“ใช่ เนื่องจากเป็นงานประชุมใหญ่ประจำปีของตระกูลฟาง มีคนจำนวนมากที่ถูกใช้มาทำงานในบ้าน และเพื่อรักษาความลับ ส่วนใหญ่จึงถูกเลือกมาจากทางเหนือ รวมไปถึงพ่อครัวและพนักงานจากต่างประเทศ และนี่ก็คือโอกาสของพวกเรา!
เฉินเกอพยักหน้า
ความหมายของน้าฟางเฉินเกอเข้าใจแล้วว่าคืออะไร
ในเวลานั้นตนเองค่อยพาเทียนหลงตี้หูและผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนผสมปนเปเข้าไปด้วยกัน แล้วค่อยขอให้จูหมิงส่งคนออกไปรอรับด้านนอก ถึงแม้ด้านความแข็งแกร่งของ ฉินเกอจะยังห่างไกลพอที่จะต่อกรกับตระกูลฟาง
แต่ด้านการสร้างปัญหาวุ่นวายนั้นกลับไม่มีปัญหา
ในเวลานั้น เขาก็จะสามารถพาเฉียงเวยออกมาได้อย่างไร้ร่องรอย
“อย่างนั้นน้าฟาง พวกเราจะแฝงเข้าไปอยู่ในอันดับของชาวต่างชาติเหล่านี้ได้ยังไง?”
เทียนหลงเอ่ย ถาม
“การคัดกรองบุคลากรต่างชาติเหล่านี้ ขั้นตอนเป็นไปอย่างเข้มงวดมาก พวกเขาจะไปรวมตัวกันที่ เมืองชิ่งชื่อ พวกเราต้องรีบไปยังเมืองชิ่งชื่อ ถึงเวลานั้น ฉันมีวิธีของฉันที่จะให้พวกคุณแฝงตัวเข้าไป ฉันมีคนสนิทอยู่ในตระกูลฟาง ฉันจะขอให้พวกเขาสืบที่อยู่ของเฉียงเวยมาให้!”
ฟางเมิ่งซินเอ่ยถึงแผนการ
ในใจของเธอกังวลอย่างยิ่ง เธอมักจะกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเฉียงเวย ตระกูลฟางเป็นดั่งหลุมลึกไร้ก้น เมื่อตกลงไปแล้วก็ยากที่จะสลัดตัวออกมา และเป็นเพราะว่าตนเองเข้าใจความจริงนี้ดี ดังนั้นฟางเมิ่งซินถึงได้ร้อนรนอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา ยังคงทำให้จิตใจของเธอมีสติแจ่มชัดอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน วิลล่าตระกูลฟางในห้องลับแห่งหนึ่ง
“ท่านปู่ คุณหนูเฉียงเวยยังคงไม่ยอมเจอแพทย์ อีกทั้งยังไม่ยอมกินอะไรเลย พวกเราหมดปัญหาจะหว่านล้อมเธอแล้วจริงๆ!”
แพทย์จีนอาวุโสเข้ามาหลายคน จากนั้นจึงกล่าวกับท่านปู่ตระกูลฟางด้วยความเคารพนอบน้อม
ฟางปู้ถงปีนี้มีอายุเกือบ 70 ปีแล้ว ในตอนนี้ ใบหน้ายับย่นของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“เฮ้อ เฉียงเวยเด็กคนนี้ ดื้อเหมือนแม่ของเธอไม่มีผิดจริงๆ เลย อ้อใช่เสี่ยวเซียคนรับใช้ของเมิ่งซินไม่ใช่ถูกเจี่่ยนนันตามตัวกลับมาแล้วหรือ ให้เสี่ยวเซียไปเกลี้ยกล่อมเธอเถอะ…นอกจากนี้ เรื่องของเฉียงเวย ห้ามไม่ให้คนภายนอกรู้เป็นอันขาด รวมไปถึงเจี่่ยนนัน หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ฉันจะให้พวกนายตายโดยไม่มีหลุมฝังศพ ออกไป!”
แพทย์จีนอาวุโสหลายคนตัวสั่นงกๆ และรีบจากไปด้วยความหวาดกลัว
จากนั้นฟางปู้ถงจึงใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
เขามองไปที่กำแพง ในสมองกำลังปั่นปวนไปด้วยเรื่องราวมากมายในหลายปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนั้น ต่อหน้าสาธารณชนกิฟมีไฟว์ เขาตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับบุตรสาวที่ตนเองรักที่สุดที่ฟางเมิ่งซิน
และขับไล่เธอออกจากตระกูลฟาง
แม้ว่าในตอนแรกฟางปู้ถงจะเคร่งครัดต่อกฎตระกูลอย่างยิ่ง แต่ว่า วันนั้นที่เขาไล่เธอไปเขาก็รู้สึกสำนึกเสียใจแล้ว
เขาพยายามทุกวิถีทางอย่างเต็มที่เพื่อตามหาเมิ่งซิน
ไม่จำเป็นที่เมิ่งซินจะต้องกลับมา แต่อย่างน้อยขอแค่เขารู้ว่าลูกสาวที่รักของเขายังมีชีวิตอยู่ และมีความเป็นอยู่ที่ดี
แค่นี้ฟางปู้ถงก็พอใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลายปีมานี้กลับไม่มีข่าวคราวใดๆ ทำให้ฟางปู้ถงที่แต่เดิมสุขภาพแข็งแรงดี อายุหกสิบเจ็ดปีแต่กลับมองแล้วยังดูเหมือนคนอายุห้าสิบปีเท่านั้น มาตอนนี้เขากลับดูแก่กว่าคนทั่วไปในรุ่นเดียวกันเสียอีก
เกรงว่า นี่คงจะเป็นการลงโทษสำหรับตนเอง
แต่เดิมเขาคิดว่า จนกระทั่งวันตายก็จะไม่ได้พบหน้าลูกสาวของตนอีกแล้ว
แต่ว่า สวรรค์ยังคงเมตตา เมื่อวานซือถูหงจู่ๆ ก็รายงานว่าเขาพบหญิงสาวที่หน้าตาพิมพ์เดียวกับตระกูลฟางจึงปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว
การสืบเรื่องของคนนั้นง่ายยิ่งเสียกว่าอะไรดี
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาที่อยู่ของ ฟางเมิ่งซินและ ซูเฉียงเวยหลานสาวของเขาเจอ
“เมิ่งซิน พ่อรู้ว่าลูกเกลียดพ่อ แต่หลังจากนี้ไปสามวัน พ่อหวังว่าลูกจะสามารถกลับมาหาพ่อได้…”
ฟางปู้ถงเอ่ยพึมพำ ดวงตาของเขาหม่นหมอง
อีกด้านหนึ่ง
แม่บ้านถือกล่องกล่องหนึ่งเอาไว้ จากนั้นจึงผลักประตูเข้าไปในห้อง
ในห้อง มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้เช็ดน้ำตาอยู่บนเตียง
แต่หลังจากที่สาวใช้เห็นเด็กหญิง ทั้งร่างสั่นสะท้าน กล่องในมือของเธอตกลงไปที่พื้น
“หา? เหมือนมากขนาดนี้ได้ยังไง!”
สาวใช้ตื่นเต้น
“แทบจะเหมือนคุณหนูใหญ่ราวกับพิมพ์เดียวกัน!”
ใช่ เมื่อได้เห็นหญิงสาวคนนี้ ก็ทำสาวใช้ให้นึกไปถึงหลายปีก่อน ตอนที่ตนเองยังคงอยู่ข้างกายคุณหนูใหญ่
และผู้หญิงคนนี้ ก็คือ ซูเฉียงเวย
ซูเฉียงเวยมองไปที่สาวใช้ท่าทางใจดีที่กำลังมองตนเองร้องไห้ เธอเอ่ยถามเสียงเบา “คุณคือ?”
“คุณหนูเฉียงเวยฉันคือเสี่ยวเซียเป็นสาวใช้ข้างกายคุณหนูใหญ่ฟางเมิ่งซิน!”
น้าเซี๋ยเอ่ยร้องไห้
“หา? ฟางเมิ่งซิน…..เธอไม่ใช่แม่ของฉันหรอกหรือ?”
ซูเฉียงเวยได้ฟังสามคำนี้ก็ตื่นเต้นขึ้นมา
น้าเซี๋ยพยักหน้าร้องไห้ “คุณหนูเฉียงเวย คุณหน้าเหมือนคุณหนูใหญ่อย่างไม่ผิดเพี้ยน เธอก็คือแม่ของคุณ!”
“ที่แท้ เธอก็เป็นแม่ของฉันจริงๆ! น้าเซี๋ยแล้วตอนนี้แม่ของฉันอยู่ที่ไหน?”
ซูเฉียงเวยร้องไห้ถาม
“คุณหนูเฉียงเวย คุณอย่าเพิ่งรีบร้อน ในที่แห่งนี้มีเรื่องราวมากมาย ฉันไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนในทันที แต่คุณไม่ต้องกังวล แม่ของคุณจดจำคุณได้เสมอ คุณปู่ของคุณเองก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน รอจนกระทั่งมีโอกาส ฉันจะพาคุณออกไป ไปเจอแม่ของคุณ!”
น้าเซี๋ยลูบศีรษะของ ซูเฉียงเวยอย่างรักใคร่ และมองดูเธออย่างปวดใจ
“ทำไมไม่ให้พวกเราเข้าไป ออกไปเดี๋ยวนี้!”
ในเวลานั้นเอง จู่ๆ เสียงก็ดังขึ้นจากประตู