ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 40 ไอ้นี่มันกล้าเรียนขับรถ
บทที่ 40 ไอ้นี่มันกล้าเรียนขับรถ
วันนี้ขอบคุณมาก ๆ นะ ฉันลืมเอากระเป๋าตังค์มาด้วย
ซูมู่หาน เอามือสางผม ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
เธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะให้เฉินเกอจ่ายเงินให้ หรือว่าอย่างไร
เขาเป็นผู้หญิงใจกว้าง
โดยเฉพาะ วันนี้ที่ได้เจอเฉินเกอ ทำให้ซูมู่หานเองรู้สึกตกใจนิดหน่อย
เพราะครั้งที่แล้วที่ในห้องประชุมนั้นซูมู่หานก็ประทับใจในตัวเฉินเกออยู่มาก
จำได้แค่ว่าเป็นนักเรียนที่ทนต่อความกดดันและดูถูกของคนอื่น ๆ ได้ดี เห็นได้ชัดว่าไม่ได้หวั่นไหวกับปัจจัยภายนอกเลย
“ไม่ต้องเกรงใจ”
เฉินเกอหัวเราะ
“เธอไม่ต้องห่วงนะ ไว้ฉันกลับไปจะเอากระเป๋าเงินมา แล้วคืนเงินให้ ใช่แล้ว,เธอมีวีแชทมั้ย?ถ้ามีฉันจะโอนเงินให้เธอเลย”
“มีสิ!”
เฉินเกอเองก็ไม่ปฏิเสธนะ แม้ว่าใบหน้าเขาจะเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แต่ก็ถือว่าเป็นเพียงแค่การมาเจอกันโดยบังเอิญ
เฉินเกอไม่ชินกับการประจบประแจงของคนอื่น
โดยปกติแล้ว ผู้ชายที่เจอสถานการณ์แบบนี้ จะต้องบอกว่าไม่ต้องคืนเงินหรอก
ไม่แน่อาจจะชวนผู้หญิงไปทานข้าวด้วยซ้ำ แบบเป็นเพื่อนกันก็ได้
แต่เฉินเกอเป็นผู้ชายแท้ ๆ และก็เป็นคนแบบนี้ ในเมื่อเธออยากจะคืนเงิน ซึ่งมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ
“ฉันกลับหอก่อนนะ ตอนเย็น ตอนเย็นฉันจะโอนเงินคืนให้ ขอบคุณนะ ฉันชื่อซูมู่หาน!”
“ผมชื่อเฉินเกอ”
เฉินเกอยิ้มแล้วพูด
ซูมู่หานโบกมือลาแล้วดูเหมือนจะรีบไป
สวยจัง
มองดูด้านหลังของผู้หญิงคนนั้น
เฉินเกอคิดอยู่ในใจ
เออ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนอ่อนไหวอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร
หัวเราะเบา ๆ เฉินเกอหยิบชานมแล้วออกไป,เลยเตรียมตัวกลับไปยังที่รถแล้วมองดูรอบ ๆ
ครั้งแรกที่ได้ซื้อรถหรูอย่างนี้ แม้แต่ฝันก็ยังไม่กล้าซื้อ รถรุ่นใหม่ยังไงก็มีอยู่แล้ว
“ว้าว ทุกคนรีบมาดูเร็ว นี่มันรถอะไรหรอ?”
“ว้าว รถแลมโบกินีนิ เท่ห์จังเลย รถคันนี้อย่างน้อยก็หลายล้านใช่ไหม?
“นี่มันรุ่นLevington เป็นรุ่นที่แพงที่สุดของรถแลมโบกินีเลยนะ อย่างน้อยก็คงจะสิบห้าล้านขึ้น ยังไงก็ต้องเป็นเศรษฐีแน่ ๆ ถึงจะซื้อได้!”
เมื่อเฉินเกอหันกลับไปก็ต้องตกใจที่พบว่าที่จอดรถด้านหน้าเต็มแล้ว
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ผู้ชายจะเป็นส่วนน้อย
จอดรถกันแน่นและชิดมาก
และในขณะที่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้น
สายตาของผู้หญิงส่วนใหญ่ ในเวลานี้ต่างลุกวาว
“แม่ง รถสปอร์ตคันหรูที่ราคาเกือบยี่สิบล้าน ถ้าให้ฉันนั่งสักหน่อย ฉันก็ตายตาหลับแล้ว”
ไม่รู้ว่ารถคันนี้เป็นของเศรษฐีคนไหน ที่มหาวิทยาลัยจินหลิงของเรามีพวกเศรษฐีแบบนี้ด้วยหรอ ถ้ามี อยากเป็นแฟนของเขาจัง!”
“มามามา เร็วๆ ถ่ายรูปให้ฉันหน่อย ฉันอยากถ่ายรูปกับรถคันนี้”
“แชะ แชะ!”
เสียงรัวชัตเตอร์ดัง
ยังมีสาว ๆ คนอื่นที่อยากถ่ายด้วยแต่ก็ไม่กล้า
แค่ในแววตาของพวกหล่อนนอกจากจะอยากขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว,ก็คือมองดูรอบ ๆ รถ
อยากเห็นจังว่าใครเป็นเจ้าของรถ,ถ้าเป็นผู้ชาย,แล้วยังเป็นนักเรียนจากมหาวิทยาลัยจินหลิงของเราอีก ฉันจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ถ้าหากว่าเขามาถูกใจฉันหล่ะ
“เอ่อ ขอทางให้เดินหน่อยครับ….”
เฉินเกอเกาหัวเบาๆ แล้วก็เดินผ่านไป
“ไสหัวออกไปหน่อย เบียดอะไรเนี่ย!”
คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะถูกผู้หญิงผลักไปอีกฝั่งอย่างตั้งใจ
เฉินเกอรู้สึกโกรธ แม่งถามฉันสักคำยัง ที่เอาก้นนั่งลงบนรถของฉันเนี่ย แล้วยังจะมาจองหองอีก!
“ดูไอ้นี่สิ ไอโง่เอ้ย ยังอยากจะมาถ่ายรูปอีก ทุเรศมั้ย!”
“เหอะ ๆ ไม่แน่ว่าอยากจะใช้เวลาที่พวกเราอยู่ตรงนี้ เข้ามาแฟนเศษหาเล็มมั้ง ทุกวันนี้คนเราอะ มีทุกรูปแบบ
สักพักเจ้าของรถแลมโบกินีก็มา เห็นสาว ๆ อย่างพวกเราคงไม่เป็นไร แต่มาเห็นผู้ชายทุเรศคนนั้นตรงนี้ด้วย จะให้ไม่โกรธก็บ้าแล้ว!”
พอพูดจบ สาว ๆ พวกนั้น ก็แอบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วถ่ายรูปกับรถแลมโบกินี่คันนี้
“ดูเร็ว ทำไมตรงนั้นคนเยอะจัง?”
“ดูเหมือนว่ามหาลัยเราจะมีเศรษฐีปรากฏตัวอีกแล้ว ซื้อรถสปอร์ตแลมโบกินีรุ่น Levington
“เชี่ย รถคันนั้นยี่สิบล้านเลยนะ ไปไป ไปดูกัน ”
เฉินเกอโดนพวกสาวๆเบียดจนออกไปอยู่นอกสุด และก็มีคนอีกจำนวนมากที่วิ่งเข้ามา
เฉินเกอแอบเซ็งหน่อยๆ
ถ้าตอนนี้เขาอยากจะหักหน้า ก็หักหน้าพวกผู้หญิงที่เหน็บแนมเขา ง่ายนิดเดียว ก็คือหยิบกุญแจออกมา แล้วกดก็ทำได้แล้ว
แต่เฉินเกอไม่ใช่คนแบบนั้น
โดยเฉพาะคนที่ชอบโชว์ต่อหน้าคนเยอะๆ
ไม่คิดเลยว่าจอดรถไว้ตรงนี้ ทำให้ผลลัพธ์ไม่ต่างกับจอดหน้าประตูมหาลัยเลย
รอดูสักครู่ก่อน ค่อยขับรถไปไว้ที่อื่น
คงต้องแบบนั้นล่ะ!
เฮ้อ ถอนหายใจ
เฉินเกอเก็บกุญแจ แล้วกันหลังเดินออกไป
พอเดินออกไปไม่ทันไร อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้นมา เป็นเบอร์แปลกที่โทรมา
เฉินเกอกดรับสาย
“ใช่เฉินเกอรึเปล่า เมื่อเช้าลืมแจ้งคุณ วันนี้บ่ายโมงตรง มารวมตัวที่สนามกีฬาฝั่งเหนือ เพื่อที่จะได้ฝึกวิชาที่2!”
ก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาเบา ๆ ที่ปลายสาย
พูดจบก็วางสายไปเลย
แล้วมะรืนนี้ตัวเองค่อยฝึกวิชาที่1 ถึงว่าล่ะที่วันนี้ต้องฝึกวิชาที่ 2
เขาเองก็ไม่ได้สนใจว่าคนในสายที่คุยนั้นมีท่าทีอย่างไร เฉินเกอหวังเพียงแค่ขอให้ได้ใบขับขี่ในเร็ว ๆ วัน จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังทิศเหนือของสนามฟุตบอล
เมื่อหลังจากที่ถึงสถานนั้น
การฝึกก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
มีโค๊ชหนึ่งคนใส่แว่นตากันแดดสีดำ ที่กำลังสอนให้อีกขับรถเข้าซอง
และเหลืออีกประมาณสิบกว่าคนที่กำลังรอ
มีทั้งชายและหญิง
ต่างก็ยืนมองอยู่ข้าง ๆ
“เชี่ย เป็นเฉินเกอจริง ๆ ด้วย เขามาเรียนขับรถได้อย่างไร?”
และเฉินเกอก็เดินเข้ามา มีผู้หญิงที่รอเรียนอยู่คนหนึ่งตกใจแล้วใช้มือกุมปากไว้ ซึ่งมีสีหน้าที่ไม่เชื่อว่าจะเจอเขาที่นี่
“ฮ่า ๆ เป็นไง ฉันบอกแล้วว่าเป็นเขา เชียนเชียน ที่พนันไว้เธอแพ้แล้ว เย็นวันนี้เธอต้องไปกินข้าวกับฉันแล้ว”
มีผู้ชายคนหนึ่งหัวเราะขึ้นอย่างดีใจ
“อั่ยย่ะ ไม่ ไม่ ไม่ ใครล่ะจะคิดว่า คนจน ๆ อย่างเฉินเกอจะมาสอบใบขับขี่ มันไม่น่าเชื่อเลยนะ ฉันว่า หลี่เนี่ยนนายรู้ตั้งแต่แรกแล้วแหละว่าเฉินเกอมาสมัคร ถึงได้ชวนฉันพนัน นายหลอกฉัน ”
ผู้หญิงที่มีชื่อว่า เชียนเชียน ทันใดก็รู้สึกไม่พอใจ
เรื่องมันเป็นแบบนี้ ในตอนที่พวกเขามาเรียนขับรถ ก็ได้เห็นใบรายชื่อมีชื่อของเฉินเกอ
จากนั้นทั้งสองก็เริ่มพนันกัน มันจะใช่เฉินเกอที่เรียนอยู่สาขาเดียวกับพวกเขาไหม
สรุป พอพนักงานที่โรงเรียนสอนขับรถได้โทรไปหาเฉินเกอ ก็เลยรู้ว่าเป็นเขาจริง ๆ
ทั้งสองคนนั้นก็แทบจะไม่เชื่อในสายตาที่ได้เห็น
และทั้งสองคนนี้ เฉินเกอเองก็ไม่ได้สนิทด้วยเท่าไร เห็นกันแค่ในห้องเรียนเท่านั้น
ทำไมถึงได้เจอล่ะ ก็เพราะว่าทั้งสองคนนี้ต่างก็เป็นคณะกรรมการนักเรียน คนหนึ่งชื่อหลี่เนี่ยนซึ่งเป็นหัวหน้าสารวัตรนักเรียน อีกคนชื่อ เจิ้งเชียนเชียนซึ่งเป็นหัวหน้างานอนามัย
เฉินเกอเป็นแค่ศึกษาที่ได้รับทุนจากกองทุนสนับสนุนของคนจน ซึ่งเคยทำงานให้เจียงเวยเวย
ทั้งสาขา มีใครบ้างล่ะที่ไม่เคยได้ยินว่าคนจนอยู่คนหนึ่ง
และบทสนทนาของทั้งสองคนนั้น ก็ทำให้คนอื่น ๆ ที่นั่งรอเรียนขับรถได้ยินหมด ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้ชายหรือผู้หญิง และพวกเขาเองก็ต่างเหลือบมองเฉินเกอจากด้านข้างด้วย
และก็มีผู้ชายคนหนึ่งหัวเราะขึ้นและพูดทำนองเหยียดหยามว่า “พี่เนี่ยน คนคนนี้ในสาขาเราจนขนาดนั้นเลยหรอ”
คำพูดของเขาที่ดูถูกและกดขี่คนอื่นนั้น ทำให้ตัวเองดูสูงขึ้นมาทันที เมื่อเห็นคนที่อยู่ด้านหน้าไม่มีอะไร แค่ถากถางคำสองคำ แล้วจะทำให้ตัวเองเด่นขึ้นได้อย่างไรล่ะ
“จน จนชนิดที่แทบจะจินตนาการไม่ได้ ฮ่า ๆ ๆ”
หลี่เนี่ยนหัวเราะเสียงดัง
เฉินเกอไม่สะท้านกับคำพูดเหล่านี้ จึงได้แค่ยิ้ม จากนั้นก็หันหน้าที่ทางอื่น และทำเหมือนว่าหลี่เนี่ยนและเจิ้งเชียนเชียนไม่มีตัวตน
ถ้าหากหมากัดเรา เราต้องกัดกลับหรอ
เขาเองทำเป็นไม่สนใจใด ๆ จึงทำให้หลี่เนี่ยนรู้สึกฉุน ๆ
ในขณะที่เขารู้สึกฉุนอยู่นั้น คนที่กำลังเรียนขับรถ
จากนั้น ค่อย ๆ เปิดประตู
และก็มีข้อมือที่ขาวราวกับหิมะยื่นออกมา
และทุกคนในนั้น ไม่ใช่แค่กลุ่มของเฉินเกอเท่านั้น แม้แต่กลุ่มอื่นที่อยู่ในสนามเรียนขับรถ ต่างก็มองจ้องมาทางนี้
“ทุกคนรีบดูสิ คนสวยออกมาแล้ว ”