ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 42 วันนี้ฉันไม่ไปแล้ว
บทที่ 42 วันนี้ฉันไม่ไปแล้ว
“อะไรนะมู่หาน? เธอจะพาเฉินเกอไปด้วย?”
เจียงเวยเวยพูดอย่างตกใจ
เฉินเกอก็ตกใจเล็กน้อย
จากวันนี้ที่สัมผัสกันครึ่งชั่วโมง เฉินเกอรู้ว่า ซูมู่หานเป็นคนประเภทจิตใจดี และไม่ใช่ผู้หญิงที่รังเกียจคนจนรักคนรวย ขอให้เป็น
คนดี ซูมู่หานก็จะนับเป็นเพื่อน
ในทางกลับกัน เมื่อเทียบกับเจียงเวยเวยต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อีกทั้งซูมู่หานเป็นคนที่คิดถึงความรู้สึกคนอื่นเสมอ
และอีกอย่าง หากให้ไปร่วมสังสรรค์ทานข้าวกับหวังหยางและ เจียงเวยเวย เฉินเกอไม่มีอารมณ์จริงๆ
เพราะไม่ใช่คนจำพวกเดียวกัน!
ซูมู่หานพยักหน้าเล็กน้อย: “เวยเวยวันนี้เฉินเกอช่วยเหลือฉัน ดังนั้นคืนนี้ฉันเลี้ยงข้าวพวกเธอ เฉินเกอก็ต้องไป!”
“เอาอย่างนี้ละกันพวกเธอไปกันเองเถอะ!” เฉินเกอยิ้มๆ ที่ซูมู่หานเชิญชวนเขา เขาก็ทราบซึ้งในน้ำใจของซูมู่หานแล้ว
“ไม่ได้ นายต้องไป!”
อันที่จริงซูมู่หานก็มีจุดประสงค์อื่นด้วย หวังหยางคิดอะไรอยู่ เธอทำไมจะไม่รู้
ทางออกที่ดีที่สุด ก็คือต้องแยกเธอกับหวังหยางออกจากกัน
ซูมู่หานไม่ชอบหวังหยาง ไม่ชอบอย่างมาก
หวังหยางที่อยู่ข้างๆสีหน้าดูไม่ดีเลย
จะไม่ให้เฉินเกอไปด้วยก็ไม่ดี เพราะซูมู่หานเอ่ยปากเองว่าจะเป็นคนเลี้ยงข้าว
หากให้เฉินเกอไปด้วย
หวังหยางไม่สามารถที่จะให้ซูมู่หานเป็นเจ้ามือในการเลี้ยงข้าว
กลัวตัวเองจะไม่มีมาด
ระหว่างนั้นก็พูดขึ้นอย่างขึงขัง “ได้สิมู่หาน เอาอย่างนี้ละกัน วันนี้ก็ฉันแหละที่เป็นคนเลี้ยงข้าว ครั้งก่อนตอนที่ไปห้องครัวเจียหยวน เธอก็ไม่ได้ไป วันนี้ยังไงเธอก็ต้องไป ส่วนเฉินเกอนั้น ให้เขาตามไปด้วย…….”
ซูมู่หานถึงได้พยักหน้ารับ
เจียงเวยเวยที่โกรธมองไปยังเฉินเกอ “ฮึ่ม สมใจนายแล้วซินะ ถึงได้ให้หวังหยางเลี้ยงข้าวนาย ก็แค่เห็นว่านายช่วยเหลือมู่หาน ไม่อย่างนั้น นายอย่าได้แม้แต่จะคิด!”
พูดเสร็จก็หันไปมองซูมู่หาน “มู่หานงั้นเราเจอกันคืนนี้นะ!”
หลังจากนั้นก็เดินตามติดๆหวังหยางออกไป
เห้ย!
เฉินเกอถอนหายใจในใจ
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เขาจะไม่ไปก็ไม่ได้เสียแล้ว
ระหว่างนั้นเฉินเกอก็ไม่ได้คิดอย่างอื่น ตั้งใจฝึกขับรถอย่างเดียว
ฝึกจนใกล้ค่ำ
เจียงเวยเวยก็มาหาซูมู่หาน
มีหวังหยางที่เป็นคนขับรถ
และคนที่ไปครั้งนี้ก็ไม่น้อยด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาหญิงในสภา ยังมีผู้ชายหลายคนที่สนิทกับหวังหยางก็มาด้วย
สองในนั้นก็คือเจิ้งเชียนเชียนและหลี่เนี่ยน
เมื่อถึงจุดหมาย หวังหยางแสดงออกอย่างใจกว้าง ได้จองห้องวีไอพีที่หรูหราและสวยงามไว้แล้ว
เฉินเกอเดินตามพวกเธอเข้าไป
เพียงแต่ว่า ยังไม่ทันสังเกต ในทางเดิน มีพนักงานต้อนรับเดินสวนทางกับเขา มองเขาด้วยความตกใจ แล้วรีบร้อนวิ่งลงบันไดไป
ก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรแล้ว!
“ฮึ่ม สถานที่แบบนี้ เขาไม่เคยมาแน่เลย เกรงว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตคงไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่!”
ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้น
เจิ้งเชียนเชียนคนนี้เหลือบมองเฉินเกอแล้วกล่าว
“เชียนเชียนอันนี้เธอผิดแล้ว เฉินเกอเคยมา และยังจัดงานเลี้ยงเพื่อนนักศึกษาที่นี่ด้วย ได้ยินว่าคืนนั้น หมดไปหลายตังค์เลย!”
เจียงเวยเวยพูดอย่างไม่แยแส
เจิ้งเชียนเชียนและหลี่เนี่ยนอึ้งตามกัน
เจียงเวยเวยรีบเล่าเรื่องที่เฉินเกอเคยถูกหวย แล้วเลี้ยงเพื่อนนักศึกษาอย่างฟุ่มเฟือย
ทุกคนต่างมองไปที่เฉินเกอ ราวกับมองคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง
เฉินเกอก็ไม่ได้พูดอะไร
ได้แต่นั่งเงียบๆ
“เมื่อก่อนนายถูกหวยเหรอ?”
ซูมู่หานถามอย่างแปลกใจ
“อืม ถูกนิดหน่อย!” เฉินเกอก็ยิ้มๆ
ทำไมนายต้องใช้เงินพวกนั้นให้หมดด้วย ไม่เหลือไว้หน่อยละ ซูมู่หานถาม
“เหลือเหรอ? ก็มันชอบโอ้อวดไง จะให้คุณชายเฉินเหลือเหรอ” ฮ่า……….ๆ
เวลานี้หวังหยางเพิ่งเดินกลับเข้ามาจากด้านนอก ได้ยินที่ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องที่เฉินเกอถูกหวย เลยใช้โอกาสนี้พูดจาแดกดัน
“เอาละๆ ทุกคนรีบนั่งเข้าที่กันเถอะ ใช่แล้ว ตะกี้ฉันลงไปข้างล่าง บังเอิญเจอประธานของคณะข้างๆ ฉันได้ชวนพวกเขามาด้วย
อีกซักแป๊บก็คงจะขึ้นมาทานกับพวกเราด้วย!” หวังหยางพูดไปยิ้มไป
“งั้นก็ดีสิ แต่หวังหยาง ถึงแม้ว่าห้องวีไอพีของเราจะหรูหรา แต่ขนาดที่กะทัดรัดนี้ กลัวว่าจะไม่พอสำหรับคนเยอะขนาดนี้นะ?”
เจียงเวยเวยได้ยินว่าประธานคณะข้างๆก็อยู่ด้วย ก็มีความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับคนมากมาย และเจียงเวยเวยก็เป็นผู้หญิงที่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
“ใช่สิ พวกเขามีกันทั้งหมดสามคน หากมีสองคนพวกเรานั่งเบียดๆกันก็พอได้ แต่หากเป็นอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่ายังไงก็ไม่พอนั่ง!”
หวังหยางหันซ้ายหันขาว ท่าทางเป็นกังวล
เฉินเกอทำไมถึงจะฟังไม่ออกว่าคำพูดเหล่านี้มีเจตนาที่จะพูดให้เขาฟัง
พูดตามความจริง วันนี้ที่มา คือให้เกียรติซูมู่หาน
ในบางครั้งที่เพื่อนนัดทานข้าวกันก็จะมีเรื่องแบบนี้ เชิญเพื่อนคนนี้มา เพื่อนคนนี้ก็อาจจะมาเพื่อนคนอื่นมาด้วย
ถึงแม้จะทำให้บรรยากาศอึดอัดบ้าง แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
เฉินเกอตอนนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ก็ถูกซูมู่หานชวนมาอีกที
เห่อๆ อยากทำอะไรก็ตามใจ เฉินเกอคิดในใจ
เห็นบนโต๊ะมีเครื่องดื่ม กำลังจะหยิบมันมาดื่ม
ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนหมุนโต๊ะ เครื่องดื่มถูกหมุนไปโดยตรง
เห็นข้างๆมีกาน้ำชาอยู่ เฉินเกอก็ได้เพียงแต่ดื่มชา
ยังไม่ได้หยิบ ก็ได้ถูกคนอื่นหมุนไปอีกแล้ว
แม่ง! ใครวะ?
เฉินเกออึ้ง แล้วเงยหน้ามอง ก็เห็นมือข้างหนึ่งของเจียงเวยเวยกำลังหมุนโต๊ะอยู่ มองตัวเขาอย่างเคืองๆ
“เฉินเกอนายไม่ได้ยินที่หวังหยางพูดเหรอ เขาบอกว่าโต๊ะนี้ถึงแม้จะนั่งเบียดกันยังไงมันก็ไม่พออีกหนึ่งที่!”
ไม่พอแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย
ผู้หญิงคนนี้ อย่าให้ตัวเขามีโอกาส ไม่งั้นจะจัดการดีๆสักครั้ง
ถอดกางเกงออกให้หมดแล้วจับตีก้น!
ในใจของเฉินเกอไม่ไหวกับเจียงเวยเวยแล้ว
“หน้าไม่อายจริงๆ! กินฟรี ยังจะมายึดที่ของคนอื่นอีก!”
เจิ้งเชียนเชียนก็พูดอย่างดูแคลน
คำพูดของเธอ แน่นอนมันคือการพูดแทนพวกหวังหยาง บวกกับที่เธอก็ไม่ชอบเขา ในปากก็ไม่มีคำพูดดีๆสำหรับเขา เอางี้ละกัน มู่หาน
เธอก็ให้เฉินเกอกลับไปก่อน รอบหน้าเราค่อยเลี้ยงก็ได้ เธอดูสิ ตอนนี้ยังไงคนมันก็เกินอยู่หนึ่งคน
เจียงเวยเวยเริ่มกล่อมซูมู่หาน
ซูมู่หานขมวดคิ้ว หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้น เธอกับเฉินเกอก็คงจะไม่มา
ขณะที่ซูมู่หานกำลังชั่งใจว่าจะบอกลาทุกคน
เจิ้งเชียนเชียนก็ชี้ไปที่โต๊ะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ข้างๆ: “เฉินเกอยังไม่ไปก็ได้ ให้เขาไปทานบนโต๊ะตัวนั้น พวกเราก็ตัดอาหารให้เขา
อย่างนี้น่าจะได้นะ?”
“ได้ ฉันว่าเป็นความคิดที่ดี ไม่งั้นอาจทำให้เฉินเกอชินกับการกินหรูหรา ตัวเขาเองอาจจะปรับตัวกลับมาไม่ได้!”
หลี่เนี่ยนพูดอย่างเยาะเย้ย
คนพวกนี้ ปากหมาจริงๆ!
พูดตามความจริง ในขณะที่โกรธ เฉินเกออยากจะตบโต๊ะแล้วออกไปจากที่นี่
แต่เพิ่งยืนขึ้น ความคิดของเฉินเกอก็เปลี่ยนไป
ไปเหรอ?
หากไปดื้อๆเสียอย่างนี้ตัวเองก็โดนคนพวกนี้กลั่นแกล้งฟรีๆไปขึ้นค่อนวัน?
ก็ได้ วันนี้ยังไงก็ไม่กลับ อยู่ในถิ่นของตัวเอง ยังให้พวกเธอมารังแกได้อีกเหรอ?
เฉินเกอแค่คิดอย่างนี้
พลางพยักหน้าแล้วพูด “ได้สิ ผมไปนั่งทานบนโต๊ะเล็กตัวนั้นได้!”
พูดจบ เฉินเกอก็ดึงเก้าอี้ ไปนั่งที่โต๊ะเล็กตัวนั้น
และในเวลานี้ ประตูห้องวีไอพีก็ถูกเปิดออก………