ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 43 นายรู้จักมหาเศรษฐีคนนี้ได้อย่างไร
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่ 43 นายรู้จักมหาเศรษฐีคนนี้ได้อย่างไร
บทที่ 43 นายรู้จักมหาเศรษฐีคนนี้ได้อย่างไร
คนที่เดินเข้ามาในห้องมีชายหนึ่งหญิงสอง บวกกับผู้จัดการล็อบบี้อีกหนึ่งคน
ชายหนึ่งหญิงหนึ่งนี้ ดูแล้วก็คือนักศึกษาที่อยู่คณะข้างๆ
ผู้ชายหล่อสูง
หญิงสาวสองคนนั้น ใส่กระโปรงสั่น สวยงามน่ารัก
ดูแล้ว ก็คือรุ่นพี่ที่ไปหยอกล้อรุ่นน้องมา
ทุกครั้งที่เห็นแบบนี้ ในใจรู้สึกไม่ยุติธรรม นายว่าทำไมเราถึงไม่มีสาวสวยมาชอบบ้างนะ!
เห้ย………
ชายที่สูงทักทายพวกเขาทีละคน
แล้วเห็นเฉินเกอที่นั่งอยู่ข้างๆ
“สวัสดี ผมชื่อตู้เหล่ยเรียนคณะบริหาร……เป็นเพื่อนกันได้ไหม?”
ชายคนนี้ยิ้มทักทายเฉินเกอ ดูก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่โอนอ่อนผ่อนตาม
หญิงสาวสองคนที่ข้างกายเขามองไปทางเฉินเกออย่างสงสัย
เพียงแต่ว่า หลังจากที่พวกเธอเห็นเครื่องแต่งกายบนตัวของเฉินเกอ ก็รู้สึกดูแคลนเล็กน้อย
“เห่อๆตู้เหล่ย นายไม่ต้องไปรู้จักเขาหรอก เขาชื่อเฉินเกอ เรียนอยู่คณะเดียวกับพวกเราเป็นคนโคตรจนเลย วันนี้มากินฟรี!”
หลี่เนี่ยนที่เป็นหัวหน้า แต่ก็ยังรู้จักตู้เหล่ย
แล้วหัวเราะทันที
“โอ้…….ผมก็นึกว่า เห่อๆ!”
หัวเราะอย่างจางๆ ตู้เหล่ยรีบดึงมือที่ยื่นออกไปกลับมา
หลังจากนั้นก็คุยกับพวกหวังหยางอย่างสนุกสนาน
ซูมู่หานโกรธมาก เธออยากพาเฉินเกอไปจากตรงนี้ เธอเสียใจมากที่พาเฉินเกอมาที่นี่
แต่เฉินเกอกลับมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ไม่มีอาการของคนที่ถูกดูแคลน อย่างนี้ทำให้ซูมู่หานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เฉิน……เฉิน!”
แต่ผู้จัดการสาวของล็อบบี้ที่เดินมาด้วย ขณะที่เห็นเฉินเกอ ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เธอเพิ่งได้ยินพนักงานพูดเมื่อกี้ เศรษฐีที่มาครั้งก่อนวันนี้มาอีกแล้ว
แน่นอน หากเฉินเกอเป็นเศรษฐีธรรมดาๆ ผู้จัดการล็อบบี้ก็คงจะไม่มีอาการแบบนี้
เพราะพวกบริกรไม่รู้เรื่อง เธอรู้จักเฉินเกอผ่านทางผู้จัดการใหญ่ของห้องครัวเจียหยวนเป็นคนแนะนำ
คนนี้ เขาคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งถนนการค้าจินหลิง เฉินเกอคุณชายเฉิน!
ตอนแรกที่ไม่กล้าพูด เป็นเพราะว่าเธอถูกคำพูดของพวกหวังหยางหลี่เนี่ยนทำให้สับสน
หรือว่าวันนี้ คุณชายเฉินไม่ใช่พระเอก
ผู้จัดการสาวที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ได้เอ่ยแค่คำว่าเฉิน และไม่ได้พูดอะไรต่อ
“คุณมาได้ยังไง?”
เธอถามอย่างเบาๆ แต่ค่อนข้างตื่นเต้น
“อ้อ พี่สาวไม่ได้ยินเหรอครับ วันนี้ผมมากินฟรี!”
เฉินเกอยิ้มเล็กน้อย ในที่สุดก็มีคนจำได้ ก็ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปสั่งอาหารข้างล่าง
“จ้าๆๆ ได้ยินแล้ว!”
ผู้จัดการสาวรีบพยักหน้า เสียงเธอเบามาก
“เอ๊ พี่จิน พวกเราแค่สั่งอาหาร ทำไมคุณถึงต้องมาด้วยตัวเอง?”
ถึงตอนนี้หวังหยางมองผู้จัดการหน้าล็อบบี้ ยิ้มขึ้นกะทันหัน เขารู้สึกมีหน้ามีตาขึ้นมาทันที!
แต่พี่จินคนนี้ไม่กล้าที่จะพูดต่อ
หวังหยางกลับมองอะไรไม่ออก สั่งอาหารอย่างสบายใจ
“พี่หยางสั่งเมนูพิเศษแค่สองอย่างเองเหรอ สั่งเมนูพิเศษเพิ่มอีกสองอย่างได้ไหม?”
เจิ้งเชียนเชียนพูดอย่างคาดหวัง
ห้องอาหารห้องครัวเจียหยวนนี้ ก็เพื่อมาลิ้มลองเมนูพิเศษไม่ใช่เหรอ
ถึงแม้เจียงเวยเวยก็อยากให้หวังหยางสั่งเมนูพิเศษเพิ่ม แต่ว่า เมนูพิเศษราคาแพงเกินไป เขาก็ไม่อยากให้หวังหยางเสียเงินเยอะเพราะพวกเธอ
รีบพูดขึ้น: “สองอย่างนี้ก็ดีมากแล้ว เมนูพิเศษราคาประมาณหนึ่งพันกว่าต่อหนึ่งเมนู!”
“ว้าว!”
เจิ้งเชียนเชียนอึ้งไปทันที
รวมทั้งหญิงสาวสองคนที่ตู้เหล่ยพามาด้วยก็อึ้งตามกัน
ชื่อเสียงของห้องครัวเจียหยวน ไม่ธรรมดาจริงๆ
“คุณ…….. คุณจะทานอะไรดีคะ?”
ผู้จัดการล็อบบี้ถามอย่างระมัดระวัง
“ฮึ่ม รอให้พวกเรากินเหลือ ค่อยเอาให้เขากินก็พอ ยังจะให้เขาสั่งอาหาร?”
หลี่เนี่ยนทำเสียงฮึ่ม
“ใช่ๆ สถานะอะไร ยังจะมาสั่งต่างหาก?”
เจิ้งเชียนเชียนทำหน้าทำตาใส่แล้วพูด
หวังหยางที่ยิ้มอยู่ไม่พูดอะไร ตามจริงแล้ว เขารู้สึกว่าสั่งผัดเส้นมันฝรั่งให้เฉินเกอยังไม่คุ้มค่าเลย
ยังดีที่คืนนี้ได้ชวนหลี่เนี่ยนมา
ไม่อย่างนั้น หวังหยางยังไม่รู้ว่าอยู่ต่อหน้าซูมู่หานจะแดกดันเขายังไง!
ณตอนนั้น เขาสนุกกับการดู
“ไม่เป็นไร ที่สั่งเป็นของพวกเธอ ฉันจะสั่งอะไรที่ง่ายๆกินเอง!”
เฉินเกอฝืนหัวเราะ
เดิมทีวันนี้เขาคิดจะจัดหนักหวังหยางซักมื้อ แต่คาดว่า คนพวกนี้ต้องเยาะเย้ยเขาจนตายแน่
ข้อสอง แค่มีหลี่เนี่ยนกับเจียงเวยเวยสองคนนี้ ตัวเองก็คงสั่งไม่สำเร็จ
บวกกับ หนังหน้าของเฉินเกอก็ทนหนาต่อไปไม่ไหวแล้ว
ดีที่สุดสั่งนิดหน่อยกินเองดีกว่า
“อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ว่าแต่นายจะสั่งอะไรเหรอ?”
เจิ้งเชียนเชียนถามอย่างเย็นชา
“อ้อ เอาผัดเส้นมันฝรั่งหนึ่งจาน ใส่พริกเยอะหน่อย แล้วบะหมี่ที่หั่นด้วยมีดหนึ่งชาม?”
เฉินเกอสั่งอย่างยิ้มแย้ม
“ปัดโธ่! แม่ง นี่มันเรื่องตลกป่ะเนี่ย?
“คนอะไรเนี่ย ทำไมถึงได้นอกคอกแบบนี้ ที่นี่มันที่ไหน ทำไมถึงสั่งเส้นมันฝรั่งบะหมี่หั่น?”
คำพูดนี้ออกมา คนในห้องวีไอพีทั้งหมดอึ้งตามๆกัน ต่างพูดจาดูแคลนไม่หยุด
“ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้!”
ผู้จัดการล็อบบี้ไม่กล้าละเลย
ครั้งนี้ที่เฉินเกอกินพวกนี้ เพื่อไม่อยากได้ยินคำพูดเจี๊ยวจ๊าวของพวกเขา เพราะเขาสามารถที่จะสั่งอาหารเหมือนครั้งก่อนก็ได้ ชี้สั่ง
จากภาพในเมนู
ตอนนี้เหรอ สั่งง่ายๆก็พอละ
แต่ในเวลานี้ซูมู่หานมองเฉินเกออย่างสนใจ
เฉินเกอยิ้มๆ:“ถ้าทางโน้นไม่อิ่ม ก็มาชิมบะหมี่หั่นมีดได้นะ!”
“ได้เลย!”
เห็นเฉินเกอไม่เป็นอะไร ซูมู่หานก็ยิ้มอย่างดีใจ
“นายคนนี้นี่สุดยอดจริง!”
ตู้เหล่ยยิ้มอย่างเอือมระอาแล้วส่ายหัวไปมา
“ฮึมๆ ตู้เหล่ย ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว พูดเรื่องนายดีกว่า ยังไง ใช้วิธีอะไรถึงหยอกล้อสองสาวนี้มาได้?”
หวังหยางตอนนี้มองตู้เหล่ยยิ้มแล้วพูด
จะว่าไป หญิงสาวน่ารักสองคนนี้ที่อยู่ข้างกายตู้เหล่ย หน้าตาสวยมากทีเดียว
โดยเฉพาะขาขาวๆที่เรียวยาวคู่นั้น
“ฮ่าๆ ไม่มีไรหรอก ฉันแค่รับปากรุ่นน้องทั้งสอง จะพาพวกเธอขับรถหรูของเพื่อนไปกินลมชมวิว!”
“เพื่อน รถหรู รถหรูอะไร ถึงสามารถดึงดูดสองสาวสวยได้?”
หลี่เนี่ยนถามอย่างสงสัย
ตู้เหล่ยจุดบุหรี่ขึ้นหนึ่งม้วน: “อ้อๆ พวกเธอคงไม่รู้ใช่ไหมที่มหาวิทยาลัยเราลัมโบร์กีนีเรเบนตันจอดอยู่?”
“ลัมโบร์กีนี ?”
ทุกคนต่างตกตะลึง คนทั้งมหาวิทยาลัย ยังไม่เคยมีใครขับรถนี้มาก่อน
“โอ้มายก๊อด เรเบนตัน ราคาเกือบยี่สิบล้านหยวน?”
หลี่เนี่ยนพูดอย่างตะลึง
อีกทั้งพวกเจียงเวยเวยก็เบิ่งตากว้าง
“ใช่ ก็คือคันนั้นละ มันจอดอยู่ที่ลานจอดรถในสวนสาธารณะไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเรา เป็นรถของเพื่อนเราเอง
สนิทกันมาก!”
ดูดบุหรี่ไปคำนึง แล้วยิ้มจางๆ
ฝั่ง เฉินเกออึ้งไปชั่วขณะ
ตัวเองไปสนิทกับคนพรรค์นี้เมื่อไหร่กันแน่?
แต่เฉินเกอมาคิดๆดูก็เข้าใจทันที ที่แท้คนพรรค์นี้ อ้างรถลัมโบร์กีนีของตัวเอง หลอกสาวออกมา?
มองดูท่าทางของตู้เหล่ยที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย เฉินเกอก็พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง
“ฉันรู้แล้ว ฉันเคยเห็นรูปนี้ในกระทู้ ที่แท้มันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย!”
เจิ้งเชียนเชียนตะโกนอย่างตื่นเต้น。
หลังจากก็เอามือถือขึ้นมาเพื่อเอารูปออกมาจากกระทู้
“ให้ฉันดูหน่อย! ให้ฉันดูหน่อย!”
เจียงเวยเวยหายใจเข้าลึกๆ
หญิงสาวหลายคนต่างออกันเข้ามาดูรูปถ่าย
“ว้าว! ลัมโบร์กีนีคันนี้โคตรเท่อะ!”
ทันใดนั้นสาวๆก็กรีดร้อง
แม้แต่หวังหยางยังถูกดึงดูดให้สนใจ รถที่เท่แบบนี้ ใครก็ทนไม่ได้ ที่สำคัญคือ รถคันนี้ราคายี่สิบล้านหยวนนะ
“ตู้เหล่ย จริงป่ะเนี่ย? นายเป็นเพื่อนสนิทกับคนโคตรเทพขนาดนี้? นายรู้จักเขาได้ยังไง?”
หวังหยางทำท่าอิจฉา
เฉินเกอก็มองไปทางตู้เหล่ย
ใช่ๆ นายรู้จักเขาได้ยังไง?