ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 61 เฉินเกอนายต้องไป
บทที่ 61 เฉินเกอนายต้องไป
“คุณชายเฉิน คุณมาสอบใบขับขี่เป็นเพื่อนแฟนเหรอครับ?”
ตั้งแต่วันนั้นเจียงเฉิงก็รู้แล้วว่าเฉินเกอไม่ใช่คนธรรมดา
ลองคิดดูสิ 18 ล้านเนี่นนะ แม้แต่ตาก็ไม่กะพริบเลยด้วยซ้ำ
ต้องเป็นเศรษฐีแน่ๆ
และหลังจากนั้น เจียงเฉิงก็เคยไปสืบ แม้ว่าจะไม่ได้สืบถึงข้อมูลของคุณชายเฉินผู้ลึกลับคนนี้ แต่เขาก็รู้ว่าผู้จัดการของลัมโบร์กีนีนั้น ก็เป็นคนมีหน้ามีตาในทั่วทั้งจินหลิง แม้แต่เขาก็ยังเคารพเชื่อฟังเฉินเกอเลย
จึงเป็นธรรมดาที่จะคาดเดาออกมาได้ว่าเฉินเกอไม่ธรรมดา!
“เปล่าหรอก เราทั้งคู่ต่างก็มาสอบ!”
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองคนจะเคยแกล้งเฉินเกอ แต่ตอนนี้เฉินเกอเห็นเขามีมารยาทขนาดนี้ จึงตอบกลับอย่างสุภาพเช่นกัน
ฝ่ายซูหยิ่งกับหลี่เจี่ยนหนานขณะนี้ก็ตกตะลึงกันหมดแล้ว
นี่มันคุณชายเจียงนะ นึกไม่ถึงว่าจะพินอบพิเทาคนต่ำต้อยอย่างเฉินเกอจนขนาดนี้?
ทั้งสองคนจะไม่แปลกใจได้ยังไง
“ถ้างั้น เอาอย่างนี้ดีไหมครับคุณชายเฉิน บังเอิญว่าผมกำลังจะไปมหาวิทยาลัยจินหลิง ต้องการให้ผมพาคุณไปด้วยไหมครับ?”
เจียงเฉิงยิ้มและพูดขึ้น
คนอย่างคุณชายเฉิน จะต้องผูกมิตรเอาไว้ เพราะวันหน้าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองเป็นอย่างมาก
ติดรถคนอื่นไปสำหรับเฉินเกอแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไร และซูมู่หานก็เห็นด้วย
ดังนั้น พวกเขาก็ออกไปภายใต้สายตาอันประหลาดใจของซูหยิ่งกับหลี่เจี่ยนหนาน!
“เฉินเกอคนนี้ เป็นอย่างที่ซูมู่หานบอกว่าเป็นเศรษฐีรุ่นสองจริงๆหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายเจียงถึงได้ปฏิบัติต่อเขาแบบนี้?”
ซูหยิ่งสีหน้าไม่น่าดูมาก
เดิมทีคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ เอาชนะซูมู่หานคู่ปรับตลอดกาลซะหน่อย
ให้เธอแพ้ภัยตัวเองสักครั้ง
ต่อหน้าตัวเอง หล่อนจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีก
แม้ว่าการอวดแฟนรวยจะเป็นเรื่องที่หยาบคาย ทว่า ตราบใดที่ตัวเองมี แต่ซูมู่หานไม่มี นั่นก็เพียงพอแล้ว!
ซูหยิ่งกระทืบเท้าด้วยความโมโห
“ฮึ เสี่ยวหยิ่งเธออย่าเพิ่งด่วนสรุปขนาดนี้ ที่มหาวิทยาลัยจินหลิงฉันก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อน เธอรอก่อน เดี๋ยวฉันจะตรวจสอบเฉินเกอคนนี้สักหน่อย ดูซิว่าเขามีภูมิหลังยังไง!”
หลี่เจี่ยนหนานกล่าวอย่างชิงชัง
เพราะว่าคราวนี้ ไม่เพียงแต่ซูหยิ่งเท่านั้นที่กล้ำกลืนความอับอาย เขาเองก็โดนเฉินเกอตบหน้าไปแล้วด้วย
แต่หลังจากที่เจียงเฉิงส่งเฉินเกอกลับไปแล้ว
แถมยังหน้าด้านขอบัญชีวีแชทของเฉินเกออีก
คนนี้ขี้ประจบจริงๆ
เฉินเกอนั่งรถของเขาแล้ว คิดจะปฏิเสธก็คงจะไม่ดีจริงๆ
ช่างเถอะ เพื่อนเพิ่มมาคนหนึ่งก็ดีกว่าศัตรูเพิ่มมาคนหนึ่ง!
หลังจากปฏิเสธคำเชิญรับประทานอาหารของเขาอีกครั้งแล้ว เฉินเกอกับซูมู่หานก็เดินเคียงคู่กันไปยังมหาวิทยาลัย
พูดตามตรงเฉินเกอก็เคยเดินกับซูมู่หานแบบนี้มาก่อน
แต่แน่นอนว่าไม่ได้มีความรู้สึกแปลกๆแบบนี้
เพราะคิดไม่ถึงว่าเมื่อกี้ซูมู่หานจะบอกว่าเธอเป็นแฟนของเขา
เฉินเกอยังไม่ต่ำต้อยถึงขนาดไปแอบดีใจเพราะได้เป็นแฟนจอมปลอมของใครสักคน ที่น่าแปลกก็คือเฉินเกอมีความรู้สึกบางอย่างต่อเธอ แถมเมื่อกี้ยังได้เป็นแฟนจอมปลอมของเธออีกด้วย
ทั้งสองขัดแย้งกันมาก เป็นความสุขก็ไม่ใช่ไม่สุขก็ไม่เชิง แต่ก็ไม่ได้ไม่พอใจที่ถูกคนอื่นหลอกใช้
เพียงแค่ช่วงนี้ เฉินเกออยู่ในอารมณ์เช่นนี้
“เฉินเกอขอโทษนะ เมื่อกี้……เพราะฉันรีบร้อนไปหน่อย ก็เลยบอกว่านายเป็นแฟนของฉันโดยไม่ได้ถามนายก่อน!”
ซูมู่หานก็รู้สึกอับอายอยู่บ้าง
“ไม่เป็นไร แบบนี้ไม่ดีรึไง? หน้าคุณก็กู้เอาไว้ได้แล้ว แถมผมยังได้เป็นแฟนที่สวยมากขนาดนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วด้วยนะ!”
เฉินเกอหัวเราะขมเสียงหนึ่ง
ดวงตาของซูมู่หานเบิกโพลง: “เฉินเกอ นายรู้จักพูดจากะล่อนเหมือนไอ้หนุ่มพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันเกลียดไอ้หนุ่มกะล่อนพวกนั้นที่สุด!”
“พูดแบบนี้ตอนนี้คุณเกลียดที่ผมกะล่อนงั้นเหรอ?” ช่วงนี้เฉินเกอก็ยิ่งพูดยิ่งอาจหาญขึ้นมาแล้ว ไม่ได้มีความรู้สึกยับยั้งชั่งใจแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
“ฮึ ถึงแม้ว่าฉันจะเกลียดไอ้หนุ่มพวกนั้น แต่ฉันก็ไม่ได้เกลียดความกะล่อนของนาย อยากเกลียดก็เกลียดไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
คำพูดเหล่านี้ พูดแล้วก็ทำให้หัวใจของเฉินเกอรู้สึกพึงพอใจ
“แต่เฉินเกอ ฉันคิดว่านายมีบางอย่างปิดบังฉันอยู่ เจียงเฉิงคนนั้น ดูก็รู้แล้วว่าสถานะไม่ธรรมดา ทำไมเขาถึงให้เกียรตินายขนาดนั้นล่ะ ไม่สิ ไม่ใช่ให้เกียรติ กระทั่งถึงจุดที่เป็นการประจบสอพลอแล้ว?”
ซูมู่หานอดทนไม่ไหวแล้ว เธอรู้สึกว่าเฉินเกอยิ่งทำให้คนอ่านไม่ออก
อันที่จริงจุดนี้ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสุดท้ายแล้วเฉินเกอจึงเพิ่มเพื่อนเจียงเฉิง
ตลอดการสนทนา ตราบใดที่ตัวเองไม่เอ่ยถึง เขาก็จะไม่พูดเรื่องที่ตัวเองซื้อรถสปอร์ตแลมโบกินีรุ่น Levingtonอย่างแน่นอน
ทำให้เฉินเกอคิดว่าเขารู้เรื่องจริงๆ
ตอนนี้เขาเพียงแค่พูดยิ้มๆว่า: “เมื่อกี้ผมก็พูดไปซึ่งๆหน้าแล้ว ว่าอันที่จริงแล้วผมเป็นเศรษฐีรุ่นสองอันดับต้นๆ เพราะผมไม่อยากเลิกใช้ชีวิตในปัจจุบันกับเพื่อนๆ ดังนั้นผมจึงใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมาโดยตลอด เจียงเฉิงคนนั้นเลยให้เกียรติกับผมมาก!”
“อุ๊บ!” ซูมู่หานหัวเราะทันที “เฉินเกอ ฉันพบว่าตอนนี้นายยิ่งเลวขึ้นแล้ว ในปากไม่มีคำจริงเลย แต่นายไม่อยากพูดความจริงฉันก็จะไม่บังคับนาย เอาล่ะ ฉันจะกลับหอแล้วคุณชายเฉิน ตอนนี้นายก็ไปสอบใบขับขี่มาแล้ว หวังว่านายจะรีบซื้อรถหรูสักคัน จากนั้นก็ขับรถพาฉันไปเที่ยว!”
ซูมู่หานกะพริบตาปริบๆ แสร้งทำเหมือนชื่นชมเขามาก
“ไม่ต้องห่วง จะพาคุณไปเที่ยวแน่นอน!”
แม้จะรู้ว่าซูมู่หานไม่เชื่อ แต่เฉินเกอก็ยังคงพยักหน้า พูดตามตรง เขาหวังว่าจะได้ใบขับขี่มาตอนนี้เลยจริงๆ จากนั้นก็ขับรถชิลๆ
หลังจากร่ำลากับซูมู่หานแล้ว เฉินเกอจึงกลับไปที่หอพัก
“ไอ้บ้า เฉินเกอ ทำบ้าอะไรอยู่? โทรศัพท์ก็ปิด! ติดต่อไม่ได้เลย!”
กลับมาปุ๊บ หยางฮุยก็บ่นปั๊บ
ตอนนี้พวกเขาแต่ละคนต่างก็ยุ่งมาก ยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าแต่งตัวราวกับจะไปนัดบอด
“เมื่อเช้าตอนออกไปแบตมือถือใกล้จะหมดแล้ว ตอนสอบเลยปิดเครื่อง เมื่อกี้เปิดอีกทีตอนจะเพิ่มวีแชท สักพักมันก็ดับไปเอง!”
เฉินเกอชาร์จมือถือ พลางพูดยิ้มๆอย่างจนใจ: “ฉันว่านะพี่ฮุย หลี่ปิน พวกนายจะไปทำอะไร?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะรอนาย พวกเราไปกันนานแล้ว รีบหน่อยเฉินเกอ เปลี่ยนเสื้อผ้าซะหน่อย พวกเราจะลงไปรอนายอยู่ข้างล่าง!”
หลี่ปินถ่มน้ำลาย พูดพลางลูบผมของตัวเองในกระจก
“อะไรเนี่ย? ลึกลับจัง?”
เฉินเกอสนใจขึ้นมาแล้ว
“ฮิๆ วันนี้เป็นวันเกิดของสวีเสีย เธอบอกว่า จะแนะนำบางคนให้พวกเรา รวมถึงนายด้วย รีบหน่อย วันนี้มันเกี่ยวพันถึงเรื่องใหญ่ที่พวกเราพี่น้องจะได้สละโสด!”
หลี่ปินยิ้มโค้งสวยงามราวกับดอกไม้อย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าๆ งั้นก็ยินดีกับพวกนายด้วย แต่ฉัน……”
“ถ้าไม่ไปจะฆ่านาย!”
ไม่รอให้เฉินเกอพูดจบ กลุ่มเพื่อนหมาป่าก็พุ่งเข้ามาตะครุบเฉินเกอ
“ไปๆๆ ฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองจะไม่ไป!”
เฉินเกอยิ้มอย่างขมขื่น
เดิมทีเขาคิดว่าจะพักผ่อน
ตอนนี้ ต้องติดตามพวกหยางฮุยไปยังสถานที่จัดงานวันเกิดของสวีเสียอย่างไม่มีทางเลือก
สถานที่ที่ถูกเลือกเป็นที่เดียวกันกับสถานที่ที่เรียกว่าวิลล่าสวนเหมย
สไตล์คันทรี่
เหมือนการปิกนิกไงล่ะ รวมกลุ่มกันกินดื่มชมวิว นับว่าเป็นที่กินที่ไม่เลวแห่งหนึ่ง
แม้ว่าที่นี่จะเรียบง่ายมาก ทว่า ที่มากกว่าก็คือรถหรูที่จอดอยู่ตรงเชิงเขา
เห็นได้ชัดว่าคนมีหน้ามีตาเยอะมากที่ชอบมาสถานที่แบบนี้ เพราะว่ามันเงียบ อีกอย่างก็คืออารมณ์!
อารมณ์ของการกลับไปยังธรรมชาติ
“หยางฮุย เฉินเกอ ทางนี้!”
พวกเฉินเกอเพิ่งจะลงจากรถ พวกสวีเสียก็รออยู่ที่ปากประตูแล้ว กำลังโบกมือให้พวกหยางฮุย
เกือบทั้งหมดเป็นพวกที่อยู่ในหอพักของสวีเสียและยังมีสาวน้อยแสนสวยอีกหลายคน ซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของสวีเสียที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ
พวกเธอต่างก็มองเลยมาทางเฉินเกอทางนี้
ก่อนที่วันเกิดของสวีเสีย เธอก็ได้บอกพวกเธอเอาไว้แล้วว่า เพื่อนร่วมหอพักทุกคนของหยางฮุยจะมากันหมด
และได้พูดสรรเสริมว่า ทุกคนโสดสนิท
บังเอิญว่าเพื่อนกลุ่มนี้ของสวีเสียก็โสดกันหมดเหมือนกัน
ดังนั้นวัตถุประสงค์ของชายหนุ่มหญิงสาวต่างก็ชัดเจนมาก นั่นคือหวังว่าวันนี้จะได้รู้จักกับใครสักคนที่ควรค่าแก่การมอบความไว้วางใจ!
“เฉินเกอ นายมาแล้ว!”
ถัดจากสวีเสีย จ้าวยีฟานที่กำลังจัดผมของตัวเอง พูดเบาๆกับเฉินเกอ……