ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 87 นายรู้จักยางอายไหม
บทที่ 87 นายรู้จักยางอายไหม
ไม่จำเป็นต้องคิด เฉินเกอก็รู้ว่าหลินยียีหมายถึงอะไร!
ต้องอยากให้ตัวเองแกล้งเป็นแฟนของเธอแน่นอน เธอจะไปรับมือกับคุณป้าคนนั้นของเธอ
แกล้งทำเป็นแฟนของคนอื่น เฉินเกอแกล้งทำจนมากเกินพอแล้ว
“คุณชายเฉิน ทำให้คุณรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว แกล้งเป็นแฟนของฉันหน่อยนะ ได้โปรดเถอะ พวกไป๋เสี่ยวเฟย ฉันรู้สึกว่า ความเป็นนักเลงบนตัวแรงเกินไป ไม่หนักแน่นเท่าคุณ ดังนั้น คุณเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าคุณไม่ช่วยฉัน คุณป้าของของฉัน จะให้ฉันไปเจอผู้ชายคนนั้นแน่ๆ ฉันไม่อยากเจอจริงๆนะ!”
หลินยียีอ้อนวอน
แม้ว่าเฉินเกออยากจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่จะปฏิเสธได้จริงๆ
ยังไงหลินยียีก็ได้ช่วยเหลือตัวเองหลายครั้ง เธอขอให้ตัวเขาช่วย และมันก็ไม่ยากเกินไปด้วย ถ้าหากตัวเองปฏิเสธ ยังไงก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย
“ก็ได้!”
เฉินเกอเลยพยักหน้าตอบตกลง
หลังจากวางสายแล้ว เฉินเกอก็เลยไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน ให้พวกไป๋เสี่ยวเฟยขึ้นไปก่อน ตัวเองก็นั่งแท็กซี่ ไปที่บ้านป้าของหลินยียีบ้านป้าของเธอก็ค่อนข้างร่ำรวย มีคฤหาสน์หลังหนึ่งในเมืองหยุนก่างตอนที่ตัวเขามาถึง หลินยียีได้รออยู่ที่ประตูแล้ว
และข้างๆหลินยียี ยังมีหญิงสาวที่อายุประมาณเธอยืนอยู่ด้วย
ฉากนี้ ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ทำให้เฉินเกอนึกถึงภาพที่ไปบ้านของซูมู่หานในครั้งที่แล้ว หรือว่าการแกล้งทำเป็นแฟนของคนอื่น? จะเจอกันหมด?
แค่กๆ เฉินเกอลงจากรถ ทักทายกับหลินยียี
“อ้าก! พระเจ้า คุณพี่ นี่ก็คือแฟนที่พี่พูดถึง เฉินเกอ? ทำไมเขาถึงนั่งแท็กซี่มา?”
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆค่อนข้างขาวและสวยมาก แต่ว่าในตอนนี้เมื่อมองมาทางเฉินเกอ ทั้งหน้าเต็มไปด้วยความดูถูกและผิดหวังยิ่งนัก
ดูเหมือนว่าหลินยียีไม่ได้เปิดเผยฐานะตัวตนของเฉินเกอ
ดังนั้น หญิงสาวผู้ดี จึงไม่รู้อะไรเลย
ดูการแต่งตัวของเฉินเกอ ยังไงก็ดูเหมือนนายกระจอกที่ยากจน และยังนั่งแท็กซี่มา น่ารังเกียจจริงๆ?
เธอผิดหวังยิ่งนัก
“เธอรู้อะไรเสี่ยวเหมยเฉินเกอทำดีต่อพี่อื่นมาก! เป็นแฟนของพี่แล้วจะทำไมหรอ?”
หลินยียีวิ่งเข้ามาควงแขนของเฉินเกอไว้ ยิ้มหวานเล็กน้อย
เฮ้อ ถ้าคุณชายเฉินเป็นแฟนของตัวเองในเวลานี้จริงๆ คงจะดีมากนัก
หลินยียีคิดในใจ
“โอเคๆ หวังว่าเดี๋ยวพ่อแม่ของฉัน และพวกลูกพี่ลูกน้องเห็นแล้ว จะไม่พูดอะไรนะ!”
ซูเหมยเบะปากเล็กน้อย ขี้เกียจจะมองเฉินเกอจริงๆ
หันหลังเดินเข้าไปก่อน
เฉินเกอชะงัก “ให้ตายเถอะ คุณไม่ใช่บอกว่าแค่มาเจอคุณลุงคุณป้าของคุณไม่ใช่หรอ ทำไมคนเยอะขนาดนี้?”
หลินยียีแลบลิ้นเล็กน้อย “คือหลังจากที่ฉันโทรหาคุณเสร็จ พวกเขาถึงได้มาในทีหลัง ขอโทษนะ คุณชายเฉิน คุณช่วยฉันในครั้งนี้นะ!”
เฉินเกอจำใจ “ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ!”
จริงๆแล้ว ก่อนที่เฉินเกอจะมา คิดไว้ค่อนข้างง่าย เจอกับครอบครัวคุณป้าของหลินยียี หลังจากนั้น พวกเขาจะต้องเอาตัวเองเปรียบเทียบกับผู้ชายที่จะแนะนำให้หลินยียีอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น ตัวเองก็เอาทรัพย์สินบางส่วนออก ก็น่าจะเปรียบเทียบได้แล้ว
ก็เป็นเรื่องง่ายแค่นี้
แต่ว่าในตอนนี้ล่ะ ทั้งลุงป้าน้าอาของหลินยียีอยู่กันครบ ทำให้เฉินเกอ ปวดโตจริงๆ
ที่แท้ วันนี้ได้ยินว่าหลินยียีมาแล้ว เนื่องจากคนทางครอบครัวของหลินยียีกับทางครอบครัวของคุณป้าเธอ ปกติแล้วจะสนิทกันมาก และยังมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจด้วย
และยิ่งไปกว่านั้น ได้ยินว่าหลินยียี มีแฟนแล้ว
ดังนั้น พวกเขาจึงมาหมดเลย
พี่ยียี เขาก็คือแฟนของพี่หรอ?”
เมื่อเข้าไปแล้ว พวกผู้ใหญ่ยังไม่ได้พูด กลุ่มหนุ่มสาวทั้งหลาย อายุน่าจะไล่เลี่ยกัน ก็เข้ามาพูดคุยกัน
แต่ละคนมองพิจารณาเฉินเกอ
ไม่นานนัก คนเหล่านี้ก็แสดงท่าทางที่น่าสงสัย
ให้ตายเถอะ พี่ยียีสวยขนาดนี้ นี่มันรสนิยมอะไรกัน? เห็นได้ชัดว่า พี่เขยยียีคนนี้ ต่างกันมากเกินไปแล้ว!
“พี่ยียี เดิมทีเราอยากจะชวนพี่ไปร่วมงานปาร์ตี้เรือสำราญ พี่มักจะพูดว่ามีธุระๆ ฮึ่มๆ ที่แท้คือพาแฟนตัวเองมาแล้ว!”
ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
“ใช่จร้า แต่ก็พอดีเลย เดี๋ยวเราไปด้วยกัน!” หลินยียียิ้มแย้ม ควงแขนของเฉินเกอไว้ โดยไม่เคยปล่อยออกเลย
สำหรับลูกพี่ลูกน้องของเธอพวกนี้ ไม่มีใครกล่าวทักทายเฉินเกอเลย
หลินยียีก็รู้ ว่าพวกเธอดูถูกเฉินเกอ
อย่างไรก็ตาม หลินยียีไม่ได้รับความยินยอมจากเฉินเกอ กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเฉินเกอ อย่างรีบร้อน
เมื่อเห็นว่าเฉินเกอไม่ได้โกรธสักเท่าไหร่ หลินยียีก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย
แต่เฉินเกอจะไม่โกรธเสียที่ไหน แต่ได้ชินชาแล้วต่างหาก เขามีประสบการณ์หมดแล้ว เข้าร่วมสถานการณ์แบบนี้ ก็คือกลั้นหายใจตั้งสติไม่ต้องพูด!
“ได้แล้วยียี รีบนั่งลงเถอะ!”
ในเวลานี้ หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งยืนขึ้นมา เธอก็คือคุณป้าของ หลินยียี ชื่อว่า หลินหงเซียะ
เปิดบริษัทเครือข่ายความงามเอง ที่มีกำไรปีละหลายสิบล้าน
ดังนั้น ผิวพรรณของเธอจึงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากได้พบเจอคนรวยมามากมาย เลยทำให้เธอเห็นเฉินเกอแบบคนธรรมดา ก็มีความไม่เคยชินยิ่งนัก
“นายชื่อเฉินเกอใช่ไหม บ้านอยู่ที่ไหน? ที่บ้านทำอะไร?”
หลินหงเซียะ ค่อยๆถามขึ้น
พวกทายาทเศรษฐีทั้งหลาย ต่างก็มองไปทางเฉินเกอด้วยความรอยยิ้มเยาะเย้ย
“เขาคงจะไม่ตอบว่า บ้านอยู่ในชนบท ทางบ้านทำไร่ทำนาใช่ไหม?”
“เฮ้อ ไม่รู้จริงๆ พี่ยียีคุณสมบัติดีเลิศขนาดนี้ ทำไมถึงหาได้แย่แบบนี้นะ? ถ้าเขาเป็นแฟนของฉัน ฉันคงกระโดดลงจากที่นี่ตั้งนานแล้ว!”
“คุณดูเขาสิ ตั้งแต่เข้ามา ก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำเลย เห็นได้ชัดว่า จะไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้ เลยทำให้เขาตื่นเต้น มีมีความรู้สึกเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง เทียบกับพี่หวูเฉียงแล้ว แตกต่างกันมากเกินไปจริงๆ!”
“ให้ตายเถอะ คุณกำลังพูดอะไรอยู่ เขาน่ะหรือ จะมาเปรียบเทียบกับพี่หวูเฉียง?”
ด้านข้าง เหล่าชายหญิงต่างก็มือกอดอกเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เฉินเกอตั้งนานแล้ว
และซูเหมย เมื่อได้ยินว่า มีคนเอาเขาเปรียบเทียบกับหวูเฉียงก็พูดด้วยความรังเกียจทันที
หวูเฉียงคือใคร? ก็คือผู้ชายที่หลินหงเซียะต้องการจะแนะนำให้หลินยียีรู้จัก ที่บ้านทำโรงแรมในเครือ และตัวเขาเอง ก็กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเจียงหนานในจินหลิง ยังเป็นประธานนักศึกษาของบริหารธุรกิจด้วย!
คนเขาทำงานเก่งนัก คนเช่นนี้จะสามารถเปรียบเทียบได้อย่างไรกัน?
เสียงของพวกเธอไม่ได้เบาแต่อย่างไร เฉินเกอได้ยินหมดแล้ว
เขาไม่ได้โกรธ แต่กลัดกลุ้มนัก
คนคนหนึ่งจะมีเงินหรือไม่มีเงิน สำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือ? ตั้งแต่เมื่อใดที่มาตรฐานในการอธิบายความดีหรือความเลวของบุคคลหนึ่ง ไม่ใช่คุณงามความดีของเขาอีกต่อไป แต่คือเขามีเงินหรือไม่มีเงิน
คุณมีเงิน พูดอะไรทำอะไรก็ถูกทุกอย่าง ก็คือเจ้าใหญ่นายโต คุณไม่มีเงิน ไม่ใช่อะไรเลย!
เฉินเกอนึกถึงอดีตต่างๆในวันวาน ถอนหายใจเบาๆ
ถึงได้มองไปทาง หลินหงเซียะ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ครอบครัวของฉันอยู่ในเมืองเล็กๆ ในเขตมณฑล พ่อแม่ของฉันทำธุรกิจเล็กๆ!”
เฉินเกอกพูดตามความเป็นจริง
“ฮ่าๆ เป็นบ้านนอกจริงๆด้วย คิดว่าพ่อแม่ก็น่าจะเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ในเมืองเท่านั้นมั้ง พระเจ้า!”
พวกซูเหมยก็ยิ่งดูถูกเข้าไปใหญ่
และหลินหงเซียะ ก็ไม่พูดให้เฉินเกอ นั่งลงเลย ในตอนนี้ได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ด่าทอโดยตรง
“แล้วนายมีสิทธิ์อะไรมาคบกับยียีของเรา นายมีสิทธิ์อะไร? นายรู้จักยางอายไหม?”