ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่ 96 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
บทที่ 96 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
หวังเสี่ยวถีสาดไวน์ใส่เฉินเกอ
บ้าแล้ว ผู้หญิงคนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ
“เสี่ยวถีเธอเป็นอะไรไป”
หานเฟยเอ๋อไม่รู้ตัวเลยว่าที่หวังเสี่ยวถีเป็นอย่างนี้เพราะอิจฉาเธอ ยังถามออกไปด้วยความตระหนกตกใจ
“ฉันไม่เป็นไร เฟยเอ๋อ วันนี้ฉันไม่สบาย ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
หวังเสี่ยวถีทิ้งโทรศัพท์ไว้แล้วถือแต่กระเป๋ากลับไป
เธอเองก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าตัวเองเป็นอะไรไป
พี่ผิงผันเป็นคนเก่งมาก แล้วเขาก็ไม่ได้รู้จักเธอสักหน่อย ทำไมเธอต้องหึงพี่ผิงผันขนาดนี้ด้วยล่ะ
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
เมื่อสักครู่ ขณะที่ทุกคนกำลังพูดเรื่องที่พี่ผิงผันแอบรักหานเฟยเอ๋อ หวังเสี่ยวถีรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก
ผู้หญิง เป็นสัตว์ที่มีความอิจฉาริษยาติดตัวมาตั้งแต่เกิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้หญิงสวยกับผู้หญิงสวยมาเจอกัน
ดังนั้นเธอจึงยิ่งโมโห แต่ทำอะไรหานเฟยเอ๋อโดยตรงไม่ได้ เลยไประบายอารมณ์ใส่เฉินเกอแทน
ทำเหมือนไม่เคยเห็นเฉินเกออยู่ในสายตามาก่อน เธอเมินใส่เฉินเกอแล้วจากไป
“เหอะ ต้องโทษนายนั่นแหละเฉินเกอ ทำให้โมโหเสี่ยวถี ฉันนี่ผิดหวังจริง ๆ เรียกให้นายมาเพื่ออะไรน่ะ”
สายตาของหานเฟยเอ๋อที่มองไปยังเฉินเกอดูเย็นชา
แต่เฉินเกอเข้าใจสิ่งที่หานเฟยเอ๋อสื่อออกมาที่ไหนกันล่ะ ตอนนี้เขาเหมือนอยากจะแก้แค้นหวังเสี่ยวถีมากกว่า
ดังนั้นเขาจึงตามออกไป
หึ สาดไวน์ใส่ฉันแก้วหนึ่ง ทั้งยังด่าฉันชุดใหญ่ คิดจะกลับไปง่าย ๆ แบบนี้เหรอ
เฉินเกอไม่ใช่เฉินเกอคนเก่าแล้ว
เขาตัดสินใจที่จะตบหน้าหวังเสี่ยวถีสักฉาด
แต่เมื่อเขาตามออกมา กลับไม่พบแม้แต่เงาของหวังเสี่ยวถี นั่นยิ่งทำให้เฉินเกอโกรธแค้นมาก
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเฉินเกอก็มีข้อความจากQQเข้ามา
เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อความที่ส่งมาจากเฮาหลานลัน เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขานั่นเอง
วันนี้เธอไม่สบายหนักมาก ดังนั้นจึงไม่ได้มาร่วมงานฉลองความสำเร็จของหานเฟยเอ๋อ
แต่เมื่อเปิดอ่านข้อความ หนังตาของเฉินเกอก็กระตุกเล็กน้อย
“เฉินเกอ นายว่าทำไมคนเราถึงได้พบกับความเจ็บปวดบ่อยครั้ง ฉันเป็นภาระของคนในครอบครัว ฉันไม่สามารถช่วยเหลืออะไรที่บ้านได้เลย ฉันต่อสู้ดิ้นรนมาทั้งชีวิต แต่กลับสู้คนอื่นไม่ได้เลย ฉันนี่มันไร้ประโยชน์เหลือเกิน ฉันทำให้พ่ออับอายสู้หน้าใครไม่ได้ แม้แต่เสื้อผ้าชุดใหม่ของน้องสาวฉันก็ไม่มีปัญญาซื้อให้ ตอนนี้น้องสาวฉันป่วย ฉันเป็นพี่สาว แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทำได้แต่เฝ้าดูเธอ แม้แต่โรงพยาบาลก็ไปไม่ได้ ที่บ้านเอาเงินให้ฉันหมดแล้ว แต่ฉันกลับตอบแทนอะไรไม่ได้เลยสักนิด”
“เฉินเกอ นายว่าฉันควรทำยังไงถึงจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างนี้”
เฮาหลานลันส่งข้อความยาวมากหาเขา
เฉินเกอเข้าใจแล้วว่าบ้านของ เฮาหลานลันเกิดปัญหา เธอช่วยอะไรไม่ได้เลยได้แต่โทษตัวเองอยู่แบบนี้ ยิ่งประโยคสุดท้ายที่เธอพูดนั้น เฉินเกอรู้สึกว่าเธอมีความหมายแฝงอย่างอื่น
เฉินเกอรู้สึกตกใจ
เฮาหลานลันเธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มบ้านยากจนของเขา ปกติเธอเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่จากที่เฉินเกอพิจารณาเธอ ถึงแม้ภายนอกเธอจะดูต่ำต้อยด้อยค่า แต่ภายในใจเธอกลับแข็งแกร่งมาก
อยากดีกว่าคนอื่นทุกอย่าง
อีกทั้งเขามองออก ว่านอกจากเธอจะอยากมีชีวิตที่ไม่ต้องกังวลใจอะไรเหมือนอย่างคนอื่นแล้วนั้น เธอยังมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
ข้อนี้ เธอเข้มแข็งกว่าเขามาก
แต่ความเป็นจริงมันโหดร้าย ยิ่งเธอคิดมากไป ผลลัพธ์ที่ได้ยิ่งกลายเป็นตรงกันข้าม
ฉะนั้น ปัญหาที่ฝังอยู่ในใจเฮาหลานลันมันมีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นวันสองวันนี้ ครั้งนี้น้องสาวเธอป่วย แต่เธอกลับไม่มีเงินสักบาท
กลัวว่าปัญหานี้จะทำให้เธอยิ่งรู้สึกแย่
เฉินเกอเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
เป็นห่วงว่าเธอจะคิดสั้น เฉินเกอจึงรีบตอบข้อความ :
“เฮาหลานลัน เธออยู่ไหน อยู่ที่หอพักหรือเปล่า”
“อืม อยู่”
เฮาหลานลันตอบกลับอย่างรวดเร็ว ในชั้นเรียนคนที่เธอสามารถพูดด้วยได้นั้นมีน้อยมาก เฉินเกอถือเป็นหนึ่งในบรรดาคนที่เธอพูดคุยด้วยมากที่สุดแล้ว
เฉินเกอคิดในใจว่ายัยพิธีกรหวังเสี่ยวถีนั่นไม่รู้หายไปไหนแล้ว เขากลับเข้าไปด้านในดีกว่า ยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากับการถูกเหน็บแนมจากพวกหานเฟยเอ๋ออยู่ดี
จะให้เปิดเผยตัวตนเหรอ เฉินเกอไม่อยากทำอย่างนั้น
ถึงเขาจะไม่ได้สนิทกับเฮาหลานลันมากมาย แต่เธอก็ทำงานอยู่ในกลุ่มบ้านยากจนมาสามปีแล้ว จึงมีความเข้าอกเข้าใจกันดี เฉินเกอทนไม่ได้ที่จะเห็นเฮาหลานลันมีสภาพแบบนี้ต่อไป
เขาเลยตัดสินใจไม่กลับเข้าไปด้านใน แล้วเรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่หอพักนักศึกษาหญิง เมื่อเซ็นชื่ออะไรหน้าหอเสร็จแล้ว
เขาก็มาถึงหน้าประตูห้องของเฮาหลานลัน
“เฉินเกอเหรอ”
เฮาหลานลันที่ร้องไห้จนตาบวมเดินมาเปิดประตู เธอตกใจเล็กน้อยที่เห็นเฉินเกอ
“เฮาหลานลันเธอไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันมาเยี่ยมเธอน่ะ”
เฉินเกอเอ่ยออกมาหนึ่งประโยค
“ฉันไม่เป็นอะไร ไม่อยากรบกวนนายแล้ว ยังไงซะฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินบนโลกใบนี้ เป็นตัวถ่วงเป็นภาระให้ใครหลายคน”
เฮาหลานลันนั่งลงบนริมเตียง เอามือปิดหน้าแล้วเริ่มร้องไห้ออกมา
“เธอพูดเหลวไหลอะไรกัน เฮาหลานลัน เมื่อก่อนฉันก็เหมือนเธอนั่นแหละ ตอนเด็กพ่อฉันบอกว่าที่บ้านเราเป็นหนี้มากมาย ยากจนมาก พี่สาวฉันยอมไม่เรียนมัธยมปลาย ออกไปหางานทำเพื่อให้ฉันได้เรียนต่อ ทั้งที่พี่สาวฉันเรียนเก่งมาก แต่กลับไม่ยอมไปสอบ
เฉินเกออยากพูดปลอบใจเฮาหลานลัน อาจเป็นเพราะทั้งคู่ฐานะยากจนเหมือนกัน จึงทำให้เขาคิดถึงอดีตของตัวเอง
มันได้ผล เฮาหลานลันหยุดร้องแล้ว เธอมองไปยังเฉินเกอที่กำลังพูดอยู่
เฉินเกอพูดต่อ :
“เธอรู้ไหมว่าตอนนั้นฉันกดดันมากแค่ไหน ฉันต้องแบกรับความคาดหวังของคนในครอบครัว นั่นเลยทำให้ฉันทุ่มเทกับการเรียนมาก ฉันทุ่มเททุกอย่างเพื่อจะได้ประสบความสำเร็จ ไม่ต้องโดนใครดูถูกเหยียดหยามฉัน”
“หลังจากนั้นเป็นไงรู้ไหม ฉันก็ยังคงโดนคนอื่นรังแกบ่อยครั้ง โดนดูถูก เวลาฉันมองคนอื่น ฉันรู้สึกตัวเองด้อยค่าต่ำต้อยกว่าคนอื่น พบเจอผู้หญิงฉันก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดคุย เพราะฉันรู้สึกว่าพวกเธอจะต้องดูถูกดูแคลนฉัน”
“และพวกเธอก็ดูถูกดูแคลนฉันจริง ๆ นินทาฉันบ่อย ๆ แต่ฉันยังคงบอกตัวเองว่า ต้องใช้ชีวิตให้ดีต่อไป ความอัปยศอดสูพวกนี้ สักวันมันจะผ่านพ้นไป และนั่นทำให้ฉันเข้าใจได้เรื่องหนึ่ง”
เฉินเกอพูดด้วยอารมณ์ฮึกเหิม
เฮาหลานลันรีบถาม : “เข้าใจเรื่องอะไร”
“คนเราควรจะคิดหรือจะทำอะไรตามช่วงเวลาที่มันควรจะเป็น ถ้าทำอย่างนี้ถึงจะไม่ทุกข์ทรมาน ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในวัยเรียน กำลังหาความรู้ แต่เธอกลับคิดว่าจะหาเงินยังไง จะทำยังไงถึงจะมีเงินเยอะ ๆ มันเป็นไปได้เหรอ”
“ใช่ จริงอยู่ที่ฉันอยากหาเงินให้ได้เยอะ ๆ แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ตอนนี้นายก็พูดได้สิ ในเมื่อนายถูกลอตเตอรี่ นายโชคดีกว่าคนอื่น”
เฮาหลานลันพูดอย่างหดหู่
“ฉันโชคดีก็จริง แต่เธอเชื่อเถอะ สักวันเธอก็จะโชคดีเหมือนกัน ยังไงก็แล้วแต่ เรื่องพวกนี้ก็จะผ่านพ้นไป อย่าทำให้เรื่องนี้มากดดันเธอเอาไว้ สิ่งที่เธอต้องคิดตอนนี้คือวิธีแก้ปัญหาต่างหาก”
เฉินเกอพูดแนะนำ
เฮาหลานลันก้มหน้า : “อืม ฉันรู้แล้ว ขอบคุณนายมากนะเฉินเกอ นายให้เวลาฉันคิดหน่อย”
เฉินเกอไม่เคยพูดแนะนำอะไรใคร เขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดยังไงเหมือนกัน
แต่ตอนนี้เขาก็รู้ปัญหาของเฮาหลานลันแล้ว อีกทั้งเธอก็เป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดี ยังไงเขาก็ต้องช่วยเธออยู่แล้ว
ตึง ตึง ตึง!
ทันใดนั้น ประตูห้องก็โดนทุบเสียงดังมาก
เหมือนจะงัดเอาประตูห้องโยนออกไปยังไงยังงั้น
เฮาหลานลันจึงเดินไปเปิดประตู
หญิงสาวอวบ ๆ วัยกลางคนมองเข้ามาในห้อง หน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนขนคิ้วจะหลุดขึ้นไปอยู่ด้านบน
“ถึงว่าทำไมไม่เปิดประตู นังสารเลว ที่แท้ก็มีผู้ชายอยู่ในห้องนี่เอง พ่อแกยังมีหน้ามาพูดว่าแกอยู่มหาวิทยาลัยขยันตั้งใจเรียนมาก ถุย! นังสารเลว!”
“แม่ อย่าพูดอย่างนั้นสิ เฉินเกอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหนู เขาแค่มาเยี่ยมหนู”
เฮาหลานลันร้องไห้
“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่! แกเป็นใคร มองอะไรห๊ะ คิดจะมาข่มขืนลูกสาวฉันเหรอ อยากลองดีไหม เดี๋ยวฉันจะเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาววัยกลางคนหยิบโทรศัพท์ออกมา
เฮาหลานลันร้อนรน รีบพูดออกมา : “เฉินเกอ นายกลับไปก่อนเถอะ วันนี้ขอบคุณนายมากนะ!”
“ก็ได้”
เฉินเกออยากจะด่ายัยมนุษย์ป้าบ้านี่สักหน่อย แต่ก็เห็นว่าเป็นแม่ของเฮาหลานลัน เลยไม่อยากพูดอะไร
“เป็นแม่คนประสาอะไร!”
เฉินเกอบ่นพึมพำแล้วจากไป
ไม่รู้ว่าแม่ของเฮาหลานลันคนนี้เป็นแม่แท้ ๆ ของเธอหรือเปล่า เอาแต่เรียกลูกนังสารเลวอยู่ได้
วันนี้โดนมนุษย์ป้าบ้านั่นด่าไม่หยุด เฉินเกอรู้สึกเสียอารมณ์มาก
เลยอยากไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะระบายอารมณ์สักหน่อย
ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เฉินเสี่ยว พี่สาวของเขาโทรมา
เฉินเกอรับสายทันที กะจะถามเรื่องถนนการค้าจินหลิงสักหน่อย
แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อรับสาย พี่สาวก็พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน :
“น้องชาย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว พี่แกเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!!!”