ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่108 แผนของเฉินเกอหลังเรียนจบ
บทที่108 แผนของเฉินเกอหลังเรียนจบ
“ที่นี่เป็นที่คุณสามารถนั่งได้เหรอ? ที่นี่เก็บไว้ให้แฟนของฉันนั่งต่างหาก โอ๊ยๆๆ คุณว่าเมื่อก่อนคุณเป็นไอ้ห่วยก็พอแล้วนะ ทำไมตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยมาสามปีแล้ว ยังห่วยขนาดนี้ ไปไปไป ไปให้พ้น!”
ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมตอนปลายเช่นกัน ส่วนชื่ออะไรนั้นเฉินเกอก็จำไม่ได้แล้ว
และตอนนี้ก็ขี้เกียจที่จะไปถือสาอะไรกับเธอ
แบบนี้ ที่มีให้นั่งก็เหลือแต่ที่รับอาหารตรงประตูแล้ว
เฉินเกอเห็นว่าทุกคนเหมือนจะมีความหมายเช่นนี้ จึงนั่งลงอย่างขมขื่น
อันที่จริงข้างๆของหลี่ชือหานก็มีที่ว่างอยู่ที่หนึ่ง แต่ทว่า หลี่ชือหานวางกระเป๋าของตนเองไว้บนนั่นตั้งแต่แรกแล้ว แสดงให้เห็นว่าก็มีคนนั่งแล้วเช่นกัน และก็ไม่มีท่าทีที่จะให้เฉินเกอนั่งเลยด้วยซ้ำ
“ชือหาน พี่หม่าเฟยจะมาตอนไหนเหรอ?”
เฉินหลินมองไปที่เฉินเกอแล้วส่ายหัวและหัวเราะ จากนั้นมองไปที่หลี่ชือหานแล้วถาม
“เขาเหรอ ฮึ ทำอะไรก็ชักช้า พูดอยู่ตลอดว่ากำลังจะถึง อันที่จริงแล้วยังต้องรออีกสักพัก!”
ถึงแม้ว่าหลี่ชือหานจะแสดงความไม่พอใจบนปาก แต่ในใจกลับภูมิใจอย่างมาก
“อุ๊ยอุ๊ยอุ๊ย ดูชือหานพูดสิ พี่หม่าเฟยของเราจบการศึกษาโดยตรงก็เพื่อเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายของร้านหรูในถนนการค้าจินหลิงใช่หรือไม่ ดังนั้นคุณเลยเห็นพี่หม่าเฟยของเราอย่างไม่เป็นที่พอใจ?”
“ก็ว่า พี่หม่าเฟยสมัยก่อนตอนที่ยังอยู่โรงเรียน ชือหานคุณก็อยู่กับคนอื่นอย่างใกล้ชิด และตอนนี้พี่หม่าเฟยกลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการขายของร้านถนนการค้าจินหลิง คุณก็เลยดูถูกทุกประการ พูดให้ชัดเจน ก็คือให้พวกเราอิจฉาใช่หรือไม่?”
“แต่พูดจริง ๆนะชือหาน คุณสามารถเล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมว่าพี่หม่าเฟยผ่านการสัมภาษณ์อย่างไร? ให้ตายเถอะ กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการขายของร้านถนนการค้าจินหลิง ให้ตำแหน่งข้าราชการสิบตำแหน่งก็ไม่ยอมเปลี่ยน!”
หลี่ชือหานพูดจบ ทุกคนก็คุยกัน
ในคำพูดมีนัยของความอิจฉาอยู่
“ฮึ ฉันก็ไม่รู้ เดี๋ยวรอให้เขามา ให้เขาลองเล่าให้พวกคุณฟังเถอะ!”
หลี่ชือหานหัวเราะพร้อมกล่าว
และในเวลานี้เอง ประตูของห้องโถงถูกเปิดออก
ผู้ชายสองคนได้ผลักประตูเดินเข้ามา
“พี่หม่าเฟย คุณมาแล้วเหรอ!”
ผู้คนมองและยิ้มไปที่ผู้ชายร่างผอมสูงคนหนึ่ง
เขาก็คือหม่าเฟย แฟนหนุ่มคนปัจจุบันของหลี่ชือหาน
ส่วนผู้ชายอีกคน เป็นแฟนหนุ่มของผู้หญิงร่วมห้องสมัยมัธยมตอนปลายคนนั้น และนั่งลงในที่นั่งที่เฉินเกอเกือบจะนั่งลงเมื่อกี้อย่างรู้ตัวเอง
“หม่าเฟย เรากำลังพูดถึงคุณอยู่เลย พูดถึงโจโฉโจโฉก็ถึงพอดี(สำนวนจีน) ใช่แล้ว วันนี้มีเพื่อนใหม่คนหนึ่งมา แนะนำให้คุณรู้จักหน่อย คุณดูเขา เขาคนนี้มีชื่อว่าเฉินเกอ!”
เฉินหลินในตอนนี้ยิ้มแล้วชี้ไปที่เฉินเกอที่กำลังดื่มน้ำชาอยู่
“อุ๊ย?เขานี้เอง เขาก็คือเฉินเกอคนที่ยากจนเหรอ?ยินดีที่ได้รู้จัก!”
หม่าเฟยแสร้งทำเป็นท่าทางที่ตกตะลึงอย่างมาก และเดินเข้ามาราวกับว่าจะจับมือกับเฉินเกอ
เฉินเกอเพียงแค่ขมวดคิ้ว และไม่ลุกขึ้น และไม่สนใจเขา
บอกตามตรง จนถึงตอนนี้ เฉินเกอเพิ่งรู้สึกโกรธอย่างจริง ๆ
ก่อนหน้านี้ตนเองคิดว่าง่าย ก็คือรู้สึกเพียงว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่า และไม่ได้เจอกันหลายปี และตนเองมาที่นี่เพื่อรวมตัวกันดีมากแค่ไหน
แต่หลังจากที่ตนเองมาถึงก็เพิ่งพบว่า
เฉินหลินเชิญตัวเองร่วมงานคนหมู่บ้านเดียวกันอย่างจริงจังสักที่ไหน แต่เพื่อหาตัวเองมาเป็นความสุขให้กับคนกลุ่มนี้ต่างหาก
ไม่มีใครให้ความสนใจกับตัวเองเลย รวมถึงหลี่ชือหาน ก็กลายเป็นคนที่ทำให้เฉินเกอไม่รู้จักเล็กน้อย
โดยทั่วแล้ว ก็คือผิดหวัง
เฉินเกอไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่ชื่อหม่าเฟยคนนี้
เขากลับมองไปที่เฉินเกอแล้วยิ้มและพูดว่า:“ฮึฮึ เพื่อนร่วมชั้นเฉินเกอมีบุคลิกที่เข้มแข็งมาก ต้องขอโทษด้วย เมื่อกี้ฉันก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น เคยได้ยินชือหานพูดถึง ว่าเมื่อก่อนเธอกับคุณมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี”
“ฮึ เฉินเกอ เมื่อกี้พี่หม่าเฟยเขาหาคุณเพื่อนจะจับมือกับคุณ คุณดูสิคุณมันคุณธรรมอะไร!รู้จักมารยาทสักนิดหรือไม่?”
“นั่นแหละ พี่หม่าเฟยคนคนนี้คุณไม่จำเป็นต้องกล่าวขอโทษกับเขาหรอก คุณลองถามชือหานก็รู้แล้ว ว่าไอ้นี่มันก็แค่คนโง่ที่ยากจนคนหนึ่ง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าพูดคนอื่นแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็เป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยจินหลิง ไม่แน่หลังเรียนจบ เขาก็อาจจะได้งานจากถนนการค้าจินหลิงเช่นกัน!”
ทุกคนต่างเริ่มพูดเล่นหยอกล้อ
“อุ๊ย ถ้างั้นเราสองคนก็เป็นเพื่อนร่วมงานแล้วสิ คุณเพื่อนเฉินเกอ โปรดดูแลด้วยนะ!”
หม่าเฟยหัวเราะ
เขาคนนี้เป็นคนที่ชอบโวยวาย และอีกอย่าง เขาก็เคยได้ยินเพื่อนร่วมชั้นของชือหานพูดถึงอยู่ไม่น้อย ถึงเรื่องของหลี่ชือหานและเฉินเกอในเมื่อก่อน
เขาก็คิดในใจ ว่าหลี่ชือหานชอบคนจนๆอย่างนี้ได้อย่างไร
ในบางครั้งทำให้หม่าเฟยรู้สึกอับอายเสียหน้ามาก
ดังนั้นเมื่อเจอกัน และได้ยินชื่อของเฉินเกอ หม่าเฟยก็เลยเหยียบหยามเฉินเกอไปสองสามครั้ง เพื่อดูว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร
แต่ผลลัพธ์……
อือ ไอ้นี่ไม่มีประสบการณ์เลยแม้แต่น้อย เมื่อเข้าสู่สังคม สามารถถูกตัวเองเล่นตายได้แน่!
“ฮ่าฮ่า พี่หม่าเฟยคุณเลิกล้อเล่นเขาได้แล้ว คนแบบนี้ สามารถไปหางานที่ถนนการค้าจินหลิงได้ เจ้านายร้านนั้นคงจะตาบอดแล้วจริง ๆ!”“ใช่ใช่ใช่ พี่หม่าเฟยยังไม่เคยได้ยินคุณพูดเลย ว่าคุณกลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายของร้านได้อย่างไร?”
ทุกคนต่างดึงหัวข้อการพูดคุยกลับมาที่ตัวของหม่าเฟย
“อ๋อ อันนี้พูดแล้วเรื่องมันยาว อาจเป็นเพราะว่าฉันถนัดทางด้านนี้มากกว่า แต่เจ้านายเขาเห็นว่าฉันมีประสบการณ์ต่ำ เลยให้ฉันเงินเดือนต่อปีเพียงสามแสนหยวน เฮ้อ! ยังมีอีกหลายด้านที่ฉันยังต้องปรับปรุง!”
“ว้าว! นี่ก็จะยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!”
ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ มีเงินเดือนต่อปีสามแสนหยวน ซึ่งหาได้ยากมากจริง ๆ และยังผูกมัดกับต้นไม้ใหญ่อย่างบริษัทการค้าจินหลิง กรุ๊ป
ทำให้เฉินหลินรู้สึกอิจฉาหลี่ชือหานเล็กน้อย
ทั้งสองคนมีความสวยงามเท่าเทียมกัน เพียงแต่ว่าบุคลิกของเฉินหลินนั้นเปิดกว้างกว่าหน่อย และหลี่ชือหานก็มีความยับยั้งชั่งใจมากกว่าหน่อย
เธอเลยกลายเป็นระดับเทพธิดาที่ทำให้คนอื่นชื่นชอบกัน
หลี่ชือหานรู้สึกภาคภูมิใจ
สายตาของเธอหันไปมองที่เฉินเกอที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องอย่างช่วยไม่ได้
และถอนหายใจในใจอย่างเงียบๆ
พร้อมกับมีความหวาดกลัวในขณะเดียวกัน!
ถ้าตอนนั้นทำตามความใจร้อนของตัวเอง แล้วอยู่กับเฉินเกอจริง ๆ แล้วต้องมาพบเจอกับอะไรบ้าง?
“ฮ่าฮ่า ฉันโชคดีจริงๆ เฉินหลินพวกคุณหลายคนก็ไม่เลวนิ ใช่แล้วเฉินหลิน ได้ข่าวว่าคุณกลายเป็นคุณครูสอนชั้นประถม อย่างเป็นทางการเหรอ?”
เฉินหลินพยักหน้า“อืมๆ!”
“งั้นเยี่ยมจริง ๆ นับจากนี้ไป พวกเราก็สามารถพัฒนาต่อที่จิงหลินระยะยาวได้แล้ว และแผนของฉันก็คือ หลังจากปีหน้าพยายามดิ้นรนซื้อบ้านในจิงหลิน และเมื่อถึงเวลาก็แต่งงานกับชือหาน !” หม่าเฟยยิ้มพร้อมพูด
“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าคุณพี่เฉินเกอคนนี้ หลังจากที่คุณเรียนจบแล้วมีแผนอะไร?สอบข้าราชการ?ปัญหาการจ้างงานได้ตำแหน่งหรือยัง?หรืออยากลองทำงานด้านฝ่ายขาย?หรือว่าด้านการออกแบบ?หรือทำงานด้านธุรการต่าง ๆ?”
“แต่ว่าฉันแนะนำให้คุณเลือกด้านธุรการต่าง ๆดีกว่า เพราะด้านข้าราชการมันยากมากสำหรับคุณ ส่วนด้านการขายแบบฉัน บอกตามตรง พี่เฉินเกอคุณไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เลยแม้แต่น้อยนิด และด้านการออกแบบ ฟังแล้วเหมือนง่าย แต่อันที่จริงแล้วมันยากที่สุด ต้องใช้ความสามารถในการคิดเชิงตรรกะที่แข็งแกร่ง ในส่วนนี้ ฉันรู้สึกว่าคุณเฉินเกอก็ไม่เหมาะสม แต่กับงานธุรการที่ไม่ต้องใช้สมอง ใช้เพียงแค่พื้นฐานเครื่องคิดเลขแบบนั้น เหมาะกับคุณมากกว่า!”
หลังจากที่หม่าเฟยพูดจบ ทุกคนต่างมองไปที่เฉินเกออย่างดูถูก
และตอนนี้อาหารก็ถูกเสิร์ฟแล้ว เฉินเกอก็กำลังกินมันด้วยตัวเอง
เพียงแค่พยักหน้าแล้วพูดว่า:“ถึงเวลาค่อยดูอีกที อะไรเหมาะสมก็ทำอะไร และก็ไม่รบกวนให้คุณไม่สบายใจแล้ว!”
“อุ๊ยอุ๊ยอุ๊ย ค่อนข้างมีบุคลิกสักจริง ๆ รับฟังความจริงไม่ได้เหรอ?”
“นั่นแหละ ตนเองขยะก็พอแล้ว ยังไม่สามารถรับฟังความจริงได้อีก!เฮ้อ กำหนดแล้วว่าไม่มีอนาคต!”
เฉินหลินพูดอย่างไม่เอือมระอา
ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ทุกคนไม่รู้คือ ระหว่างที่พวกเขาเยาะเย้ยเฉินเกออยู่นั้น ที่ประตูของห้องโถง ในขณะนี้เกิดความขัดแย้งเล็กน้อย
เป็นกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงกลุ่มหนึ่ง กำลังโต้เถียงกับพนักงานบริการอยู่
“ก็บอกแล้วว่าเพิ่มเงินให้คุณฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?พวกเราคนเยอะ ต้องเป็นห้องโถงนี้เท่านั้น และเงินราคาเท่าไหร่แล้วแต่ที่คุณจะเรียก ให้ตายเถอะ รีบไปหาพวกเขาแล้วให้พวกเขาหลีกออกมาให้ฉัน!”
ชายหนุ่มราวกับอันธพาลคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด