ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่131 เมิ่งไฉ่หรูเมา
บทที่131 เมิ่งไฉ่หรูเมา
“คุณมีอะไร?”
เฉินเกอก็ไม่คิดว่าจับังเอิญเช่นนี้ พบกับ หวังเสี่ยวถี
พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หึ ๆ ฉันถามคุณหน่อย ตอนเช้าคุณตบหน้าฉัน ตอนนี้ คุณมาเจอด้วยสภาพนี้ อารมณ์ไหนกันแน่?”
หวังเสี่ยวถี กล่าวอย่างเคียดแค้น
ในตอนที่โดนตบหน้านั้น ในใจของหวังเสี่ยวถี นั้นทั้งเสียใจและรู้สึกเจ็บใจ อีกทั้งยังรู้สึกลำบากใจมากที่โดนเฉินเกอตบหน้า
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ หวังเสี่ยวถี อารมณ์ขุ่นมัวมาทั้งวันแล้ว!
ตอนนี้ เธออดไม่ได้ที่จะต้องแก้แค้นกลับไปบ้าง
“ก็ไม่ได้มีอารณ์อะไร คุณมีอะไรก็รีบพูดเถอะ ผมยังยุ่งอยู่เนี่ย!”
เฉินเกอหัวเราะเจื่อน ๆ แล้วพูดขึ้น
“หึ ๆ ยุ่ง ยุ่งบ้าอะไร เฉินเกอ ไป! คุณไปหยิบกระดาษทิชชูมาให้ฉัน!”
หวังเสี่ยวถี ชี้ไปที่กล่องทิชชูที่วางอยู่ข้าง ๆ
“ตอนนี้นายเป็นบ๋อย ก็ต้องบริการพวกเราที่เป็นลูกค้าสิ ไม่อย่างนั้น ฉันจะฟ้องผู้จัดการของนายตรงนั้น!”
เสียงพูดไร้สาระของ หวังเสี่ยวถี ดังไม่หยุด
เฉินเกอก็มึนไปเลย
อย่างไรก็ตามที่เธอพูดนั้นก็มีเหตุผล ตัวเองตอนนี้ ก็เป็นเพียงบริกรเท่านั้น
ในทันที เขาหยิบทิชชูแล้วส่งให้เธอ
“ฉันไม่เอา รองเท้าฉันเปื้อนแล้ว นายเช็ดรองเท้าให้ฉันทีสิ!”
หวังเสี่ยวถี ทำท่าหยิ่งผยองราวกับนกยูงรำแพนหาง
“ได้ยินรึยัง? คุณ เสี่ยวถี ของเราบอกให้แกเช็ดรองเท้าเธอน่ะ หึ ๆ เดิมทีนึกว่าเฉินเกอที่ เสี่ยวถี พูดถึง จะสูงยาวเข่าดีหน้าตาหล่อเหลา มาเห็นแกตอนนี้ผิดหวังจริง ๆ!”
“นั่นสิ รวยไม่ใช่หรอ? แล้วไหนมาเป็นบ๋อยในผับได้ ตายแล้ว ผู้ชายรวยไม่จริงแล้วแกล้งรวยแบบนี้ น่ารังเกียจ!”
“หึ ๆ จริงอย่างที่ พี่เซียว พูดจริงด้วย คนบางคนเพื่อไม่ให้เสียหน้าอะไรก็ยอมทำ!”
กลุ่มสาว ๆ จับไหล่กันและพากันพูดจาเยาะเย้ย
หวังเสี่ยวถี ยังคงยกเท้าขึ้นรออยู่อย่างนั้น
อย่างไรก็ตามเฉินเกอไม่ได้ก้มลงไปเช็ด เขาทำเพียงวางทิชชูไว้ข้าง ๆ แล้วพูด:
“ถ้าหากว่าคุณอยาได้คนเช็ดรองเท้า คุณก็ออกไปจากถนนการค้าจินหลิง แล้วไปผับแถว ๆ หงโหล คงหาคนเลียเท้าคุณได้เยอะเลย!”
เฉินเกอพูดจบแล้วหันหลังเดินจากไปทันที
“แก ๆ ๆ”
หวังเสี่ยวถี โกรธจนแทบบ้า
จู่ ๆ เขาก็ให้เธอไปหาผู้ชายขายน้ำ!
แต่เมื่อมาคิดอีกที หวังเสี่ยวถี ก็ไม่โกรธแล้ว แต่กลับดีใจเสียด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุด สิ่งที่เป็นกังวลมาทั้งวันก็ถูกกำจัดไปจนหมด เปรียบเหมือนกับเป็นการยกภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับอยูในใจ ในที่สุดก็ถูกสลัดออกไปให้จิตใจผ่อนคลาย
เธอเข้าใจผิดว่าเฉินเกอนั้นรวยจริง ๆ และเป็นไปได้มากว่าเขาจะเป็นเจ้าของลัมโบร์กีนี
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น เธอ หวังเสี่ยวถี ก็คงต้องตายแน่
ตัวเองดันไปขัดใจทายาทเศรษฐีเข้า
หวังเสี่ยวถี ถึงกับคิดไปแบบไม่เข้าท่า ถ้าหากว่าการพบกันครั้งแรกเฉินเกอ มันน่าประทับใจก็คงจะดีมากไหมนะ?”
หวังเสี่ยวถี นึกเสียใจ และหดหู่มาทั้งวัน
สุดท้ายเมื่อออกมาคลายเครียดในตอนหัวค่ำ เฉินเกอไม่เหมือนกับที่ตนคิดไว้ เขาก็เป็นเพียงพวกที่ไร้น้ำยาที่ทำทุกอย่างได้เพื่อหน้าตาตัวเองและไม่มีเกียรติ
แบบนี้ก็สบายไปได้เยอะ เหอ ๆ
“ไร้น้ำยา ให้เขาไสหัวไปไกล ๆ เลย มา ๆ ๆ พี่น้อง พวกเราดื่มต่อเถอะ!”
แต่เมื่อเฉินเกอกลับไปที่บาร์เหล้าแล้ว ตัวเองทำหน้าที่เสิร์ฟเหล้าหมดแล้ว
ทั้งหมดนี่เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าหดหู่
ในใจคิดว่าตรงนี้คงไม่มีอะไรแล้ว ตนเองไปบอกเมิ่งไฉ่หรูก่อนดีกว่าว่าจะกลับแล้ว
เฉินเกอเดินไปที่ห้องรับรองที่เมิ่งไฉ่หรูอยู่
ในตอนนั้น มีคนหนุ่มสาวมากมายกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมวงดื่มเหล้า
“มา ๆ ๆ คุณครูเมิ่งฉันแพ้อีกแล้ว ถ้าไม่ดื่มไวน์ขวดนี้ให้หมดภายในอึกเดียว หรือไม่ก็ต้องถอดเสื้อตัวหนึ่ง เธอก็เลือกดูนะ!”
ชายอ้วนเตี้ยวัยกลางคน ในตอนนี้นั่งอยู่ข้าง ๆ เมิ่งไฉ่หรู
เขานั่งใกล้เมิ่งไฉ่หรูมาก
เหล่ดูเธออย่างจริงจัง
“ฉันไม่ได้แพ้ คุณหลอกฉันเห็น ๆ!”
แค่ดูก็รู้ว่าเมิ่งไฉ่หรูรังเกียจชายอ้วนเตียวัยกลางคนคนนั้น และเธอก็ไม่ชอบบรรยากาศในตอนนี้ด้วย
ในตอนนี้กำลังพยายามดิ้นรนจนเหนื่อย
“ฮ่า ๆ ๆ เธอไม่ได้บอกว่าถ้าโกหกว่าแพ้เธอจะไม่นับว่าเป็นผู้แพ้นี่ เธอไม่ยอมดิ่มไวน์ใช่ไหม หย่างนั้นก็ถอดเสื้อก็แล้วกัน เหอ ๆ!”
เมื่อพูดจบชายวัยกลางคนก็ยื่นมือออกไปจับกระโปรงของเมิ่งไฉ่หรูทำท่าจะดึงขึ้น
“แก ไอ้โรคจิต!”
“เพียะ!”
ถึงแม้เมิ่งไฉ่หรูจะปล่อยตัวปล่อยใจไปบ้างในความมืด แต่เธอก็ยังแยกตัว เธอมาตรฐานสูงมาก
ในเวลานั้น เมืองเธอตบไปที่หน้าชายอ้วนเตี้ยวัยกลางคนโดยสัญชาตญาณ
แล้วลุกขึ้นทันที เธอยกแก้วขึ้นมาแล้วสาดเข้าไปที่หน้าของผู้ชายคนนั้น
“อ๊ะ! ประธานจาง! คุณไม่เป็นไรนะคะ?”
ทันทีที่เถ้าแก่เนี้ยเฉียวเฉียวเห็นความขัดแย้ง เธอก็รึบถามทันที
ในขณะเดียวกันทั้งห้องรับรองก็เงียบลงในทันที
พูดตามจริง เฉียวเฉียว เห็น ประธานจาง สนใจเมิ่งไฉ่หรูแต่แรกแล้ว
ดังนั้นจึงจัดฉากให้คนสองคนมาเล่นเกมด้วยกัน
เป็นเพราะได้แนะนำไปก่อนหน้านี้ ประธานจาง มาจาก ชานซี ทำเหมืองถ่านหิน เป็นพวกมีเงินเก่า บาร์เหล้าร้านนี้ ก็เป็นร้านที่ ประธานจาง ลงทุน สามีของเธอจึงได้ประมูลร้านนี้มาได้
เฉียวเฉียว รู้ว่าเมิ่งไฉ่หรูยังไม่มีแฟน และเป็นคนชอบเงินมาก
คนหนึ่งมีเงิน อีกคนมีใจ มันก็เข้ากันพอดีสิ
ผู้หญิงน่ะนะ เห็นผู้ชายมีเงิน จะมีกี่คนที่ไม่ทอดสะพานล่ะ?
แต่ เฉียวเฉียว คิดผิดแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเมิ่งไฉ่หรูจะดุขนาดนี้ เธอไม่ได้เพียงชักสีหน้า เธอถึงกับตบหน้า ประธานจาง เลยหรอ?
“แก…แกตบฉ้น”
เห็นได้ชัดว่า ประธานจาง ไม่เคยโดนตบ การโดนตบและไวน์แก้วนี้ ทำให้เขาตกตะลึง
“ตบแกแล้วจะทำไม แกก็อย่าทำตัวรุ่มร่ามสิ!”
เมิ่งไฉ่หรูทำหน้าเย็นชาและพูดด้วยความรังเกียจ
คุณมีเงินแล้วมันดีเด่นแค่ไหนกัน คนอย่างคุณถือว่ามีเงินสักแค่ไหนกัน เทียบได้กับหนุ่มหล่อผินผัน ได้รึยัง?
“นี่ นางสารเลว แกเป็นคนแรกที่กล้าตบ จางต้าชาน หน้าด้านหน้าทน วันนี้ถ้าทำให้ฉันพอใจไม่ได้ ฉันไม่มีทางปล่อยแกออกไปจากบาร์นี้แน่!”
จางต้าชาน โยนแก้วทิ้งด้วยความเดือดดาล
ผู้คุ้มกันสี่ห้าคนข้างๆ รายล้อมเข้ามา
ล้อมตัวเมิ่งไฉ่หรูไว้
ตอนนี้เมิ่งไฉ่หรูเริ่มรู้สึกกลัวแล้ว
ความจริงแล้วเธอรู้สึกเสียใจเล็ก ๆ ตั้งแต่ตอนที่ตบหน้าแล้ว
ถึงแม้ว่าตนเองจะรู้จัก หนุ่มหล่อผินผัน แต่ ตอนนี้เขากลับเป็นคนที่ตนเองไม่สามารถจับต้องได้
จางต้าชาน ที่อยู่ตรงหน้าเธอ คงจะเป็นพวกมีอิทธิพลแน่
เมื่อเธอใจเย็นลง จึงรู้สึกผิดเล็กน้อย
“หย่างนั้นคุณ…คุณจะให้ทำยังไง? แต่ฉันจะไม่ถอดเสื้อผ้าหรอกนะ!”
“หึ ได้ ไม่ถอดก็ได้ แต่ไวน์ขวดนี้ เธอจะกินให้หมดรวดเดียว ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องไม่จบแน่!”
จางต้าชาน แสยะยิ้ม เขาเปิดไวน์ขวดหนึ่งทันทีและวางไว้ข้างเมิ่งไฉ่หรู
“ได้ คุณพูดแล้ว!”
เมิ่งไฉ่หรูสูดลมหายใจ เรื่องนี้เธอไม่อยากค้างคาอีกแล้ว รีบฝืนดื่มไวน์ให้หมดขวด จากนั้นก็กลับ
เมื่อเธอเตรียมที่จะหยิบ
“ พี่เมิ่ง นี่ก็ดึกมากแล้ว เรากลับกันไหม?”
ในตอนนี้เองที่เฉินเกอผลักประตูเข้ามา
เฉินเกอยืนฟังอยู่หน้าประตูครู่หนึ่งแล้ว รู้เรื่องโดยรวมที่เกิดขึ้นข้างในนั้น ไอ้อ้วนนี่คิดจะมอมเหล้าเมิ่งไฉ่หรูนี่นา
สำหรับคำนำหน้า เมิงไฉ่หรูก็ได้กำชับไว้แล้วระหว่างที่อยู่สองคนกลางทาง อย่างเรียก คุณครู เรียก คุณครู แล้วมันดูไม่น่าเชื่อ
“เฮ้ย ไอ้ขี้เหร่ตรงนั้น ไสหัวไปไกล ๆ เลยไป!”
“นั่นอะไร ผมมากับ พี่เมิ่ง นะ ก็ต้องกลับด้วยกันสิ!”
เฉินเกอพูดด้วยท่าทางนิ่งเฉย
เฉินเกอไม่ได้แกล้งใจดี เพียงแต่รู้สึกว่าเมิ่งไฉ่หรูจะให้คนอื่นไปแบบนี้ ในใจของตนเองก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่
ไอ้กระจอก ถ้าอยากจะมาก็ต้องมาเองสิถึงจะถูก!
ถึงอย่างไรเฉินเกอก็ไม่อยากทิ้งเมิ่งไฉ่หรูไว้ที่นี่
“ได้ กูว่ามึงคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วมั้ง มานี่สิ มาเอามันออกไปที!”
จางต้าชาน ฉีกเสื้อของเขาและรอยสักบนหน้าอกของเขาก็เผยให้เห็น
ในขณะนั้นก็มีบอดี้การ์ดสองสามคนมาไล่เฉินเกอ
“รอก่อน เฉินเกอ นายออกไปรอข้างนอก นี่กุญแจรถฉัน ฉันดื่มเสร็จจะออกไป นายไปจอดรถรอฉันข้างนอกไป!”
เมิ่งไฉ่หรูส่งสายตาให้เฉินเกอ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เฉินเกอก็มีใบขับขี่แล้ว อย่างมากก็ให้เขาพาเธอกลับบ้านแค่นั้น
เฉินเกอมองแล้วพยักหน้ารับ ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยก็อยู่ที่นี่และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเมิ่งไฉ่หรูไม่น้อย คงจะไม่ปล่อยให้เธอโดนอะไรหรอก”
จึงได้หยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไป
หลังจากเฉินเกอออกมาไม่นาน บอดี้การ์ดสองคนรับคำสั่งจาก จางต้าชาน ที่ส่งสายตาให้ ตามเฉินเกอมาจนถึงที่จอดรถ…