ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่135 ไปรับคุณอา ที่สนามบิน
บทที่135 ไปรับคุณอา ที่สนามบิน
ไม่ใช่! ! !
เมิ่งไฉ่หรูคิดถึงช่องโหว่เหล่านี้ในคำพูดของหลี่เฟยหง
เขาพูดเองว่าอยากจะรู้ว่าหน้าตาเธอเป็นอย่างไร?
สถานการณ์ในตอนนั้น เขามีวิธีมากมายที่ค้นหา
ยิ่งกว่านั้น การรู้ว่าตัวเธอหน้าตาเป็นอย่างไรมันจะมีประโยชน์อะไร?
เพราะก่อนหน้านี้เมิ่งไฉ่หรูถามหลี่เฟยหงแล้วว่ารู้จากลูกน้องจำนวนหนึ่งว่าตัวเธอถูกจับไว้ที่ไหน และไปที่ห้องไหน
เขาจึงมาช่วยเธอทันที
แล้วจะเสียเวลาหาอีกทำไมว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร?
ยังมี ๆ
เรื่องนี้ สุดท้ายแล้ว หนุ่มหล่อผินผัน รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
เขาไปที่บาร์จริง ๆ สินะ ตามนิสัยของ หนุ่มหล่อผินผัน แล้ว เขาไม่ชอบสถานที่แบบนั้น
คนเดียวที่รู้ว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน ก็มีเพียงแค่เฉินเกอเท่านั้น!
แม่งเอ๊ย!
เมิ่งไฉ่หรูใจเย็นต่อไปไม่ไหวแล้ว หรือว่า…เฉินเกอก็คือ หนุ่มหล่อผินผัน ?
ฮ่า ๆ ๆ…
ทันใดนั้น เมิ่งไฉ่หรูก็หัวเราะ
ไม่นะ จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ!
ตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่?
ในเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดก็ได้ รอพรุ่งนี้เถอะ เอาไว้เจอเฉินเกอแล้วจะถามให้รู้ดำรู้แดงแล้วค่อยว่ากัน
เพราะความตื่นเต้นของเมิ่งไฉ่หรูเมื่อครู่ ที่ตื่นเต้นตกใจสุดท้ายก็สงบลง
ทั้งคืนนั้นไม่เกิดอะไรขึ้น
วันต่อมา เพราะเป็นวันเสาร์
ดังนั้นเฉินเกอจึงตื่นสาย
รอจนโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแล้วจึงลืมตา
เมื่อเขาเปิดตาดู พบว่าเป็นหลินยียีโทรเข้ามา
“ไม่ได้ติดต่อมาตั้งหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าหลินยียีโทรมาหาเรามีเรื่องอะไร!”
เฉินเกอพูดขึ้นด้วยความสงสัย แล้วจึงกดรับสาย
“คุณชายเฉิน คุณยุ่งอยู่รึเปล่า?”
หลินยียีกระซิบถาม
”ไม่ยุ่ง มีเรื่องอะไร?”
เฉินเกอถาม
“คืออย่างนี้ค่ะ คุณชายเฉิน ครั้งก่อนคุณปลอมตัวเป็นแฟนฉันใช่ไหมล่ะ? แต่ว่าวันนี้ คุณอา มาจาก เมืองหยุนก่าง ยังมีญาติจากทางภาดเหนือนัดกันว่าจะมาเที่ยวจินหลิง มาเยี่ยมพ่อฉัน”
“แต่ ประธานจ้าว แห่งย่านการค้าต้องประชุมยาวทั้งสองวัน พ่อฉันไปประชุม ดังนั้นอยากให้คุณไปเป็นเพื่อน!”
หลินยียีพูดอย่างออดอ้อน
“อ้อ หย่างนั้นเธอก็ไปเป็นเพื่อนสิ ไปเที่ยวเป็นเพื่อนพวกเขา ถ้าหากว่าอยากไปบ่อน้ำพุร้อน ฉันจะจัดห้องพักหรูให้!”
เฉินเกอพูด
กับหลินยียี ถึงแม้เริ่มต้นจะมีเรื่องเข้าใจผิด โดนเธอทุบตี
แต่ว่าตอนนี้หลังจากผ่านเรื่องต่าง ๆ มามากมาย ทั้งสองคนถือว่าเป็นเพื่อนกัน
เฉินเกอกลับไม่ได้พิศวาศอะไร
แต่หลินยียีเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“คุณชายเฉิน ฉันไม่ได้ให้คุณจัดการเรื่องบ่อน้ำพุร้อน ฉันอยากถามคุณว่าคุณว่างรึเปล่า ถ้าหากว่าว่างล่ะก็ ออกไปเป็นเพื่อนฉันกับพวกเขาหน่อยได้ไหมคะ?”
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนพวกเขา? คุณยังอยากให้ผมปลอมเป็นแฟนคุณอีกหรอ? ยียี ผมปลอมตัวจนเบื่อแล้ว พอเถอะ ดังนั้น คุณก็อย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะ!”
เมื่อเฉินเกอได้ยินสิ่งนี้เขาก็ปฏิเสธทันที
ตอนนี้เขาเกลียดสิ่งนี้มาก
ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่เป็นการพิจารณาถึงซูมู่หาน
เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะคบกับซูมู่หาน เวลาที่ทำเรื่องอะไรพวกนี้ จะต้องคิดถึงซูมู่หานไว้บ้าง
อย่างไรก็ตามหลินยียีสะอึกสะอื้นผ่านโทรศัพท์ทันที
“ได้…ได้ค่ะ คุณชายเฉิน คิดไปคิดมาก็ถูก คนอย่างฉัน จะให้ คุณชายเฉิน มาทำอะไรเพื่อฉันตั้งมากมายแบบนี้ได้ยังไง? สำคัญคือทาง คุณอากับญาติ ๆ ต่างก็พูดแล้วว่าพวกเขาอยากจะพบคุณ! ได้ค่ะ ครั้งนี้ฉันจะไปพูดกับพวกเขาเองว่าคุณไม่ใช่แฟนของฉัน ฉันมันไม่คู่ควร…ฉันจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจแล้วค่ะ!”
หลินยียีกำลังร่ำไห้
ทำให้เฉินเกอรู้สึกไม่ดีพอสมควร
เฉินเกอทนฟังผู้หญิงร้องไห้ต่อหน้าเขาไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นเพราะตัวเขาเองอีก
ตอนนี้เกาหัวด้วยรอยยิ้มแหย ๆ “คือว่า คุณอย่าร้องเลยนะ ถ้าอย่างนั้นเอางี้ วันนี้ผมจะไป คุณบอกผมว่าที่ไหน ผมจะไปหาคุณ”
“ได้ค่ะ คุณชายเฉิน คุณชายเฉิน ดีกับยียีที่สุดเลย จุ๊บ ๆ”
เสียงส่งจูบของหลินยียีดังออกมาจากปลายสายในโทรศัพท์
เอ่อ…
เฉินเกอตอบรับหลินยียีไปแล้วสินะ คิดว่ามันจะจบแล้ว ดังที่เขาว่าช่วยคนต้องช่วยจนจบ
ในเมื่อเขาเป็นคนช่วยเธอไว้ตั้งแต่ต้น ก็ต้องช่วยเธอไปจนจบสิ!
เอาเถอะ ไปก็ไป!
เฉินเกอเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะตอนนี้ก็สายแล้ว จะขับรถไปคนก็เยอะ เฉินเกอจึงรีบขึ้นแท็กซี่เพื่อไปหาหลินยียี
จากนั้นก็ขึ้นรถของหลินยียีที่จัดเตรียมไว้จากที่บ้านไปที่ สนามบินจินหลิง เพื่อไปรับคนด้วยกัน
ในขณะเดียวกันที่ทางออกของ สนามบินจินหลิง
ก็มีกลุ่มคนหญิงชายทั้งหมดแปดเก้าคนยืนอยู่
มีคนวัยกลางคนและสาวสวยยืนอยู่
“น้าหลิน อะไรกันเนี่ย ไม่ได้บอกยียีไว้แล้วหรอคะ พวกเราถึงเก้าโมงครึ่งนะ แต่นี่มันสิบโมงครึ่งแล้ว ทำไมเธอถึงยังไม่มาล่ะ?”
“เธอก็ใจเย็นก่อนเหวินหยุน ไม่แน่ว่ายียีอาจจะติดธุระอะไรรึเปล่า วางใจเถอะ เมื่อกี้โทรหาแล้ว เดี๋ยวก็มาแล้ว!”
“ฮ่า ๆ เมื่อก่อนก็เคยมาจินหลิงครั้งหนึ่ง ตอนนี้ดูแล้วเปลี่ยนไปมากเลย จะต้องมีที่เที่ยวสนุก ๆ หลายที่แน่ อ๊ะ จริงสิ หงเซียะ เธอบอกว่าครั้งก่อนยียีพาแฟนไปเที่ยวบ้านเธอไม่ใช่หรอ? หนุ่มคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ? ในโทรศัพท์บอกว่าเขาไม่ได้เรื่องนี่? แต่ก็ยังไม่อธิบาย!”
ในเวลานี้หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาเหมือนกับ หลินหงเซียะ มากเป็นคนถาม
เธอชื่อ หลินหงจู๋ว ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน เพียงแต่เธอแต่งงานและย้ายไป ภาคเหนือ ตอนนี้เป็นผู้จัดการสถาบันหลักทรัพย์อยู่ เป็นพวกที่ได้เงินเดือนหลายหลักประเภทนั้น
“หึ อย่าไปพูดถึงเด็กจน ๆ แบบนั้นเลย คิดแล้วก็โมโห คนนั้นน่ะ ถือว่าถูกหวย แล้วก็อวดดีอวดเก่งไม่รู้ชื่อแซ่อะไรแล้ว? ยิ่งกว่านั้นพวกเธอรู้อะไรไหม บ้านเขาน่ะจน เงินสักแดงยังไม่มี! อยากจะจับเสือมือเปล่า ฉันน่ะอยากจะแนะนำ หวูเฉียง ลูกของเพื่อนฉันให้ยียีได้รู้จัก สุดท้ายนะ…หึ!”
เมื่อหลินหงเซียะ คิดถึงเฉินเกอ ก็ต้องโมโหอยู่ไม่ใช่น้อย คนแบบนี้อยากจะเข้ามาอยู่ในตระกูลหลินของพวกเธอ ฝันไปเถอะย่ะ
“อาจจะเป็นเพราะ เสี่ยวเหมย เห็นเขาแล้วรังเกียจก็ได้ ครั้งนี้ให้เธอมา ทำยังไงก็ไม่ยอมมา ยิ่งกว่านั้นครั้งก่อนที่เฉินเกอไปบ้านของพวกเรา หลังจากไปงานเลี้ยนทายาทเศรษฐีบนเรือยอร์ท ด้วยกัน เสี่ยวเหมย ก็ทำหน้าอารมณ์ไม่ดี ไม่พูดไม่จา ถามเธอว่าเป็นอะไร เธอก็ไม่บอก!”
หลินหงเซียะ กล่าวอย่างไม่พอใจ: “ฉันเดาว่าคงจะเห็นคนจนแล้วรังเกียจละมั้ง!”
“ฮ่า ๆ ๆ หงเซียะ ตอนนี้เธอยิ่งพูดยิ่งปากไม่ดีนะ เธอพูดถึงเด็ก ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน? แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากจะเห็นเด็กชื่อเฉินเกอคนนี้จริง ๆ ว่าเขาน่ารังเกียจแค่ไหนกัน?”
หลินหงจู๋ว อดไม่ได้ที่จะยิ้มแหย ๆ
“แน่นอน ก็หลานเราจะพาหลานเขยมาด้วย รับรองว่าเทียบไม่ได้หรอก!”
แท้จริงแล้วข้าง ๆ หลินหงจู๋ว เป็นหญิงสาววัยรุ่นสามคน และยังมีชายหนุ่มอีกสามคนจูงมือของพวกเขา
หญิงสาวคนหนึ่งอายุยี่สิบสี่ ยี่สิบห้า อีกสองคนที่เหลือดูอายุไล่เลี่ยกับหลินยียี
หญิงสาวสามคนมีผิวขาวใส และดวงตาที่ภูมิใจและดูดุ
พวกเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลินยียี ข้าง ๆ กายนั้นก็คือแฟนหนุ่มของพวกเธอ
และยังมีอีก อีกสองคนนั้นคือลูกสาวของ หลินหงจู๋ว เป็นหญิงสาวที่ดูโตกว่าเล็กน้อย แต่ใบหน้านั้นเย็นชา หลานสาวของสามีของ หลินหงจู๋ว ที่มาเที่ยวกับพวกเขาด้วย
“แม่คะ แม่ยังว่าว่าคุณน้าปากเสียอีก หึ ๆ หนูอยากจะถามบนโลกนี้ ยังมีคนปากเสียกว่าแม่อีกหรอ? แฟนพี่สาวคนก่อนแม่ก็เล่นพูดเหน็บแนมเสียจนเขาแทบจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายอยู่แล้ว!” เด็กสาวที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มและแต่งตัวนำสมัยพูดขึ้น
“ไป ๆ ๆ ไอ้เด็กคนนี้ ถ้าพูดอีกคำแม่จะตีให้ตาย อย่างฉันเรียกปากเสียที่ไหนกัน ฉันพูดความจริง ก็ในเมื่อตระกูลของตัวเองมีบริษัทระดับที่ทำกำไรได้ปีละหลักสิบล้านไม่ใช่หรอ แล้วยังจะคิดจะมาแต่งงานกับลูกสาวของ หลินหงจู๋ว อย่างฉันเนี่ยนะ? ลำพังกำไรต่อปีของบริษัทของพ่อพวกเธอก็เท่าไหร่แล้ว หึ ๆ!”
หลินหงจู๋ว สวมแว่นดำ และอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย็นชา
ทำให้คนในกลุ่มหัวเราะร่วน
“เอ๊ะ! พี่ยียีมาแล้ว!”
ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นและชี้ไปที่นอกประตู หลินยียีเดินเข้ามากับเฉินเกอ…