ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่139 ความวุ่นวายเล็กๆในโรงอาหาร
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่139 ความวุ่นวายเล็กๆในโรงอาหาร
บทที่139 ความวุ่นวายเล็กๆในโรงอาหาร
“หา? ฆ่าตัวตาย? ทำไมล่ะ?”
“เหอะๆ ก็เพราะว่าไปสารภาพรักกับคุณชายจ้าวไง แต่กลายเป็นว่าเขาไม่ตกลง! เสร็จแล้วผู้หญิงคนนั้นก็คิดสั้นละมั้ง!”
“ที่แท้ก็อย่างนี้งั้นเหรอ เห้อ ช่วงนี้คนไปสารภาพกับคุณชายจ้าวมากขึ้นเรื่อยๆเลย แต่เหมือนฉันจะได้ยินมาว่า สองวันนี้เหมือนจะมีผู้หญิงคนหนึ่งสนิทกับคุณชายจ้าวอยู่นะ!”
“แม่งดิ น่าอิจฉาจริงเชียว ผู้หญิงคนไหนโชคดีขนาดนี้กันนะ? สามารถทำให้คุณชายจ้าวหันมองได้!”
“ไม่ว่าผู้หญิงคนอื่นจะเป็นยังไง แต่ว่าเป้าหมายเดียวของฉันมีแค่คนเดียว ก็คือคุณชายเฉิน หึๆ!”
คนหนึ่งที่ดูหยิ่งๆ แค่มองก็ดูว่าเป็นตำแหน่งสาวฮอตพูดขึ้น
“โหๆๆ! คนแบบคุณชายเฉินนะเป็นคนที่ไม่น่าจะเจอแล้วก็จับต้องไม่ได้ด้วย มีความน่าประทับใจตรงไหนเหมือนคุณชายจ้าวบ้าง!”
“โอ๊ย นายคนนี้มายืนขวางอยู่ด้านหน้าประตูโรงอาหารเป็นโรคหรือไง ไม่มองท่าทางโง่เง่าของตัวเองเลย!”
สาวๆสามสี่คนคุยกันแล้วหันมาเขม็งที่เฉินเกอ ว่าเฉินเกอไปอีกประโยคหนึ่ง
ชิ!
เฉินเกอก็แค่ทำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้สนใจพวกเธอ!
เฮ่ เฉินเกอ!”
และในเวลานี้เอง ซูมู่หานก็เดินมา
แค่ขึ้นมาก็จูงมือของเฉินเกอเอาไว้
เหมือนกับว่าเป็นแฟนกันอย่างนั้น
ทั้งสองคน พูดแล้วก็แปลกๆ
หลังจากที่ได้เจอกับเรื่องใจผิดครั้งก่อน ซูมู่หานก็รู้ความคิดของเฉินเกอ
และเฉินเกอก็รู้ความคิดของซูมู่หาน
เย็นวันนั้นเฉินเกอถามเธอ “เธอเป็นแฟนฉันไหม?”
ซูมู่หานพูดว่า “ก็ไม่ได้เป็นมาตลอดเหรอ?”
ไม่ได้มีการสารภาพที่อลังการ แล้วก็ไม่ได้มีการแสดงใดๆ แล้วก็เป็นแฟนกันไปแบบนี้
ส่วนเรื่องซูมู่หานพูดขึ้นมาอย่างมีลับลมคมในว่าเป็นแฟนปลอมๆมาตลอดอยู่แล้ว หรือว่าเป็นแฟนจริงๆ เรื่องนี้เฉินเกอไม่ใส่ใจ ยังไงอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน
“ไป กินข้าวกัน เย็นนี้กินอะไรดี?”
ซูมู่หานถาม
“อยากกินหมูราดซอสแดง!”
ทั้งสองคนหยอกล้อกันไปยังโณงอาหาร ทำให้ผู้ชายหลายคนที่เห็นภาพตรงหน้าถึงกับอิจฉา
ดอกไม้งามขนาดนี้ กลับมาคบอยู่กับผู้ชายแบบนี้?
นี่มันเอาชีวิตกันชัดๆ!
ในจากหมูราดซอสแดงยังมีผักกวางตุ้งติดมาด้วย
เฉินเกอกับซูมู่หานนั่งกินข้าวโดยการหันหน้าเข้าหากัน
ส่วนข้างๆก็มีผู้ชายแล้วก็ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย
บทสนทนาดูเหมือนจะเป็นเรื่องคุณชายจ้าวเป็นยังไงๆ ใครที่จีบคุณชายจ้าวแล้วไม่ติดบ้างอะไรประมาณนี้
ทำให้เฉินเกอเองก็มึนไปด้วย
“คุณชายจ้าวคนนี้ทำไมรสนิยมสูงขนาดนี้นะ? ตกลงคือเขามาเรียนใช่ไหม?
เฉินเกอหัวเราะแห้ง
“เหอะๆ นายคิดว่าใครก็เหมือนนายหรือยังไงโดนครอบครัวนายเลี้ยงแบบยากจนมาตั้งหลายปี คนอื่นเขาเกิดมาก็โดนประคบประหงมเอาใจแล้ว อ๋อใช่ๆ เฉินเกอ ตกลงตระฉันลของนายนี่เก่งขนาดไหน? นายไม่เคยบอกฉันบ้างเลย!”
ซูมู่หานถามขึ้นเบาๆ
เธอไม่ได้สนใจเงินทอง แต่ว่าสงสัยมากๆ ตกลงครอบครัวมีอำนาจขนาดไหนถึงได้สั่งให้เฮลิคอปเตอร์ย้ายไปมาได้ แถมยังปล่อยให้เฉินเกอใช้เงินได้อย่างไม่จำกัดอีก
“ฉันเองก็รู้เรื่องตระฉันลของตัวเองน้อยมากเหมือนกัน ฉันรู้ก็แค่ว่าตระฉันลของเรารวยมากๆ ใช้ยังไงก็ไม่หมดประมาณนั้น!”
เฉินเกอตอบอย่างจริงจัง
“ชิ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีทางใช้หมด!” ซูมู่หานคิดว่าเฉินเกอก็แค่โม้
ที่เฉินเกอพูดเป็นความจริงทั้งหมด
ทั้งสองคนเถียงกันไปเถียงกันมาดูสนุก
อยู่ๆในเวลานี้ อยู่ๆทั้งโรงอาหารก็ราวกับระเบิดมีเสียงตะโกนหวีดร้องดังขึ้นมา
ทำให้เฉินเกอตกใจแทบแย่
เงยหน้าขึ้นมามอง ก็มองเห็นคนเดินเรียงแถวมาทางโรงอาหาร
แถมคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นจ้าวชาน คุณชายจ้าว
สถานการณ์ตรงหน้า ไม่น้อยหน้าเวลาอยู่ๆก็มีดาราปรากฏตัวเลย
“คุณชายจ้าวฉันรักคุณค่ะ รับฉันนะคะ!?”
มีผู้หญิงหลายคนตะโกนขึ้นอย่างไม่อาย
“คุณชายจ้าว ต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นแฟนของคุณคะ? ช่วยบอกฉันทีได้ไหมคะ?”
“โอ้มายก้อด ฉันจะต้องรีบถ่ายรูป!”
ล้วนตะโกนโหวกเหวกกันแบบนี้ ส่วนใหญ่เป็นพวกผู้หญิงที่ชอบแต่งเนื้อแต่งตัวอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
แต่เหมือนว่าจ้าวชานจะชินไปเสียแล้ว
“ฉันก็แค่มากินข้าวเป็นเพื่อนฉันโอเคไหม ไม่จำเป็นที่จะต้องตกใจขนาดนี้มั้ง!”
คุณชายจ้าวหัวเราะอย่างอ่อนใจ
จากนั้นก็หันไปมองทางด้านประตูโรงอาหาร
แต่ก็มีผู้หญิงสองคนที่เดินออกมาท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย
ยืนอยู่ด้านข้างคุณชายจ้าว
“พรู่ด!”
เฉินเกอเพิ่งจะกินซุปเข้าไปหนึ่งคำ หลังจากที่มองเห็นทั้งสองคนที่เพิ่งเข้ามาอีกนิดก็เกือบจะพ่นใส่หน้าของซูมู่หลาน
“เชี้ย!”
เฉินเกอถึงกับตะลึง
ผู้หญิงสองคนนี้ แน่นอนว่าหน้าตาดี แต่พวกเธอกลับเป็นจ้าวยีฟานกับหลินเจียว
“พระเจ้า อย่าบอกนะว่านี่คือแฟนของคุณชายจ้าว? มีสิทธิ์อะไรนะ ก็แค่หน้าตาดีเองไม่ใช่เหรอ?”
“น่ารังเกียจจริงๆ มายั่วยวนคุณชายจ้าวเพื่ออะไรกัน!”
ผู้หญิงบางคนก็เริ่มด่าด้วยความโกรธเคือง
“ม่ใช่แฟน แกไม่ได้ยินที่คุณชายจ้าวพูดเมื่อกี้เหรอ? เป็นเพื่อน! เป็นเพื่อน! นี่ก็หมายความว่าพวกเรายังมีโอกาสอยู่!”
“ยีฟาน เจียวเจียว นั่งสิ พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอทั้งสองคนชอบกินข้าวโรงอาหาร ฉันคงไม่มาหรอก โตขนาดนี้ เพิ่งจะเห็นครั้งแรกว่าโรงอาหารในโรงเรียนเป็นแบบนี้ ฮ่าๆๆ!”
จ้าวชานหัวเราะ
นั่งอยู่โต๊ะตรงกลางโรงอาหาร
ส่วนข้าวยีฟานก็ทำแค่ลูบผมของตัวเองเบาๆ ยิ้มบางๆแล้วค่อยนั่งลง
เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะพูดอะไรมาก
ที่จริงแล้ว ครั้งแรกโดนจวงเฉียง เสร็จแล้วก็เป็นเฉินเกอ จ้าวยีฟานโดนทำร้ายจนกลัวแล้ว
ดังนั้น เผชิญหน้ากับการโดนคุณชายจ้าวคนดังของมหาวิทยาลัยจินหลิงตามจีบแบบเงียบๆ ถึงจ้าวยีฟานจะตื่นเต้น แต่ว่าก็พยายามระงับไว้
เธอไม่มีทางเป็นผู้หญิงที่เริ่มก่อนแบบนั้นอีกแล้ว
อีกอย่าง พูดกันตามตรง คุณชายจ้าวคนนี้คิดว่าตัวเองมีเงิน ก็เลยคิดจะนัดตัวมาอย่างนั้น เรื่องนี้ไม่มีทางหรอก
เธอ จ้าวยีฟาน อยากจะมีความรัก ไม่ใช่อยากจะแปะๆๆ
อย่างน้อยก่อนที่เธอจะแต่งงาน จ้าวยีฟานก็สามารถดูแลรักษาตัวเองเอาไว้ให้ดีเหมือนกับหยก
บวกกับกี่วันมานี้เธออารมณ์ไม่ค่อยจะดี ตัวเองถึงกับโดนเฉินเกอทิ้ง
ในขณะเดียวกัน เธอก็พิสูจน์แล้วว่าตัวเองคิดมากไป
เฉินเกอ จะเก่งขนาดที่ตัวเธอจินตนาการเอาไว้ไหม?
ไม่!
ตั้งแต่ที่เธอรู้จักคุณชายสองวันมานี้ จ้าวยีฟานพบว่า บางทีเฉินเกอก็ไม่อาจจะเก่งขนาดที่ตัวเองจินตนาการเอาไว้ ก็แค่มีเงินเท่านั้น
เธอแค่คิดกับเฉินเกอมากไปจริงๆ!
เทียบกับคุณชายจ้าว การกระทำต่างๆของเฉินเกอ มันก็แค่ระดับเด็กอนุบาลเท่านั้น น่าขำ!
โดยเฉพาะ จ้าวยีฟานในเวลานี้ก็กำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกของการโดนมองเหมือนดาวล้อมเดือนจากสายตาหลายคู่ของคนหลายคน ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ไอ้ขี้แพ้เฉินเกอจะให้ได้
หลินเจียวเองก็กำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกเจ๋งๆแบบนี้เหมือนกัน
ในเวลานี้มีใบหน้าอวดดี
“เฮ้ๆๆ มองจนเบลอแล้วเหรอ?”
ในตอนนี้ซูมู่หานโบกมือไปมาตรงตาของเฉินเกอ แล้ววางตะเกียบลงอย่างโมโห
“หา? เปล่า!” เฉินเกอรีบอธิบาย “ฉันก็แค่กำลังสงสัย จ้าวยีฟานไปรู้จักกันกับคุณชายจ้าวคนนี้ได้ยังไงกันนะ?”
“หึ ไม่มีอะไร ฉันว่าในใจของนายรู้สึกไม่ดีใช่ไหมล่ะ? สองวันก่อน จ้าวยีฟานยังชอบนาย ตอนนี้ เห็นชัดว่าเธอไปชอบคนอื่นแล้ว ในใจของนายรู้สึกแย่ใช่ไหมล่ะ?”
ซูมูหานขมวดคิ้วพูด
“ไม่ได้รู้สึกไม่ดี ถ้าให้พูดว่ารู้สึกไม่ดี ก็แค่คิดว่าจ้าวยีฟานน่าสงสาร ตอนแรกก็เป็นผู้หญิงดีๆคนหนึ่ง ก็แค่อาจจะเหยียดคนจนรักคนรวยไปบ้าง ฉันก็แค่กลัวว่าเธอจะโดนทำให้เจ็บช้ำ แล้วก็เปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นคนไม่ดีนะสิ!”
สิ่งที่เฉินเกอพูดเป็นเรื่องจริง
นอกจากนาย ยังมีคนเคยทำให้เธอเสียใจด้วยเหรอ?”
ซูมู่หานยอมทุบถุงทรายแล้วถามจนเข้าใจ
“มีผู้ชายที่เคยรู้จักก่อนหน้านี้ วันนั้นเป็นการโดนทิ้งที่เธอดูน่าสงสารที่สุดเลย เหอะๆ ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว พวกเรารีบกินข้าวกันเถอะ!”
เฉินเกอส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
แต่ว่า เพิ่งจะตักข้าวเข้าปากได้สองคำ อยู่ๆก็มีถั่วลิสงตกลงมาบนโต๊ะกินข้าวข้างๆโต๊ะตัวเอง
ใครนะ? แม่งว่างนักหรือยังไง?
เฉินเกอด่าอยู่ในใจหนึ่งประโยค
จากนั้น ก็มีอีกเม็ดที่ตกลงมาบนโต๊ะข้างๆเฉินเกอ
ครั้งนี้เฉินเกอแน่ใจแล้ว ว่ามีคนแกล้งเขาอยู่
พอเขาเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นร่างที่สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัว ใบหน้าเอาเรื่องของหลินเจียว กำลังใช้ตะเกียบคีบถั่วลิสงเอาไว้ ยิ้มเยาะแล้วมองมาที่ตัวเองอยู่…