ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่145 เกิดอุบัติเหตุรีบส่งโรงพยาบาล
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่145 เกิดอุบัติเหตุรีบส่งโรงพยาบาล
บทที่145 เกิดอุบัติเหตุรีบส่งโรงพยาบาล
“เห้อๆ คุณหนู พ่อหนุ่มที่นั่งรถด้านหน้านั้นเป็นแฟนคุณเหรอ? อยากดูใช่ไหมว่าเขาอยู่ข้างนอกซื่อสัตย์รึเปล่า?”
คนขับยิ้มถามอย่างคุยสนุกมากๆ
“จะบอกคุณตามตรงนะ คนที่มักมาเที่ยวที่ถนนการค้าจินหลิงนี้ ไม่มีสักคนที่ไม่หลายใจ เพราะอะไรล่ะ? เพราะมาที่นี่บ่อย แสดงว่าต้องมีเงินแน่!”
“พูดไร้สาระให้น้อยๆ หน่อย จ้องไว้ให้ฉัน!”
หญิงสาวตะคอกใส่อย่างเย็นชา
คนขับรถจึงไม่พูดอะไรอีก ตั้งใจตามรถคันหน้า
ส่วนผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลินเจียว
ทำไมหลินเจียวต้องตามเฉินเกอ?
ลองดูจากที่หลินเจียวกับซูเจี๋ยออกไปจากห้องครัวเจียหยวนอย่างพูดง่ายๆ สักหน่อย
หลังจากออกไปแล้ว ซูเจี๋ยทั้งอายทั้งโมโห ไม่ต้องพูดถึงที่ถูกคนตบหน้าท่ามกลางฝูงชนออกมา แม้แต่พี่ยวี่ซึ่งเป็นที่พึ่งของตนเองก็ผิดใจเข้าให้แล้ว
น้องชายยังโดนคนทำร้ายอีก
นี่เป็นเรื่องที่ยังไม่ได้เอาเปรียบแต่กลับเจอกับการสูญเสียสองทางอย่างยิ่ง ยังเจ็บปวดไม่จบก็มีความรู้สึกแบบกางเกงในหายอีก
สรุปแล้วไม่สบายถึงที่สุด
จะโทษใครได้กัน?
ซูเจี๋ยเอาความผิดทั้งหมดนี้โทษไปที่ตัวของหลินเจียวจนหมด
แม่ง ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนกระพือจุดไฟตรงนั้นมาตลอด บอกว่าหลี่ปินคุณชายหลี่เป็นคนจน
เขาซูเจี๋ยจะทำเรื่องที่ไร้สมองเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
ให้น้องชายซูไค่ไปทุบศีรษะของคนอื่นเขา
และวันนี้ซูเจี๋ยถึงรู้ว่าที่แท้ก่อนหน้านี้หลินเจียวเคยผิดใจพี่ยวี่มา
ดังนั้นซูเจี๋ยจึงเอาตัวการก่อกรรมทำชั่วโทษไปที่หลินเจียว
ซึ่งย่อมทะเลาะกันขึ้นมา หลังจากทะเลาะกันแล้ว เขาก็สะบัดหลินเจียวไว้แล้วหนีไปเลย
หลินเจียวโกรธอย่างมาก
หล่อนกำลังคิดว่าสรุปเป็นเพราะอะไรล่ะ?
หลี่ปินต้องไม่ใช่คุณชายหลี่อะไรนั่นแน่ สิ่งนี้หล่อนรู้ชัดเจนอย่างไม่มีที่เปรียบ เพราะตอนแรกสุดที่หอพักเชื่อมไมตรีนั้น หลินเจียวเคยตรวจสอบทุกคนในหอพักของเฉินเกอมาแล้ว
อยากดูว่ามีใครสักคนที่มีอะไรดีๆ แฝงหรือไม่ ผลลัพธ์กลับไม่มีสักคน โดยเฉพาะหลินเจียวยังหาออกมาแล้วว่าในบ้านหลี่ปินก็จนมากด้วย
เพียงแค่หลังจากที่หล่อนคุยเรื่องนี้กับสวีเสีย แล้วไม่มีใครถกเถียงออกไปเท่านั้น
สรุปคือเฉินเกอเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ ยังต้องตรวจสอบอีกเหรอ? ขี้แพ้ที่ยากจนกระทั่งกางเกงใกล้ไม่มีสักตัวแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเฉินเกอคนนี้ยังสร้างความประหลาดใจให้หล่อนไม่ขาด
เรื่องในวันนี้ หล่อนจึงกวาดมารวมไว้ที่ตัวเฉินเกอ
คนที่ทำให้เจิ้งยวี่เป็นแบบนี้ได้ ต้องเป็นเฉินเกอแน่ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่เด็กเลี้ยงของเจิ้งยวี่ แต่จะต้องมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับเจิ้งยวี่อย่างแน่แท้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ต้นจนจบเฉินเกอคนนี้ให้ความรู้สึกที่ลึกลับมาก
เขาไม่ใช่ลูกคนรวย แต่มีบางครั้งที่รู้สึกว่าเขาเก่งกาจกว่าลูกคนรวยไหนๆ
วันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นอีกอย่างแล้ว
ดังนั้นหลินเจียวคิดจะตามเฉินเกอไว้ อยากดูหน่อยว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
ดังนั้นจึงแอบตามพวกเฉินเกอหยางฮุยมา เผื่อได้อะไรดีๆ หน่อย
ส่วนเฉินเกอทางนี้ก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
เขาไปลงรถที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยโดยตรง มองดูเห็นว่าพลบค่ำแล้ว
คนที่สวนสาธารณะเล็กก็บางตาลงมาก
เมื่อมาถึงด้านในสวนสาธารณะ สถานที่ที่ตรงจอดรถไว้
เตรียมขับรถไปที่คฤหาสน์หยุนติ่งเมาท์เทน
ติ๊ดๆ
เสียงดังขึ้นแสงไฟรถกะพริบสองที
จากนั้นประตูรถก็เปิดโดยออกอัตโนมัติ
เฉินเกอที่ดูชำนาญกำลังเตรียมจะมุดเข้าไปขับรถ
ปัง!
ได้ยินเสียงมือถือเครื่องหนึ่งลอยมาจากด้านหลังแล้วตกลง และแตกกระจาย
“ที่แท้……ฉันเดาไม่ผิด เป็นนายจริงๆ!”
จากนั้นมีเสียงผู้หญิงที่ตื่นตระหนกยากจะพูดออกมาดังขึ้น
เฉินเกอหันหน้ามามอง ตกใจยกใหญ่
“เฮ้ย หลินเจียว ทำไมเธอทำตัวอย่างกับผี ไม่ให้ซุ่มให้เสียงสักนิด?”
อยู่ด้านหลังภายในสิบก้าว หลินเจียวกำลังมองตนเองด้วยความตะลึงล่ะ
มือหล่อนปิดปากไว้อย่างตกใจ มือถือแตกเป็นสองส่วนอยู่ที่เท้า
แม้กระทั่งทั่งทั้งตัวก็กำลังสั่นเทา
“เฉินเกอ รถคันนี้เป็นของนายเหรอ? ใช่ของนายรึเปล่า?”
หลินเจียวตอบสนองเข้ามา มองเฉินเกออย่างตื่นตระหนก
พระเจ้า แลมโบกินีหรูหราคันนี้ทำให้ผู้หญิงในจินหลิงเลื่อมใสแทบนับไม่ถ้วน คาดไม่ถึงว่าคือของเฉินเกอ
รถหรูสิบแปดล้าน
นี่เป็นแนวคิดอะไรกัน?
หลินเจียวราวกับเจอฟ้าผ่าใส่
ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ตีให้ตายอย่างไรหลินเจียวก็ไม่มีทางเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง
คาดไม่ถึงว่าเจ้าของรถหรูจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับหล่อนมากเสียจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไรคนนี้
“ก็ได้ ในเมื่อโดนเธอเห็นเข้าแล้ว ฉันก็จะยอมรับ รถคันนี้เป็นของฉันเอง!”
เฉินเกอถอนหายใจทีหนึ่งด้วยความจำใจ
“อะไรนะ!”
ในตาของหลินเจียวเต็มไปด้วยรอยน้ำตา
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีธุระอื่น ฉันไปก่อนแล้วนะ สำหรับเรื่องรถ เธอช่วยฉันเก็บเป็นความลับด้วย อย่าทำจนสุดท้ายทุกคนไม่สบายใจกันล่ะ หึๆ”
เฉินเกอพูดเรียบๆ ประโยคหนึ่ง
ขณะเตรียมเข้ารถไป
“เฉินเกอ นายอย่าเพิ่งไป”
คาดไม่ถึงว่าหลินเจียวจะกระโจนเข้ามาโดยตรง กอดด้านหลังของเฉินเกอเอาไว้แนบแน่นมาก
“ไอ้สาด! หลินเจียว เธอบ้าไปแล้วรึไง? เธอบ้ารึเปล่า? เธอทำอะไรกัน?”
เฉินเกอตกใจ พยายามรีบดิ้นออก
“ไม่! ฉันไม่ปล่อยมือ เสี่ยวเกอ ฉันจะไม่ให้นายหนีไปจากมือฉันได้ ฉันรักนาย ฉันรักนายจริงๆ ให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?”
หลินเจียวกอดเอวของเฉินเกอเอาไว้ ลำตัวแนบไปบนตัวเฉินเกอทั้งหมด
ไอ้เชี่ย!
เฉินเกอเคยเห็นหยางเสว่ที่โลภในทรัพย์อย่างแรงกล้า เดิมคิดว่ามีภูมิคุ้มกันต่อผู้หญิงที่รักทรัพย์สินทั้งหมดแล้ว
แต่นึกไม่ถึงว่าหลินเจียวยังหนักกว่าหยางเสว่
ใช่สิ ที่จริงตอนนี้หลินเจียวก็ไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น
อดีตต่างๆ ของเฉินเกอ บวกกับรถที่เขาขับในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเฉินเกอจะบอกเพียงว่ารถเป็นของเขาเท่านี้ หลินเจียวก็เชื่อแล้ว
ทำไมล่ะ?
เพราะสมองของหล่อนหมุนเร็วเหลือเกิน รถของเฉินเกอในตอนนี้ ขอเพียงมีความสัมพันธ์ต่างๆ นานาในอดีตกับเขา ก็สามารถพูดได้ชัดแล้ว
นี่ยังจะสงสัยกับผีอะไร
บวกกับหลินเจียวมองออกแต่แรกแล้ว เฉินเกอเป็นพวกที่ใบหูนั้นอ่อนไหวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพวกที่โหดเหี้ยมกับใครไม่ได้ประเภทนั้น และยิ่งกับผู้หญิง เขาติดพันได้ง่ายมาก
นั่นคือต้องจับจุดอ่อนนี้ของเฉินเกอไว้ได้
ดังนั้นหลินเจียวถึงปล่อยมือออก
“เชี่ย อย่าทำแบบนี้ ขอร้องเธอล่ะ ฉันขนลุกไปหมดแล้ว”
เฉินเกอร้อนใจจนเหงื่อออกเต็มหน้าผาก
“ฉันไม่หยุด ฉันจะตามนายไปตลอด นอกจากนายจะให้โอกาสฉัน!”
หลินเจียวจับไว้แน่น
บ้าแล้วๆ บ้าไปแล้วจริงๆ
เฉินเกอหักใจ ค่อยๆ ใช้แรงดึงมือของหลินเจียวออก จากนั้นถือโอกาสมุดเข้ารถล็อกประตูรถไว้ทันที
จากนั้นสตาร์ทรถอัตโนมัติพร้อมจะหนี
“ปัง!”
แล้วก็ได้ยินเสียงหนึ่ง คาดไม่ถึงหลินเจียวจะนอนคว่ำที่หน้ารถ
“แม่คุณ พี่เจียว เธออยากทำอะไรกันแน่?”
เฉินเกอรีบร้องตะโกน
“เฉินเกอ ฉันถามนายคำถามหนึ่ง นอกจากมีเงินแล้ว นายมีสถานะอื่นอีกรึเปล่า? นายบอกฉันมา ขอเพียงนายบอกฉันมา?”
ใช่สิ ตอนนี้หลินเจียวสงสัยแค่อย่างหนึ่ง
นั่นคือในข่าวลือว่าคุณชายเฉินแห่งจินหลิงที่ลึกลับขั้นสุดมาโดยตลอด คือเฉินเกอ
ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมไป๋เสี่ยวเฟยในตอนแรก ทั้งยังมีเจิ้งยวี่ในตอนนี้ หลี่เจิ้นกั๋วแห่งวิลล่าสปา ล้วนเคารพต่อเฉินเกอขนาดนี้
อ่า!!!
บวกกับเรื่องในวันนี้ รถแข่งในตอนนี้
หลินเจียวที่ฉลาดหลักแหลม ถึงจะโง่อย่างไรก็เดาออกได้ระดับหนึ่ง
คุณชายเฉินที่ยอดเยี่ยมมากท่านนั้นคือเฉินเกอ
ตอนนี้หล่อนสั่นเทาไปทั้งตัว ล้วนใกล้จะเป็นจังหวะที่สูงที่สุด เพราะอยากได้รับรู้ความจริง
“ฉันจะบอกเธอให้นะ ฉันไม่รู้จักคุณชายเฉินอะไรนั่น แต่ถ้าเธอยังไม่ไสหัวไป ฉันจะเหยียบคันเร่งแล้ว อย่าได้สงสัยในกำลังแรงม้ารถคันนี้ของฉัน”
“ฉันไม่ไป ถ้านายไม่ยอมรับ ฉันก็ไม่ไป!”
แม่ง!
เฉินเกอโมโห เท้าที่เหยียบคันเร่งก็กดลงไปจริงๆ
ทว่าเหยียบเบาๆ เพราะกลัวจะทำให้หลินเจียวบาดเจ็บ แล้วเหยียบเบรกทันใด
แต่นึกไม่ถึง พอดีเป็นแรงเฉื่อยแบบนี้ บวกกับล้อรถทับบนก้อนหินก้อนหนึ่ง
“อ่า!”
ทั้งตัวหลินเจียวลอยออกไปราวกับว่าวที่สายขาดลง
กระแทกลงที่พื้นโดยตรง นอนกางแขนกางขาอยู่
“ไอ้เชี่ย!”
เฉินเกอเพียงแค่อยากทำให้หล่อนตกใจ คาดไม่ถึงจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง
ตอนนี้เขาเปิดประตูรถออก รีบพุ่งเข้าไป
ท้ายทอยหลินเจียวโดนพื้น สลบไปทันที
เขาตบๆ หน้าของหล่อน
“หลินเจียว เธออย่าทำฉันตกใจสิ? ไม่เป็นไรนะ? เมื่อกี้ฉันไม่ได้คิดจะสะบัดเธอลงไป”
เฉินเกอตำหนิตนเองอยู่บ้าง
เขาไม่ใช่พระแม่เจ้า เป็นเพราะเขารำคาญหลินเจียว แม้กระทั่งมีบางครั้งอยากต่อยปากหล่อนสักที แต่ก็ไม่ได้ใจอำมหิตอยากให้หลินเจียวได้รับบาดเจ็บแม้กระทั่งถึงขั้นเอาชีวิตอย่างเด็ดขาด
เห็นหลินเจียวท่าทางเจ็บทรมาน
เฉินเกอจึงอุ้มหล่อนขึ้นมาโยนเข้าในรถ จากนั้นห้อตะบึงตลอดทาง ไปที่โรงพยาบาล……