ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่151 คุณอาเฉินเกอคุณเป็นคนดี
บทที่151 คุณอาเฉินเกอคุณเป็นคนดี
“พี่ถังหว่าน พี่เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทออกแบบเสื้อผ้าแห่งนี้เหรอ?”
เฉินเกออดถามอย่างตกใจไม่ได้ พอมองท่วงท่าของถังหว่าน ก็เป็นระดับผู้หญิงแกร่งแบบนั้น แต่นึกไม่ถึงว่าจะแกร่งขนาดนี้
“ทำไม? ฟังความหมายของนาย ฉันไม่เหมือนเหรอ?”
ถังหว่านขับรถไปด้วย มองเฉินเกอผ่านกระจกมองหลังแล้วหัวเราะ
“อีกอย่างนายไม่ต้องเอาแต่เรียกพี่ถังหว่าน เรียกฉันซะแก่ขนาดนี้ ฉันไม่ใช่แค่แก่กว่านายไม่ถึงสิบปีเองเหรอ นายสามารถเรียกชื่อฉันได้โดยตรง”
ถังหว่านพูดอย่างบ่นๆ อยู่บ้าง
เฉินเกอพยักหน้า “ได้ครับ ต่อไปไม่เรียกคุณว่าพี่แล้วพี่ถังหว่าน!”
“หึๆ”
ถังหว่านถูกเฉินเกอเล่นตลกจนหัวเราะขึ้นมาแล้ว
เดิมทีเฉินเกอยังอยากคุยเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของพี่ถังหว่านสักหน่อย เพราะเมื่อสักครู่มีข้อสงสัยอย่างหนึ่ง ชื่อของเหมิงเหมิงคือถังเหมิงเหมิง
ทำให้เฉินเกอคิดว่าถังหว่านคงไม่ใช่ดูแลลูกเองหรอกมั้ง?
แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป เฉินเกอจึงไม่ค่อยกล้าคุยแล้ว
ต่อมาถังหว่านขับรถไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตก่อนจะซื้อวัตถุดิบมากองหนึ่ง จากนั้นถึงมาที่บ้านของเธอ
ตรงกับที่เฉินเกอคาดเดาไว้ ในบ้านของถังหว่านสะอาดเป็นระเบียบ หมุนไปรอบหนึ่งง่ายๆ ก็ไม่เห็นร่องรอยของผู้ชายใดๆ
ทว่ากลับทำให้เฉินเกอรู้สึกสบายใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝีมือของถังหว่านไม่ใช่ขี้โม้ คล่องแคล่วว่องไว อาหารประณีตงดงามโต๊ะหนึ่งก็ทำเสร็จแล้ว ทำได้น่าทานกว่าวิลล่าสปาเสียอีก
ถ้าใครได้แต่งงานกับถังหว่านเป็นภรรยาแล้ว นั่นเป็นโชคดีที่นานๆ ทีจะได้มาเลยจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังหว่านเป็นคนคุยเก่งอย่างมาก
ทานอาหารมื้อหนึ่งไปกัน เฉินเกอก็มีความรู้สึกเสียใจที่เจอกับถังหว่านช้าไป ยังเหมือนกับว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมายาวนานมากๆ
ส่วนถังหว่านก็มองเฉินเกออยู่ล่ะ
ยิ่งถูกบุคลิกเรียบง่ายบนตัวของเฉินเกอดึงดูดไว้หมดแล้ว
ภายใต้ความสนิท ย่อมเปิดใจออกมาคุยกันเก่งเลย
“เฉินเกอ นายคงสงสัยมากสินะ พ่อของเหมิงเหมิงน่ะ?”
ถังหว่านท้าวแก้มอยู่ มองเฉินเกอ
“ก็ไม่ได้สงสัยมากหรอกครับ”
เฉินเกอพูดอย่างอึดอัดอยู่บ้าง
“ยังไม่สงสัย แต่เมื่อกี้ตอนที่ฉันทำกับข้าว นายอยู่ในห้องมองซ้ายมองขวา นั่นมองอะไรอยู่ล่ะ?”
ถังหว่านยิ้มกริ่มจ้องเฉินเกออยู่
ทำให้เฉินเกอลุกลี้ลุกลนในใจพอสมควร
ถังหว่านคนนี้ความจริงช่างไม่ธรรมดาเลย ที่แท้รายละเอียดเมื่อสักครู่ของตนเองยังโดนเธอสังเกตไปแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอพูดออกมาก็โดนความคิดในใจของตนเองเต็มๆ
ทำให้เฉินเกอรู้สึกว่าตนเองยามอยู่ต่อหน้าเธอราวกับเด็กประถม
“หึๆ คิดจะมาหลบสายตาของฉัน แต่สำหรับนายไม่มีอะไรน่าปิดบังหรอก พ่อของเหมิงเหมิงจากไปนานแล้ว เป็นพวกเราสองแม่ลูกใช้ชีวิตด้วยกันมาตลอด ปกติฉันอยู่ที่บริษัท เหมิงเหมิงจะอยู่ที่โรงเรียนอนุบาล ถึงช่วงสุดสัปดาห์ ฉันจะให้เหมิงเหมิงตามฉัน ครั้งที่แล้วเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมามีการบุกเข้ามาขอทุนของคุณชายDevil ทำให้กิจการขนาดกลางและเล็กของพวกเราในจินหลิงต้องเผชิญหน้ากับตลาดหุ้นล้มละลาย ดังนั้นฉันเลยสับสนในใจมาก”
“พอไม่ได้ระมัดระวัง เลยทำให้เหมิงเหมิงร่วงลงในแม่น้ำไป นายไม่รู้หรอก ตอนนั้นฉันตกใจแทบแย่จริงๆ ฉันคิดมากว่าอยากให้มีผู้ชายสักคนอยู่ข้างกายฉัน ช่วยฉันแบ่งเบาสักหน่อย”
เมื่อสักครู่ถังหว่านดื่มไวน์ไปสองสามแก้ว เวลานี้บนแก้มปรากฏสีแดงระเรื่อขึ้นมา
ดูขึ้นมายิ่งเซ็กซี่น่าดึงดูด
พูดตามตรง คนที่เฉินเกอชอบแต่ไหนแต่ไรเป็นประเภทที่อายุพอๆ กันกับตนเอง อีกอย่างคืออ่อนกว่าตนเอง
ยังไม่เคยคิดจะคบหาดูใจกับสาวม่ายอายุสามสิบเลยจริงๆ
โดยเฉพาะเป็นถังหว่านสาวม่ายที่บุคลิกหน้าตางดงามแบบนี้
ทำให้เฉินเกออดมองหลายรอบไม่ได้ จิตใจฟุ้งซ่าน
แต่พอคิดไปคิดมา คนอื่นเขาแค่หวังดีเลี้ยงข้าวตนเอง เฉินเกอก็เกรงใจที่จะพูดอะไรพวกนี้ อย่างเช่นถังหว่านบอกว่าอยากหาผู้ชายสักคนมาอยู่ข้างกาย คำพูดนี้จะให้เฉินเกอต่ออย่างไร
เขาถามอย่างตรงไปตรงมา “พี่ถังหว่าน เมื่อกี้พี่บอกว่าการเข้ามาบุกขอทุนของจินหลิงคุณชายDevil นี่หมายความว่าอะไร?”
“หึๆ ไม่พูดถึงก็เท่านั้น แต่นายน่าจะเคยได้ยินคุณชายเฉินคุณชายDevilที่หนึ่งของจินหลิงล่ะมั้ง? คือเขาคนนั้นแห่งถนนการค้าจินหลิง”
ทันใดนั้นถังหว่านก็พูดอย่างเดือดดาลอยู่บ้าง
“หา?”
ข้างในปากเฉินเกอเกือบจะสำลักตาย
เมื่อไรกันที่ตนเองกลายเป็นคุณชายDevilที่หนึ่งของจินหลิงไปแล้ว?
“ผมเคยได้ยินมาบ้าง แต่คนอื่นบอกว่าเขาไม่เลวเลยทีเดียวนะครับ” เฉินเกอพูดอย่างหน้าแดงขึ้นนิดๆ
“ไม่เลวอะไรกัน เรื่องธุรกิจนายคงไม่เข้าใจ ช่วงก่อนหน้านี้คุณชายเฉินคนนั้นลงทุนในธุรกิจใหญ่ในจินหลิงอย่างกำเริบ ภายนอกยิ่งใหญ่เกรียงไกร ความจริงทำกลุ่มธุรกิจในจินหลิงวุ่นวายไปกันใหญ่ ธุรกิจที่โดนบุกเข้าไปลงทุนพวกนั้นต่างได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทำลายสมดุลกิจการเดิมไป ทำให้กิจการระดับรองอย่างพวกเรานี้ต้องเผชิญกับการท้าทายที่เข้มงวด คนในธุรกิจมากมายเกลียดเขาแล้วทั้งนั้น”
ถังหว่านพูดขึ้น
เฉินเกอลูบๆ จมูก ไม่กินแล้ว
เรื่องลงทุนอย่างกำเริบนี้เฉินเกอรู้ดีแน่นอน คือช่วงก่อนหน้านี้พี่สาวให้เฉินเกอเป็นตัวแทนไปลงทุนพวกนั้น รวมทั้งโครงการโรงเรียนปฐมเพื่อเด็กยากไร้พวกนี้ด้วย
เดิมทีเฉินเกอไม่ได้คิดอะไรมาก ทำทุกอย่างตามที่พี่สาวบอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังทำแล้ว เดิมทีเฉินเกอก็ไม่ได้ไปสำรวจและศึกษา
นึกไม่ถึงว่าการลงทุนครั้งนี้จะทำลายสมดุลเดิมลงไป
ถ้าเป็นแบบที่พูดขึ้นมานั้น เพราะถังหว่านกังวลการลงทุนของตนเอง ผลสุดท้ายจึงดูแลเหมิงเหมิงไม่ดี ทำให้เธอตกลงไปในน้ำ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างกับตนเองด้วย?
เฉินเกอหัวเราะขมขื่นในใจอย่างอดไม่ได้
“เฮ้อ ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ใช่แล้วเฉินเกอ เดี๋ยวเธอต้องฝึกงานแล้วสิ มีที่ไหนดีๆ ไปรึยัง?”
เวลานี้ถังหว่านถามขึ้น
เฉินเกอเป็นคนซื่อสัตย์จิตใจงาม แต่ถังหว่านก็มองออกเช่นกัน ดูจากการแต่งตัวของเฉินเกอ ไหนจะมือถือที่ใช้งาน สภาพบ้านของเฉินเกอน่าจะไม่ดีมาก
มีบุญคุณพวกนี้อยู่ ดังนั้นถังหว่านจึงเป็นห่วงอนาคตของเฉินเกอมาก
“ผมยังไม่ได้ตัดสินใจจะไปที่ไหนเลย” เฉินเกอตอบ
“งั้นดีเลย ถ้าไม่ได้จริงๆ ตอนนายฝึกงานสามารถมาบริษัทของพวกฉันได้ ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้นายสองเท่า ขอเพียงนายตามฉัน ฉันรับรองจะทำให้นายซื้อบ้านของตัวเองในจินหลิงได้ในห้าปี”
ถังหว่านมีความคิดบางอย่าง อยากให้เฉินเกออยู่ข้างกาย
“แม่คะ จะให้คุณอาเฉินเกอซื้อบ้านทำไมกัน ให้คุณอาเฉินเกอมาอยู่บ้านพวกเราก็ได้นี่คะ วันหลังหนูโตแล้ว ก็อยู่ห้องคนเดียวได้แล้ว แม่กับคุณเฉินเกอก็อยู่ด้วยกันได้แล้ว”
เวลานี้เหมิงเหมิงพูดแทรกขึ้น
“เหมิงเหมิง ลูกพูดเหลวไหลอะไรกัน แม่จะอยู่ด้วยกันกับคุณอาเฉินเกอของหนูได้ยังไงกัน มีแค่สามีภรรยาที่จะอยู่ด้วยกันได้ เข้าใจไหมจ๊ะ!”
ถังหว่านหัวเราะอย่างขมขื่นแล้วพูดตอบ
“อ่อๆ หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
ถังหว่านมองทางเฉินเกออีกครั้ง เห็นเฉินเกอไม่ได้ตอบตนเอง เพียงแค่ยิ้ม
จากนั้นพูดอีก “เฉินเกอ นายพิจารณาดูหน่อยเถอะ ถึงแม้ขนาดบริษัทจะเล็ก แต่มีอนาคตแน่นอน”
เฉินเกอพยักหน้าแล้ว
พูดในใจถ้าคุณรู้ว่าผมเป็นคุณชายเฉินที่ทำให้บริษัทพวกคุณเกิดความวุ่นวายคนนั้น แล้วจะคิดกับผมอย่างไร
แต่มีการปะทะช่วงนี้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่บริษัทของถังหว่านตกต่ำ เฉินเกอยิ่งจะไม่ปล่อยมือไม่สนใจ เพราะตนเองก็มีส่วนในการรับผิดชอบไม่มากก็น้อย
“แม่คะ หนูกินอิ่มแล้ว หนูอยากให้คุณอาเฉินเกอลงไปซื้อของเล่นเป็นเพื่อนหนูด้านล่าง”
เวลานี้เหมิงเหมิงเช็ดปากพลางพูด
“ลูกซื้อของเล่นอะไรกัน ถ้าอยากซื้อพรุ่งนี้แม่จะไปซื้อเป็นเพื่อนลูก!”
“ไม่เอา หนูจะให้คุณอาเฉินเกอไปเป็นเพื่อนหนู”
เหมิงเหมิงชอบอยู่ด้วยกันกับเฉินเกอมาก
เก่อนจะดึงมือของเฉินเกอไม่ยอมปล่อย
เฉินเกอยิ้มบอก “ไม่เป็นไรครับ ผมไปซื้อเป็นเพื่อนเหมิงเหมิงก็ได้ วางใจได้ครับ ผมจะดูแลเธอให้ดี”
พูดจบ เฉินเกอก็พาเหมิงเหมิงลงไปข้างล่าง
ตลอดทาง เหมิงเหมิงแนบชิดใกล้ๆ กับเฉินเกอมาตลอด ทำให้ขณะเดียวกันเฉินเกอทั้งปลื้มใจ ทั้งรู้สึกว่าเหมิงเหมิงน่าสงสัยอยู่บ้าง ใช่แล้ว ไม่ว่าถังหว่านจะแกร่งแค่ไหน อย่างไรเสียเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เหมิงเหมิงก็เป็นเด็กที่มามีบิดาคนหนึ่งด้วย
เขาถามขึ้นมา “เหมิงเหมิง หนูชอบอยู่กับอามากใช่รึเปล่า?”
ถังเหมิงเหมิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ค่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะคุณอาเป็นคนดี ไม่เหมือนพวกลุงคนเลวพวกนั้นที่มาบ้านหนูบ่อยๆ พวกเขาไม่ได้แค่ตีแม่ มีบางครั้งยังตีเหมิงเหมิงด้วย”
“หา?”
เฉินเกอได้ยินก็ตะลึง
เดิมทีเฉินเกออยากเข้าใจให้มากสักหน่อย จากนั้นช่วยเหลือเหมิงเหมิงกับถังหว่านได้บ้าง คิดไม่ถึงเหมิงเหมิงจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมากะทันหัน
ลุงคนเลวพวกนั้นคงไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสังคมของถังหว่านซับซ้อนมากหรอกนะ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นใครกัน คาดไม่ถึงแม้แต่เหมิงเหมิงเด็กน้อยแบบนี้ยังตีลง?