ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่175 พาผู้หญิงคนนี้ไป
บทที่175 พาผู้หญิงคนนี้ไป
“เฮ้ย! ล้อมมันไว้!”
สวีเว้ยโบกมือเป็นสัญญาณ จากนั้นบอดี้การ์ดนับสิบคนก็กระโจมกันเข้ามาล้อมรอบเฉินเกอ
ที่ด้านหลังเฉินเกอมีชายร่างกำยำอายุประมาณยี่สิปลายๆยืนอยู่ เขาสวมแว่นกันแดดสีดำ ยืนอยู่เงียบๆตั้งแต่ต้นจนจบ
ชายคนนั้นยืนจับไหล่ ใบหน้าครึ่งเสี้ยวมีรอยแผลน้ำร้อนลวก แค่เห็นก็สัมผัสได้ถึงความดุร้าย
เขาน่าจะเป็นบอร์ดาร์ดประจำตัวของสวีเว้ย
“เหอะ โลกนี้มันช่างแคบอะไรแบบนี้ คิดไม่ถึงละสิ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน เจอกันอีกแล้วนะ!”
เหลียวหงคล้องแขนสวีเว้ยเดินเข้ามา ดวงตาของเธอทั้งแค้นทั้งเป็นสีแดง ถ้าใช้สายตาฆ่าคนได้ คาดว่าป่านนี้เฉินเกอคงโดนเชือดเป็นล้านๆครั้ง
ใช่แล้ว ถ้าถามว่าเหลียวหงอยากสับใครเป็นชิ้นๆมากที่สุด แน่นอนว่าคนนั้นคือเฉินเกอ
ตั้งแต่เด็กจนโต เธอถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงม ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
อย่าพูดไปถึงเรื่องถูกตีเลย
แต่เธอถูกตีแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่ถูกไอ้บ้านี่ตีต่อหน้าฝูงชน แต่มันยังใช้สายไฟฟาดเธอ
เธออายเกินกว่าจะพูดถึงเหตุการณ์ที่ร้านอาหารฝรั่งวันนั้น ตัวเองแทบจะอั้นฉี่ไว้ไม่อยู่!
ทุกความอัปยศอดสูล้วนมาตกอยู่บนหัวเธอหมดแล้ว
ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะไอเฮงซวยนี่คนเดียว!
“มันหรอที่ฟาดเธอ? หึ ไอเด็กเปรต บังอาจมาทำร้ายผู้หญิงของสวีเว้ยอย่างฉัน วันนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้ซึ้งที่ผลลัพธ์ที่ต้องเจอ เฮ้ย จัดการตัดแขนขามันก่อน จากนั้นค่อยคิดบัญชียกครัว!”
สวีเวยพูดมาคำหนึ่ง
หลังผ่านไปเหตุการณ์นั้นไป สวีเว้ยก็ไปเที่ยวที่ประเทศMอยู่หลายวัน แต่เพราะได้ยินว่าแฟนตัวเองถูกตีตอนนั้นจึงรีบกลับมา
ใครก็ตามที่ถูกสวีเว้ยหมายหัว วิธีแก้แค้นแบบฉบับของเขาไม่ใช่ชกต่อยสองสามทีแล้วจบง่ายๆ
แต่จะต้องถูกเล่นงานทั้งโคตร
พูดง่ายๆก็คือครอบครัวของเฉินเกอก็จะต้องซวยไปด้วย
พูดๆอยู่ ก็มีบอดี้การ์ดสองคนพุ่งเข้ามาหวังจะจับไหล่ของเฉินเกอ
แต่ว่า ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงลมวูบนึ่งพัดผ่านข้างกาย
“อ้ะ!”
ก่อนจะพบว่าภายในเสี้ยววินาทีร่างของบอดี้การ์ดสองคนนั้นปลิวออกไปความเร็วเหมือนสายฟ้าฟาด
เป็นฝีมือของบอดี้การ์ดสองคนที่ชื่อบอดิการด์เทียนหลงตี้หูซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเฉินเกอ
พวกเขาลงมือเร็วมากจนเฉินเกอแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาขยับตัวตอนไหน
ส่วนลุงคังนะหรอ เพียงแค่ดูภาพตรงหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปดูกับเฉินเกอ
“น้องชาย นี่ศัตรูนายหรอ?”
เฉินเกอพยักหน้า “ใช่ครับ! เคยมีเรื่องกันนิดหน่อย แหะๆ!”
ตอนนี้เขาไม่กลัวสวีเว้ยกับเหลียวหงอีกต่อไปแล้ว
“งั้นก็ดี ในเมื่อเป็นศัตรูของคนขับรถคุณชายเฉิน ก็เท่ากับเป็นศัตรูของคุณชายเฉิน นั่นก็นับว่าเป็นศัตรูของพวกเราด้วยบอดิการด์เทียนหลงตี้หูยกให้พวกนายจัดการแล้วกัน!”
ลุงคังผงกศีรษะเป็นสัญญาณ จากนั้นยืนยิ้ม
ส่วนโต๋วโต๋วที่ยืนอยู่ข้างๆ มีท่าทางมั่นใจสุดๆ
“วุ้ว นานแล้วแฮะที่ไม่ได้เห็นสองพี่น้องบอดิการด์เทียนหลงตี้หูออกบู๊ จริงไหมคะคุณปู่?”
โต๋วโต๋วพูด
“เขาสองคนดูท่าทางจะเทพมากเลยนะครับ!”
ส่วนเฉินเกอที่ยืนดูทั้งสองคนโลดแล่นอยู่บนสนามประลอง ก็อดนับถือในใจไม่ได้
“ต้องเทพอยู่แล้วล่ะ! พวกเขาสองคนน่ะมีดีกรีเป็นถึงราชาทหารในสนามรบระดับโลกเชียว ยิ่งเทียนหลงนะ ได้ยินว่าสงครามแถบตะวันตกไม่มีสนามไหนที่เขาไม่เคยเข้าร่วม! ฮึ ไม่เคยเห็นมาก่อนล่ะสิ?”
โต๋วโต๋วพูดอย่างภูมิใจ
“ตระกูลเฉินมีบุญคุณกับพวกเขา หลังเกษียณจากสนามรบ สองพี่น้องก็เลยกลับมาตอบแทนบุญคุณ! แต่พวกเขาน่ะได้รับคำสั่งจากคุณท่าน จากคุณหนูใหญ่มาที่นี่เพื่อรับใช้คุณชายเฉินแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!”
ลุงคังที่ยืนอยู่ข้างๆก็อดเล่าต่อไม่ได้
เฉินเกอเบิกตาโตไม่รู้ตัว
ที่แท้เป็นราชาทหารศึกที่ครอบครัวส่งมาเพื่อรับใช้เขา
เดิมทีเขาคิดว่าหลี่เฟยหงกับไป๋หลางบอดี้การ์ดสองคนนั้นเก่งสุดๆแล้วซะอีก
คิดไม่ถึงว่าสองคนนี้เกินกว่าที่เขาจินตการได้ซะอีก
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร มากันกี่คน แต่สีหน้าของบอดิการด์เทียนหลงตี้หูก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทุกหมัดทุกขาเตะล้วนตรงเข้าจุดอันตรายอย่างแม่นยำ
นี่สินะที่เขาเรียกว่ากังฟูในหนึ่งวิ ผ่านไปเพียงพริบตาเดียว บอดี้การ์ดนับสิบคนก็ลงไปนอนกองกับพื้น
“อะไรกัน?”
สวีเว้ยและเหลียวหงที่ทำตัวผยองเมื่อสักครู่อึ้งไป
บอดี้การ์ดพวกนี้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของพ่อ ซึ่งส่งมาเพื่อรอรับเขาโดยเฉพาะ เป็นทีมฝีมืออันดับหนึ่งแท้ๆ
แต่เมื่อกี้นี้ สิบต่อสอง ภายในเวลาไม่กี่วินาทีบอดี้การ์ดพวกนี้ก็สิ้นฤทธิ์ไปง่ายๆซะแบบนั้น?
“หึ คุณมันตาต่ำหาเรื่องผิดคน คราวนี้ก็ถึงตาคุณแล้ว!”
บอดิการด์เทียนหลงตี้หูหัวเราะเสียงเย็นชา แล้วค่อยๆเดินเข้าไปหาสวีเว้ยช้าๆ
“ชิบโจ๊กเกอร์จัดการมัน จับไอพวกนี้เชือดให้หมด เร็วเข้า!”
สวีเว้ยเห็นภาพตรงหน้าก็สติแตกทันใด
ตอนแรกเขาคิดว่าเรื่องนี้ง่ายแค่ปลอกกล้วยเข้าปาก กะอีแค่แก้แค้นแทนแฟนสาว จับไอเด็กนั่นหักแขนหักขาก็จบ ใครจะไปคิดว่ามันจะมีมือดีมาด้วยสองคน
ตอนนี้เขาจำต้องให้บอดี้การ์ดประจำกายออกโรงแล้ว
แต่ชายวัยรุ่นใบหน้าครึ่งเสี้ยวมีแผลน้ำร้อนลวกที่ถูกเรียกว่าโจ๊กเกอร์ เพียงหันไปเห็นบอดิการด์เทียนหลงตี้หู ร่างใหญ่ก็ค่อยๆสั่นระริก
นี่ไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่เหมือนกับว่าเขากำลังอดกลั้นความรู้สึกบางอย่างอยู่
ทันใดนั้นเขาก็เดินขึ้นเอาตัวบังสวีเว้ย
“ทั้งสองท่านจะฆ่าผมก็ได้ แต่โปรดไว้ชีวิตคุณชายสวีด้วย!”
โจ๊กเกอร์พูดเสียงนิ่ง
บอดิการด์เทียนหลงตี้หู่ก็มองหน้ากันสลับกับหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตางุนงง
“บัดซบ! ฉันไม่ได้ส่งแกไปตาย ฉันให้แกไปฆ่าพวกมัน ไอ้เวรนี่มันไม่เชื่อฟังคำสั่งฉันแล้วใช่ไหม?”
เพี๊ยะ!
สวีเว้ยเหวี่ยงฝ่ามือลงบนปากของโจ๊กเกอร์อย่างกราดเกรี้ยว
โจ๊กเกอร์ไม่ได้หลบ หลังถูกฟาดหลังแหวนไปหนึ่งครั้ง ที่บริเวณขอบปากก็มีเลือดไหลออกมา
“หึ เสียแรงที่ตระกูลสวีชุบเลี้ยงไอคนไร้ประโยชน์อย่างแก เพี๊ยะ!”
เหลียวหงเองก็สะบัดฝ่ามือลงบนปากของโจ๊กเกอร์อย่างโมโหเช่นกัน
จนถึงขนาดนี้แล้ว ต้องสู้มันให้ถึงที่สุด ขี้ขลาดหัวหดไม่ใช่ร้องขอชีวิต!
“คุณชายสวี คุณหนูเหลียวหงรีบไปเถอะครับ ผมสู้พวกเขาไม่ได้หรอก!”
โจ๊กเกอร์พูดเสียงนิ่ง
“แม่งเอ้ย! ไหนแกว่าตัวเองเก่งนักเก่งหนา? พ่อฉันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ! แกมันไอขยะ รอกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะให้แกนั่งกอดถังขยะเป็นการทำโทษ!”
สวีเว้ยไม่คาดคิดว่าโจ๊กเกอร์จะยอมแพ้เสียดื้อๆ
เวลานี้เขาทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไป จึงชี้ไปที่เฉินเกอ
“ไอเด็กเปรต วันนี้ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาดีหรอก แน่ใจนัดวันมาเคลียร์กันอีกรอบสิวะ!”
สวีเว้ยสังเกตว่าตอนนี้คนเริ่มเข้ามามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ ขืนอยู่ต่อไป ไม่ถูกซ้อมก็ขายขี้หน้าชาวบ้าน
ทันใดนั้นเฉินเกอจึงหันไปสบสายตาลุงคัง บอกเป็นนัยว่าให้เขาเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้
แน่นอนว่า ในเมื่อเป็นคนขับรถของคุณชายเฉิน เพื่อเป็นการให้เกียรติคุณชาย ลุงคังย่อมช่วยเหลืออยู่แล้ว
“ได้สิ ต้องนัดเวลากันมาคุยสักหน่อย วันนี้คุณจะกลับไปก็ได้ แต่ผู้หญิงคนนี้ต้องมากับเรา!”
เฉินเกอค่อยๆยิ้มออก
ไม่ผิด แม้ปกติเฉินเกอจะเป็นคนไม่หือไม่อือ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่
ความบาดหมางระหว่างตระกูลสวี ดูท่าคงไม่อาจสงบศึกได้ง่ายๆ
เพราะงั้นเขาคิด ไหนๆก็ไหนๆหาโอกาสเหยียบให้มันจมดินไปเลยทีเดียว วันหน้าจะได้ไม่มาวุ่นวายกับเขาอีก
สวีเว้ยก็แค่อาศัยบารมีของตระกูล ตัวหมอนี่จริงๆไม่ได้มีอำนาจอะไร จัดการเขาไปก็ไม่มีประโยชน์
เหลียวหงได้ยินแบบนั้นก็ร้อนรน
“คุณชายสวีจะเอาตัวฉันให้พวกมันไม่ได้เด็ดขาดนะ พาฉันไปด้วยนะคะคุณชาย!”
“ไม่ต้องกลัวเหลียวหง เธออยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะรีบกลับมาช่วย รอฉันนะ!”
สวีเว้ยรีบพูด พูดจบก็วิ่งขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป ส่วนบอดี้การ์ดพวกนี้เขาไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย
ส่วนบอดี้การ์ดที่ชื่อโจ๊กเกอร์ หันไปผงกศีรษะกับบอดิการด์เทียนหลงตี้หูเบาๆ ก่อนจะวิ่งกลับไปทำหน้าที่ขับรถ
“ต้วนเฟย”
ตอนนี้เองบอดิการด์เทียนหลงตี้หูตะโกนเรียก โจ๊กเกอร์ที่กำลังเตรียมตัวจะวิ่งเข้ารถ
โจ๊กเกอร์ชะงักไปในเสี้ยวนาที ก่อนจะทำเหมือนไม่ได้ยินแล้วรีบเดินเข้าตัวรถไป…
“โคตรเหมือนเลย เหมือนไอเด็กนั่นจริงๆ!”
ตี้หู่พูดพร้อมกับสายตาเคลือบแคลง
“เหมือนจริงๆ ดวงตาคู่นั้นไม่เปลี่ยน แต่ว่าทำไมต้วนเฟยถึงได้กลายมาเป็นลูกน้องของคุณชายนั่นได้”
“ไม่รู้สิ แต่เห็นได้ชัดว่าหมอนั่นไม่อยากทำเป็นรู้จักเรา”
ทั้งคู่พูดเสียงต่ำ
ลุงคังจึงพูดขึ้นบ้าง “เอาล่ะ กลับไปเราค่อยพูดเรื่องนี้กัน ตอนนี้เราไปพบคุณชายเฉินกันก่ออนบอดิการด์เทียนหลงตี้หู พาตัวผู้หญิงคนนี้ไป!”