ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่194งานเฉลิมฉลองที่เขาหยุนเหมิง
- Home
- ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี
- บทที่194งานเฉลิมฉลองที่เขาหยุนเหมิง
บทที่194งานเฉลิมฉลองที่เขาหยุนเหมิง
“ทำไงดี ทำไงดี?”
ในใจลี่เยว่ก็รู้สึกเยือกเย็น
เมื่อครู่ พวกเขาก็แค่เหลือบมองรถVolkswagenคันนี้ไปอย่างนั้นๆ
เพราะว่าจิตใต้สำนึกของทุกคนต่างรับรู้รถVolkswagenที่ดีๆ ก็คันละสองถึงสามล้านเชียว
ก็เลยไม่ใส่ใจ
แต่กลับลืมว่าถ้าเป็นรถPhaetonรุ่นท็อปข้างในรถVolkswagenล่ะ?
กลัวอะไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆ!
“โอ๊ย!อย่างนั้นต้องชดใช้กี่บาทกันเนี่ย ท้ายรถของรถPhaetonเปลี่ยนรูปร่างแล้ว!”
แม่ของลี่เม่ยก็กังวลแล้ว
“แบบนี้ไหมพี่ลี่ คุณรีบโทรหาเจ้าของรถนี้ จากนั้นขอร้องเขา ถ้าไม่ได้ก็ให้คุณลุงมา?”
น้องชายคนนั้นพูดอีก
“ชิ กลัวอะไรล่ะ ชนก็ชนสิ ทำไม?ใครให้เขาเอารถจอดชิดผมขนาดนั้น แม่ง อีกอย่าง ที่คันละล้านสองล้าน คุณคิดว่าผมซื้อไม่ได้หรือไง!รถผมซีรีส์7นี้ก็แค่เอามาใช้ช่วยฝึกงาน เคไหม !”
ลี่เยว่ขึ้นไปด้วยความโกรธ ที่ครอบงำสุดๆ
แต่ก็ยังโทรหาเจ้าของรถ ให้เขาลงมาจัดการ ดูว่าเขาจะพูดอย่างไร!
โทรติดอยู่นาน ก็มองเห็น วัยรุ่นท่าทางอ่อนแอสวมแว่นออกมาจากร้านอาหาร ข้างๆเขาก็ยังมีผู้หญิงท่าทางอ่อนแอมาด้วยอีกคน ดูแล้วน่าจะเป็นคู่รัก
“คุณชนรถผมเหรอ!”
พอผู้ชายอ่อนแอคนนั้นมา ก็พูดเบาๆ
พอเห็นผู้ชายคนนี้ ท่าทางดูซื่อๆ
เหมือนกับอ่อนต่อโลก
ส่วนคนแบบลี่เยว่พอเห็นก็รู้สึกดีใจ
ก็รู้สึกดีอย่างมาก ได้เจอคนแปลกๆแบบนี้ ไม่ต้องบอก จะต้องมาจากบ้านนอก แล้วก็เสแสร้งทำเป็นใช้เงินฟุ่มเฟือยมาซื้อรถเพื่ออวด ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์อะไรมากนัก
ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ไม่แน่ลี่เยว่อาจจะเกรงใจหน่อยๆ
ตอนนี้ลี่เยว่กลับพูดด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม:
“คุณตาบอดเหรอไง ใครให้คุณจอดรถขวางผมใกล้ขนาดนี้ จนตอนนี้รถผมขยับไม่ได้เลย คุณพูดมา เรื่องนี้จะเอาไง?”
ลี่เยว่พับแขนเสื้อขึ้น เดินไปที่ผู้ชายสวมแว่น
ส่วนหวังเลี่ยงที่เด็กกว่านั้น ก็ล้อมรอบไปที่ผู้ชายสวมแว่น
ผู้หญิงตัวเล็กข้างๆพูด:“คุณชนรถเรา ต้องไปซ่อมรถให้เราสิ ทำไมคุณยังถามว่าพวกเราจะเอาไงอีก?”
“ใช่ คุณต้องซ่อมรถให้ผม!”
ผู้ชายสวมแว่นพูดเบาๆ
“อะไรนะๆ?คุณเอารถมาชิดผม ยังให้ผมซ่อมรถให้อีกเหรอ ?แม่ง!”
ลี่เยว่ยกขาขึ้นถึบไปที่ท้องผู้ชายสวมแว่น ชี้ไปที่ผู้ชายสวมแว่นแล้วด่าคำแรงๆบอกมา:
“คุณไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าผมลี่เยว่คือใคร!คิดว่ามายุ่งกับผมได้เหรอไง ไอ้น้อง บ้านคุณอยู่ไหนเหรอ?มา เอาที่อยู่มาให้ผมหน่อย,!”
ลี่เยว่จะคุกคามใส่
ผู้ชายใส่แว่นตกใจจนจับท้องไว้ไม่กล้าพูดอะไร
“ว๊าวๆๆ คุณชายลี่เยว่เจ๋งมาก!”แม่ของลี่เม่ยมองท่าทางเผด็จการเอาแต่ใจของลี่เยว่ กลับชื่นชมอย่างมาก
“ปกติครับคุณป้า ที่บ้านลี่เยว่มีเงินมีอำนาจ!”
หวังเลี่ยงพูดยกยออยู่ข้างๆ
“ยังไม่ไสหัวไปอีก ครั้งหน้ากล้ามาชิดรถผม ผมเอาคุณตายแน่!”
ลี่เยว่เตะไปที่ผู้ชายใส่แว่นอีกครั้ง
ผุ้ชายใส่แว่นถูกแฟนสาวพยุงขึ้นมา แล้วกลับไปในร้านอาหาร
“เจ๋งมากพี่ลี่ อย่างนั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว!”
รุ่นน้องพวกนั้นต่างพูดอย่างนับถือ
“ถ้าไม่ใช่ว่ารถเขาแพงกว่าผม ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมชนเขา ก็จะให้เขาชดใช้เงินให้!”
ลี่เยว่พูดอย่างเย่อหยิ่ง เตรียมขับรถไปส่งพวกจ้าวยีฟานก่อน จากนั้นค่อยไปซ่อมรถ
ตอนนี้เอง ฟุบฟุบฟุบ!
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น จากนั้นก็มีผู้ชายสามสี่สิบคนออกมาจากร้านอาหาร
แล้วเข้ามาล้อมรอบพวกลี่เยว่ไว้
ส่วนคนตรงหน้า เป็นผู้ชายสูงสวมแขนสั้น
ตอนนี้มองที่ผู้ชายสวมแว่นแล้วถาม:“ตาแว่น พวกเขาใครทำร้ายคุณ?”
“เขานั่นแหละ!”
ตาแว่นไปที่ลี่เยว่
ส่วนลี่เยว่ เดิมทีไม่หวาดกลัว แต่พอมองท่าทางของผู้ชายข้างหน้าอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นหน้าก็ซีด
“คุณคือพี่เฉินเฉียง?ครั้งที่แล้วผมเจอคุณไปแล้วครั้งหนึ่ง!”
ลี่เยว่กลืนน้ำลายแล้วถาม
เฉินเฉียง!
ได้ยินชื่อนี้ หวังเลี่ยงกับพวกผู้ชายที่เด็กกว่าพวกนั้น รวมถึงหยางฮุย หลี่ปินต่างตะลึง
ต่างเรียนที่จินหลิงกันมานานแล้ว ก็ได้ยินเกี่ยวกับพวกคนใหญ่โตมาไม่น้อย
เฉินเฉียงคือลูกชายของเฉินว่านหาว พวกคลับบันเทิงสโมสรต่างๆที่ใหญ่ที่สุดของจินหลิง ต่างเป็นของตระกูลเขา
อีกอย่างเฉินว่านหาวถือว่าเป็นคนคุมหางเสือพวกอำนาจใต้ดินที่เก่าแก่ของจินหลิง
บริษัทว่านหาว กรุ้ปพูดถึงความโหดเหี้ยมแล้ว แต่เจ๋งกว่าบริษัทไห่ชาน กรุ้ปมาก อีกอย่างบริษัทไห่ชาน กรุ้ปยังมีความคิดใส่ใจหน่อยๆ แต่บริษัทว่านหาว กรุ้ปนี้ ไม่มีความคิดและใส่ใจสักนิด
ไม่พอใจก็ทำ!
ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน!
ส่วนชื่อของเฉินเฉียง ทุกคนต่างเคยได้ยิน
ไม่เรียนปริญญาตรี เรียนโรงเรียนสายอาชีพแห่งหนึ่งของจินหลิง เป็นหัวหน้าของแก๊งชัดๆ
ครั้งหนึ่งเคยมีคนทำให้เขาไม่พอใจ ก็พาคนไปก่อกวนที่บ้านคนนั้นเลย สรุปคือโหดร้ายมาก
ส่วนลี่เยว่ กับเขานั้นเทียบกันไม่ได้เลย
ตอนนี้แน่นอนว่ากลัวมาก อยากจะตีสนิท
“แม่ง!คุณชนรถของตาแว่น และยังทำร้ายอีก?น้องชาย คุณไม่มีเหตุผลเลยเนอะ?คุณพูดเรื่องวันนี้หน่อยสิ?ไม่อย่างนั้นผมเฉินเฉียงคงเสียหน้าแหงๆ!”
เฉินเฉียงหรี่ตาลง ที่ปากมีรอยยิ้มเยือกเย็น
ทำให้ลี่เยว่เห็นแล้วใจสั่น
ตอนนี้ตบหน้าเขาแล้วพูด
“เข้าใจผิด พี่เฉียง เข้าใจผิดหมดเลย!”
“เหอะๆ เข้าใจผิด ดี ที่นี่คือร้านอาหารลุงเลี้ยงคนหนึ่งของผม ลานกว้างคนเยอะแบบนี้ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไปกันเถอะน้องชาย ไปที่ห้องอาหารกับผม พวกเรามาคิดบัญชีนี้ดีๆ มีอะไรเข้าใจผิด!”
เฉินเฉียงพูดจบ ก็เหลือบมองหวังเลี่ยงกับพวกเด็กๆพวกนั้นที่อยู่ด้านหลังลี่เยว่ โบกมือทันที แล้วก็มีผู้ชายสองคนที่ล่ำๆเข้ามาจับไหล่ลี่เยว่
“ตาแว่น คนอื่นไม่ได้ทำใช่ไหม?”
เฉินเฉียงถาม
“ไม่ครับ มีแค่เขา!”
จากนั้น สองมือเฉินเฉียงก็ล้วงเข้ากระเป๋า พาลี่เยว่ที่สองขาเริ่มอ่อนลงเข้าโรงแรมไป
“ทำไงดี?นี่จะทำไงได้บ้าง?คนที่ชื่อเฉินเฉียง เจ๋งมากใช่ไหม?”
แม่ของลี่เม่ยก็ตกใจไม่น้อย
“แน่นอนว่าเจ๋ง พ่อเขาโหดมาก เขาก็โหดเหมือนกัน และเมื่อสองปีก่อน ได้ยินว่าเฉินเฉียงยังขืนใจดาราสาวด้วย!”
หวังเลี่ยงพูด อย่างรู้ดีว่าเฉินเฉียงเป็นคนแบบไหน!
“พี่เลี่ยงอย่างนั้นแจ้งความไหม พี่ลี่วันนี้พิการแน่!”
เด็กหนุ่มคนนั้นรีบพูด
“แจ้งแม่แกสิ เรื่องนี้พวกเราไปยุ่งไม่ได้ เดาว่าพ่อของพี่ลี่เดี๋ยวก็รู้แล้ว!”
หวังเลี่ยงพูดพร้อมจุดบุหรี่
ส่วนเฉินเกอ มองดูฉากนี้จบอยู่ข้างๆ
ในใจก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่คิดว่าลี่เยว่สมควรแล้ว
อีกอย่างก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับตานี่ แล้วก็ไม่ชินกับคุณธรรมของเขาเท่าไหร่ เฉินเกอจึงขี้เกียจสน
ตอนนี้เลยพูด:“คุณป้า เรื่องนี้พวกเราช่วยไม่ได้ พวกเราไปหาโรงแรมก่อน ให้พวกคุณปักหลักก่อน!”
“โอเค!”
แม่ลี่เม่ยกับแม่สวีเสียพูดขึ้นมา
ทุกคนจึงออกไป ปักหลักที่โรงแรม
พอถึงตอนเย็น หยางฮุยก็ไม่มีแพลนใดๆ รอกลางคืนค่อยไปเที่ยวที่เขาหยุนเหมิง
ส่วนหวังเลี่ยงด้านนั้น กลับขับรถพาแม่ของลี่เม่ยไปนั่งรถเล่นรอบจินหลิงก่อน
จนแม่ของสวีเสียอิจฉา กลอกตามองใส่หยางฮุยอย่างไม่พอใจ มองยังไงก็ไม่เข้าตา ทำอะไรก็ถูกตำหนิ!
ดีที่ถึงเวลาห้าโมงเย็นพอดี
เวลานี้แม่ของลี่เม่ยก็กลับมา
เพราะว่าวันนี้กิจกรรมที่เขาหยุนเหมิงจัดขึ้นครึกครื้นมาก ดารามาไม่น้อย
ดังนั้นแม่ของลี่เม่ยพวกเขาจะต้องไปดูให้ได้
ส่วนหวังเลี่ยง ได้บัตรมานานแล้ว
และก็ไม่รู้ว่าผ่านช่องทางไหน ก็ได้บัตรเข้าวีไอพีประมาณนั้นมา
พอเข้าไป พวกของกินเล่นหรืออะไรก็แล้วแต่ แค่ใช้บัตรนี้ ไม่ต้องจ่ายเงินใดๆ
ส่วนหยางฮุย ก็แค่บัตรธรรมดา
“เฮ้อ หวังเลี่ยงจ๊ะ คุณก็จริงๆเลย มีความสามารถมากขนาดนี้ ทำไมไม่เอาตั๋ววีไอพีให้ป้าสวีอีกคนล่ะ แบบนั้น ก็ให้หยางฮุยประหยัดตังค์ด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าเข้าไปด้วยตั๋วธรรมดา กินอะไรก็ต้องใช้เงินจ่ายนะ เหอะเหอะ!”
“ว๊า ผมลืมเลย ผมคิดว่าหยางฮุยจะทำได้ นี่มันง่ายมาก มีเส้นสายหน่อยก็ได้แล้วครับ!”
หวังเลี่ยงเกาหัวด้วยรอยยิ้มแสยะยิ้ม
“เหอะ ไม่รู้ยังคิดว่าลี่เยว่ที่เก่งมีความสามารถแค่ไหนก็ถูกคนพาไป กลัวจนไม่กล้าทำอะไร!”
แม่ของสวีเสียขายขี้หน้ามากพอแล้ว ตอนนี้ก็สำลักด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น
“ใช่ ความสามารถของหวังเลี่ยงพวกเราไม่มาก เส้นสายก็ไม่มาก ไม่ดีแค่ไหน แต่เทียบกับแฟนของลูกสาวบางคนแล้วล่ะก็ พาเพื่อนอะไรมากัน เอาแต่กินฟรีจ่ายฟรี!”
ประโยคนี้ ชี้ไปที่เฉินเกอกับหลี่ปินโดยตรง
เฉินเกอได้แต่ยิ้มฝืนๆอย่างทำไรไม่ได้
และก็ไม่พูดอะไร
จากนั้น ทุกคนก็มาที่ลานของเขาหยุนเหมิง
ผ่านเข้าไปในจุดขายตั๋วแล้ว
“เอ๋?หวังเลี่ยง คุณไม่ได้บอกเหรอว่าคุณมีเพื่อนรอพวกเราอยู่ที่นี่?คนล่ะ?เชื่อได้ไหมเนี่ย?”
เวลานี้ จู่ๆลี่เม่ยก็ถาม
“เชื่อถือได้สิ เพื่อนมัธยมปลายของผมเอง บัตรพวกนี้ก็เป็นเขาที่เอาให้ผม บัดซบ ตอนนี้เทพมากๆ เป็นลูกคนรวยที่จริงจังมากๆ!รีบดูสิ นั่นไม่ใช่ว่ากำลังรอพวกเราตรงนั้นเหรอ!”
หวังเลี่ยงชี้ไป
ส่วนเฉินเกอ ก็มองตามนิ้วมือของหวังเลี่ยง เห็นแบบนี้ ก็ทำให้ตะลึงอีกครั้งอย่างอดไม่ได้……