ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่262 สัมภาษณ์
บทที่262 สัมภาษณ์
แต่เจียงเว่ยตงก็ต้านความโน้นน้าวจากผู้อื่นไม่ได้ ช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ไม่หาเฉินเกอ จะหาใครได้อีกล่ะ!
ดังนั้นสุดท้าย เขาก็กัดฟันฝืนใจไปหาเฉินเกอที่โรงแรมของเขา
แต่ผลก็คือหลังจากที่ไปที่นั่นเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบตัวของเขาเลย
จะโทรศัพท์หาเฉินเกอ ครั้งนี้เขาก็ติดสายอยู่
และตอนนี้เฉินเกอ ก็กำลังติดสายอยู่จริง ๆ
“คุณพ่อครับ เรื่องของหยกมีความคืบหน้าแล้ว สถานที่กำเนิดมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และมีประวัติศาสตร์ระยะหนึ่งแล้ว อีกอย่างหยกแบบนี้มีมูลค่ามาก ดูเหมือนว่าเมิ่งซินที่คุณพ่อให้ผมหานั้นเป็นหญิงสาวตระกูลชั้นสูงนะครับ ?”
ในร้านกาแฟที่เงียบสงบร้านหนึ่ง เฉินเกอกำลังนั่งดื่มกาแฟและคุยโทรศัพท์อยู่
สายที่โทรเข้ามาเมื่อกี้เป็นพ่อของเฉินเกอ เพื่อถามเรื่องราวความคืบหน้าของหยกว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“ใช่น่ะสิ แน่นอนว่าเป็นหญิงสาวตระกูลชั้นสูง!”พ่อของเขายิ้ม
“แล้วคุณพ่อครับ หรือว่าครอบครัวของเมิ่งซินไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ แต่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้?พ่อไม่ใช่บอกว่าเจอเธอตอนที่พ่อเป็นทหารอยู่ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้หรอครับ?”
เฉินเกอกล่าวอย่างสงสัย
“อันนี้พ่อก็ไม่ชัดเจน ว่าครอบครัวของเมิ่งซินอยู่ที่ไหน และพ่อก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอนามสกุลอะไร ดังนั้นในส่วนนี้จึงต้องให้ลูกไปตรวจสอบอย่างละเอียด ให้ไว้ที่สุด และเมื่อผลออกมาแล้ว ก็แจ้งให้พ่อทราบโดยเร็วที่สุด!”
พ่อยิ้มและกล่าว
เฉินเกอครุ่นคิด จะเล่าเรื่องของเฉียงเวยให้คุณพ่อฟังดีไหม เพราะว่าเฉียงเวยมีความเป็นไปได้ว่าเป็นลูกสาวของเมิ่งซิน
แต่มาคิดอีกที ต่อให้พูดไปมันก็ช่วยเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ได้มากขนาดนั้น
ไว้รอให้มีเบาะแสเยอะกว่านี้หน่อยค่อยพูดดีกว่า
ในขณะที่กำลังลังเลอยู่
พ่อเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง:“ใช่แล้วเฉินเกอ ใกล้จะถึงวันเกิดของลูกแล้วใช่ไหม?เฮ้อ ตั้งแต่ที่ลูกเริ่มเรียนมัธยมปลาย พ่อแม่และพี่สาวของลูกก็ไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดกับลูกอีกเลย เดิมทีคิดไว้ว่าปีนี้หลังจากที่การทดสอบเลี้ยงดูอย่างคนยากจนของลูกจบลง พวกเราทั้งบ้านก็สามารถรวมตัวกันอีกครั้ง และฉลองวันเกิดให้ลูก!”
“แต่ว่า พี่สาวของลูกไปแอฟริกาเหนือแล้ว อีกไม่กี่วันพ่อก็ต้องไปด้วย หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่วันเกิดของลูกไม่จัดอีกแล้ว!”
พ่อกล่าวอย่างขอโทษ
เฉินเกอยิ้มแล้วพูด:“ไม่เป็นไรครับพ่อ ตอนนี้ผมอยู่ที่เมืองอำเภอผิงอัน และหลังจากที่จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว ผมก็จะกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดสองถึงสามวัน และที่บ้านก็ยังมีอากงหวูกับอาม่าหวูอยู่ วางใจเถอะครับ วันเกิดของผมในทุก ๆปีไม่โดดเดี่ยวหรอก!”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี วันเกิดครั้งนี้ของลูก เป็นวันเกิดที่ทดสอบเลี้ยงอย่างคนยากจนครั้งแรกของลูก พยายามทำให้มีสีสันหน่อย แต่ก็อย่าทำเหมือนพี่สาวลูกล่ะ ที่วันเกิดปีนั้น พี่สาวลูกซื้อเกาะที่มหาสมุทรแปซิฟิก และยังเชิญคนที่โด่งดังในโลกไปร่วมงานอีกด้วย แบบนี้มันไฮโซเกินไป!ลูกก็กะเอาความเหมาะสมแล้วกัน แค่ไม่น่าเวทนาเกินไปก็พอ!”
พ่อกล่าวตักเตือน
“ผมรู้แล้วครับ พวกนี้ท่านไม่ต้องกังวล!”
จากนั้นก็คุยกันเรื่องธุรกิจล่าสุดกับคุณพ่อได้สักพัก แล้วเฉินเกอจึงวางสาย
และดูไปที่ข้อความ ก็มีสายที่ไม่ได้รับจากเจียงหรานหรานหลายสาย
เฉินเกอก็ไม่คิดที่จะติดต่อกลับไป
เจียงเว่ยตงมีเรื่องอะไร ก็ปล่อยไว้แบบนี้แหละ เฉินเกอจะไม่เข้าไปแทรกอีก ให้มันหยุดอยู่ตรงนี้!
ถ้าไม่อย่างนั้น งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของตนเองยังไงก็ต้องเชิญครอบครัวของพวกเขาไป
และในเวลานี้เอง มีคนหนึ่งเดินมาที่ร้านกาแฟ
เป็นชายวัยกลางที่สวมเสื้อสูท
ถือซองจดหมายไว้หนึ่งฉบับ และเดินมาที่ตรงหน้าของเฉินเกอด้วยความเคารพ
“คุณชายเฉิน อันนี้เป็นจดหมายแนะนำเข้างานของคุณ ฉันเขียนให้คุณเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ถึงเวลา คุณก็สามารถเข้าไปทำงานที่บริษัทดรีมเมอร์อินเวิร์สเมนท์กรุ้ปได้โดยตรง!”
ชายวัยกลางก็ไม่กล้านั่งลง และได้แต่ยืนอยู่ด้านข้างของเขา
“โอเค รบกวนคุณแล้ว เออใช่ นอกจากคุณแล้ว เรื่องนี้ห้ามเอาไปพูดกับใคร!”
เฉินเกอยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มไปหนึ่งคำแล้วพูด
“รับทราบครับ รับทราบ!”
จดหมายเข้างานฉบับนี้ เฉินเกอเป็นคนให้ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งช่วยทำให้
ในการสนทนากับลี่เสี้ยวครั้งก่อน เฉินเกอได้รู้ว่าภายในของบริษัทจัดการการลงทุนอาจจะวุ่นวายมาก
ดังนั้นแผนของเฉินเกอก็คือ ช่วงไม่กี่วันนี้เข้าไปดูสถานการณ์ภายในสักหน่อย
เพราะว่าเฉินเกอเข้าใจดีว่า ถ้าหากเขาใช้ฐานะของคุณชายเฉินเข้าไปตรวจสอบโดยตรง บอกได้เลยว่าไม่ได้เบาะแสอะไรเลย
ยังไงก็มีคือยากมาก
และตอนนี้หลี่เจิ้นกั๋วก็วิ่งทั้งฝั่งจินหลิงและฝั่งอำเภอผิงอันสองฝั่ง และยังต้องรับผิดชอบเรื่องของหยกชิ้นนี้อีกด้วย
เฉินเกอเลยไม่สบายใจที่จะไปรบกวนเขาอีก
และมันมืดมิดอย่างที่พี่ชายของเขาลี่เสี้ยวพูดหรือไม่ เฉินเกอเข้าไปดูด้วยตัวเองก็รู้แล้ว
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงให้ผู้บริหารระดับสูงช่วยทำจดหมายแนะนำขึ้นมา
พนักงานดั้งเดิมของบริษัทการค้าจินหลิงกรุ๊ป ส่วนใหญ่อยู่พัฒนาโครงการที่เขาหยุนเหมิง ตามหลักการลงทุนของอำเภอผิงอัน
ดังนั้นนอกจากผู้บริหารระดับสูงบางคนที่เป็นพื้นเพของบริษัทการค้าจินหลิงกรุ๊ปแต่แรก ที่เหลือนอกจากนั้นส่วนใหญ่ต่างก็ผ่านการคัดเลือกของบริษัท และสรรหารับเข้ามาที่บริษัทดรีมเมอร์อินเวิร์สเมนท์กรุ้ปใหม่
แต่กลับไม่สนใจความสัมพันธ์มิตรญาติ
ดังนั้นก็ไม่แปลกที่จะมีด้านมืดมิดเยอะเช่นนี้
ตอนเที่ยง เขาหาสถานที่รับประทานอาหารเสร็จ
เฉินเกอก็กลับไปเปลี่ยนเป็นชุดสูท และรองเท้าหนังอย่างเป็นทางการ
และยังเอาสำเนาเอกสารการสัมภาษณ์งานและจดหมายแนะนำงานไปที่บริษัทดรีมเมอร์อินเวิร์สเมนท์กรุ้ปซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทโดยตรงเพื่อสัมภาษณ์งาน
“คนสวย สถานที่สัมภาษณ์แผนกการลงทุนอยู่ชั้นที่26หรือเปล่า?”
ทันทีที่เขาเดินเข้ามา เฉินเกอเห็นผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่ถือเอกสารอยู่กองโต เดินออกมาจากลิฟต์ จึงได้เข้าไปถามเธอ
“อืมๆ ใช่ค่ะ คุณมาสัมภาษณ์งานหรอคะ อยู่ชั้นที่26ค่ะ!”
หญิงสาวคนนี้ดูแล้วอายุเกือบจะพอๆกับตัวเอง และดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะเดินออกมาจากรั่วประตูของมหาวิทยาลัย ใบหน้าของเธอก็ยังมีความอ่อนเยาว์เหมือนกับตอนเรียนมหาวิทยาลัยอยู่
“ขอบคุณครับ!”
เฉินเกอยิ้ม
“ด้วยความยินดีค่ะ……โอ๊ย!”
หญิงสาวมัวแต่ทักทายเขาอยู่ จนเอกสารกองโตที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอตกลงไปบนพื้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เฉินเกอรีบย่อตัวลงทันที และช่วยเธอเก็บมันขึ้นมา
“คุณก็เพิ่งมาฝึกงานจากมหาวิทยาลัยเหมือนกันหรอ?”
หญิงสาวกล่าวกับเฉินเกอด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เก็บเอกสารอยู่
“ใช่ แล้วคุณมาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว?”
เฉินเกอถาม
“ฉันเพิ่งมาได้7วันเท่านั้น และไม่เข้าใจอะไรเลย ฮ่าฮ่า ฉันก็อยู่แผนกการลงทุนเช่นกัน ขอให้การสัมภาษณ์ของคุณราบรื่นนะ ต่อไปพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว!ฉันชื่อฟางเฟย!”
ฟางเฟยยิ้ม
“ฉันชื่อเฉินเกอ!”
“ขอบคุณคุณมากนะคะ ลิฟต์ของคุณมาแล้ว ขอให้ราบรื่นนะ สู้ๆ!”
ฟางเฟยยิ้มอย่างอ่อนหวาน และแสดงท่าทางแห่งชัยชนะให้เฉินเกอ
เฉินเกอพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์
สาวน้อยคนนี้มีรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างสวย และเวลาที่เธอยิ้มทำให้คนอื่นมีความรู้สึกหวานมาก
ขาวสะอาดและบริสุทธิ์
เฉินเกอมีความรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าสนใจ
หลังจากที่เข้าไปในลิฟต์
ไม่นานมันก็หยุดอยู่ที่ชั้น5
สาวสวยที่แต่งตัวสง่างาม ในชุดเครื่องแบบสีดำคนหนึ่งเดินเข้ามา
อายุก็ประมาณเกือบเท่าเฉินเกอเช่นกัน
ส่วนเฉินเกอ มาสัมภาษณ์งาน แน่นอนว่าเขาเจอใครเขาก็ต้องทักทายเป็นธรรมดา
จึงยิ้มและพยักหน้าให้เธอ
แต่ว่าหญิงสาวคนนี้มองไปที่เฉินเกออย่างหยิ่งผยอง และไม่ตอบสนองกลับ จากนั้นเธอก็พิงที่ลิฟต์แล้วก็เล่นโทรศัพท์มือถือของเธอ
ผ่านไปไม่นาน หญิงสาวก็มองไปที่ปุ่มกดของลิฟต์
และเหลือบมองไปที่เฉินเกอแล้วถามขึ้นว่า:“คุณเป็นพนักงานที่มาใหม่ของแผนกการลงทุนเราหรอ?”
น้ำเสียงของเธอค่อนข้างจางเล็กน้อย
“ไม่ใช่ ฉันมาสัมภาษณ์งาน!”เฉินเกอยิ้ม“ยังไม่ได้เข้าร่วมงานเลย!”
“เหอะๆ ยังจะเข้าร่วมงาน คุณนี่มันค่อนข้างมั่นใจดีนิ แต่ว่าคุณไม่ได้เข้าร่วมแน่นอน!”
หญิงสาวเหลือบมองไปที่เฉินเกอและกล่าว
“ห๊ะ?เพราะอะไรหรอ?นี่ฉันยังไม่เริ่มเลย?”เฉินเกอสงสัย
“เดี๋ยวรอให้คุณขึ้นไปแล้วคุณก็รู้เอง คุณโชคไม่ดีเลยจริง ๆ แผนกการลงทุนของเราครั้งนี้รับเพียงแค่สองคนเท่านั้น ชายหนึ่งคนและหญิงหนึ่งคน ดังนั้นคุณไม่มีโอกาสแน่นอน!”
หญิงสาวพูดอีกครั้ง
เฉินเกอคิดในใจ วันนี้เขาแต่งตัวดูดีนิ และก็รู้สึกว่าบุคลิกของตัวเขาเองก็ดูดี แต่ทำไมถึงยังไม่มีโอกาสอีกล่ะ?
ไม่นาน ก็มาถึงชั้นที่26แล้ว
เมื่อมาถึงที่ห้องสัมภาษณ์งาน เฉินเกอก็ได้ค้นพบว่า เพราะอะไรผู้หญิงคนนั้นถึงพูดแบบนั้น……