ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่75 อุบัติเหตุที่โรงจอดรถ
บทที่75 อุบัติเหตุที่โรงจอดรถ
ขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กับเรื่องที่เกิดขึ้น
ถังหรานก็ได้รับสายโทรศัพท์จากใครบางคน
จากนั้นสีหน้าเบิกบานใจขึ้นมา : “ว่าไงนะคะพี่? พี่ถึงสนามบินแล้วเหรอ? พี่บอกว่ากลับมาไม่ทันงานวันเกิดของคุณยายไม่ใช่หรือไง? เย้! ดีจังเลย ฉันจะไปรับพี่เดี๋ยวนี้เลย!”
หลังจากวางสาย ถังหรานพูดขึ้น: “คุณยาย เดี๋ยวพี่ของหนูจะมาที่นี่ หล่อนบินกลับมาจากประเทศ M เพื่อคุณยายเลยนะคะ ตอนนี้ถึงสนามบินแล้วค่ะ!”
“ได้สิจ้ะ เสี่ยวฉู่ เจ้าเด็กคนนี้ ฉันรู้ดีว่าหล่อนจะกลับมา…” คุณยายยิ้มขึ้นทันที “งั้นให้มู่หยางไปดีกว่า มู่หยางขับรถไปรับเสี่ยวฉู่หน่อยนะ! ลูกไปคนเดียวแล้วกัน ให้ตู้ฉิงอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนยาย”
“ รับทราบครับคุณยาย!”
ซูมู่หยางยิ้ม จากนั้น หยิบกุญแจรถลัมโบร์กีนี ออกมา และเดินตรงออกไป
สีหน้าของซูมู่หานกลับไม่สบายใจ
พี่สาวของถังหรานชื่อถังฉู่
ตั้งแต่เด็กจนโต ซูมู่หานสนิทและดีกับพี่น้องสองสาวมากที่สุด
คุณยายก็รู้ดี
หากพูดตามหลักแล้ว คุณยายควรจะบอกให้หล่อนตามไปด้วย แต่ทว่า กลับให้ซูมู่หยางไปคนเดียว
แสดงให้เห็นว่าในตอนนี้ คุณยายไม่พอใจหล่อนแล้ว
และทันทีที่ซูมู่หยางออกไป
หัวข้อบทสนทนาของทุกคนก็กลับมาตกที่เฉินเกออีกครั้ง
ใช่สิ ใครก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะเป็นคนย่ำแย่ไม่เอาไหนขนาดนี้
และเขามาเปิดตัวในฐานะแฟนของซูมู่หาน เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะวิจารณ์มากเป็นพิเศษ
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น เฉินเกอได้แต่ฟังอยู่เงียบๆ
คำพูดเหยียดหยามและดูถูก ของผู้คนรอบข้าง ทำให้เฉินเกอรู้สึกโกรธมาก
แต่เพราะเห็นแก่ซูมู่หาน
เฉินเกอจึงอดทนไว้
แต่ทันใดนั้น
เสียงโทรศัพท์ของตู้ฉิงดังขึ้น
“พี่หยางโทรมา! คงอยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณยาย!”
ตู้ฉิงยิ้มและกดรับสาย
พูดตอบกลับเพียงเล็กน้อย สีหน้าซีดไปในทันที
“คุณยาย แย่แล้วค่ะ พี่หยางรถชน!”
“ว่าไงนะ?”
“เมื่อครู่ตอนเขาถอยรถที่โรงจอดรถ ไม่ทันได้ระวังจึงถอยไปชนรถอีกคัน!”
“ปัดโธ่ ฉันคิดว่าเรื่องใหญ่โตอะไร รถของมู่หยางไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” คุณยายรีบถามต่อ
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ถ้ารถของพี่หยางไม่เป็นอะไรมาก ก็ให้เขาไปรับพี่สาวก่อน ส่วนเรื่องที่เหลือ ฉันจัดการให้เขาเอง!”
ทันใดนั้นซูฉีพูดพลางยิ้มอย่างขมขื่น
ตามเรื่องแค่นี้ มันจะไปยากอะไร?
“พี่หยาง พี่ไปก่อนเถอะ ซูฉีบอกว่าจะช่วยพี่จัดการ! อะไรนะ! โอเคๆ!”
หลังจากที่ตู้ฉิงวางสาย หันมองตรงไปที่พ่อของซูมู่หาน : “พี่หยางบอกว่า เขาไม่กล้าออกมาจากรถคันนั้นแม้แต่ก้าวเดียว และยังขอรบกวนให้คุณลุงรีบไปดูค่ะ ดูเหมือนว่าเขาจะเจอเรื่องใหญ่!”
“ห้ะ? นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน!”
ผู้คนต่างพากันพูดสบถ
เพราะความสงสัย ทุกคนจึงพากันไปดูที่เกิดเหตุ
รวมถึงคุณยาย
โดยปกติซูมู่หยางเป็นคนใจเย็น มีสติ ถ้าเกิดเรื่องทั่วไป เขาจะไม่เป็นเช่นนี้
“เฉินเกอ พวกเราก็ไปดูกันเถอะ!”
ซูมู่หยางพูดชวน
เฉินเกอพยักหน้าและยิ้มให้
เมื่อเฉินเกอเดินออกไป คนทั้งตระกูลซูยืนห้อมล้อมที่เกิดเหตุไว้อยู่แล้ว
ขณะที่กำลังฟังซูมู่หยางพูดอธิบาย:
“พ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เป็นเพราะยามคนนี้ เขาบอกให้ผมถอยๆๆ สุดท้ายถอยไปชนรถอีกคัน!”
“รถคันนี้ เป็นรถลัมโบร์กีนี รุ่นที่แพงที่สุด ผมชนไป คงต้องจ่ายอย่างน้อยเจ็ดแปดแสน เพราะไฟหน้าถูกชนจนแตก!”
มีเพื่อนสนิทบางคนรู้จักรถรุ่นนี้ อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้น
“คนที่ขับรถคันนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ชดใช้เจ็ดแปดแสนคงไม่เป็นปัญหา แต่ทว่า คงต้องมีเรื่องเคืองแค้นกับเจ้าของรถท่านนี้แน่นอน พวกนายดูสิ นี่เป็นรถเพิ่งซื้อใหม่ป้ายแดงเชียวนะ!”
“ทุกคนลองคิดดูสิ เมืองจินหลงของเรา เศรษฐีบ้านไหนจะมีปัญญาขับรถแข่งคันละสิบล้านเช่นนี้?”
ต่างคนต่างพูดถกเถียงกัน
เฉินเกอยืนฟังอยู่ด้านนอกด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ให้ตายสิ รถของตัวเองก็จอดอยู่ตรงนี้ คงไม่ถูกชนหรอก หมายถึงรถลัมโบร์กีนี Levingtonของตัวเอง?
สุดท้ายเป็นรถลูกรักของตัวเองจริงด้วย
อยู่ดีๆก็ถูกชนจนเป็นแบบนี้ มีรอยขีดข่วยเล็กน้อย แต่ที่สำคัญคือไฟหน้าด้านซ้ายถูกชนแตกกระจาย! ส่วนไฟหน้าด้านขวา ไม่ถือว่าแพงและไม่ถูก อีกอย่างร่องรอยที่ถูกชนเช่นนั้น ต้องเสียประมาณเจ็ดแปดล้าน
แต่ก็เหมือนที่พวกเขาพูดกัน นี่เป็นรถคันใหม่
คุณยายร้อนใจเป็นอย่างมาก : “มู่หยาง ทำไมขับรถไม่ระวังแบบนี้ล่ะ ยามคนนี้พูดติดอ่าง ก็น่าจะฟังออก ดูตอนนี้สิ พวกเราไม่เพียงแค่ต้องชดใช้เป็นล้าน แต่ยังสร้างความเดือดร้อนให้เศรษฐีท่านนี้อีก!”
“พี่หยาง คุณยาย! ครั้งนี้พวกเราซวยมากจริงๆ พวกเราคงชดใช้ให้เจ้าของรถคันนี้ไม่ไหว!”
ตู้ฉิงดึงแขนซูมู่หยางอยู่ด้านข้าง
หล่อนคงรู้สิ่งเลวร้ายที่อยู่ในเรื่องนี้ดี
“ตู้ฉิง ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ? เธอรู้ว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นใครงั้นเหรอ?” คุณยายรีบถามขึ้น
“ค่ะ!” ตู้ฉิงพยักหน้าลง “เมื่อครู่ฉันถ่ายรูปรถคันนี้ส่งให้พนักงานที่บริษัท เพราะมีพนักงานบางคนเคยทำงานที่ลัมโบร์กินีมาก่อน เขาบอกในกลุ่มว่า รถคันนี้เพิ่งขายออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อนด้วยราคาสิบแปดล้าน คนที่ซื้อเป็นเศรษฐีหนุ่ม ได้ข่าวว่า วันที่ซื้อรถ ผู้จัดการร้านยังต้องคอยเดินตามหลังเขา ให้เกียรติเขามาก จนผู้จัดการร้านยังต้องยอมถ่อมตัวให้!”
“อีกอย่าง ทุกคนรู้ไหมว่าผู้จัดการร้านลัมโบร์กินีเขตจินหลงคือใคร? เขาก็คือหวังเฉียง!”
ตู้ฉิงพูดด้วยความเคารพมาก
“คือคุณหวังเฉียงจริงด้วย ขนาดเขายังให้เกียรติเศรษฐีผู้นี้?”
“ผู้จัดการหวังเฉียงทุกวันนี้ที่อยู่ในจินหลงได้ เพราะรู้จักผู้คนมากมาย และมากความสามารถ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณยายร้อนใจมากขึ้น
“งั้นพวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นเศรษฐีคนนั้นมาเห็นเข้า พวกเราแย่กันหมดแน่!” คุณยายพูดด้วยความรีบร้อน
คุณยายผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ คงเข้าใจเรื่องแบบนี้ดี หากไปทำอะไรให้เศรษฐีตระกูลใหญ่โตไม่พอใจ คงเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน!
“คุณยาย พวกเราไปจากที่นี่ไม่ได้! ตอนนี้เขามีกล้องวงจรปิดกันหมดแล้ว!”
ซูหยิ่งพูดขึ้น
ตอนนั้นเอง ซูหยิ่งไม่ละสายตาออกจากรถหรูคันนี้เลย กระทั่งหล่อนลองคิดจินตนาการถึงตัวเองได้นั่งในรถหรูคันนี้
ถ้าแฟนของหล่อน หลี่เจี้ยนหนาน มีรถแบบนี้คงจะดีมากเลย!
แต่ทว่า ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
ในส่วนของถังหราน หล่อนคิดไปเกินกว่าคนอื่น เพราะหล่อนอยากรอจนกว่าเจ้าของรถจะมา
รถหรูมูลค่ายี่สิบล้าน เจ้าของรถคันนี้ต้องเป็นมหาเศรษฐีแน่นอน
นั่นก็หมายความว่าเรื่องนี้จะทำให้ใกล้ความฝันของหล่อนมากขึ้นไปอีก
แม้ว่าจะต้องมีเรื่องขัดแย้งกับมหาเศรษฐีท่านนี้ แต่ก็ต้องมีความพัฒนาขึ้นบ้างสิ!
“เฮ้อ หาคนไปรับเสี่ยวฉู่ก่อนเถอะ! เสี่ยวหยิ่งกับ เสี่ยวหรานพูดถูก พวกเราไปไหนไม่ได้ ไม่ไปไหนก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าหนีไป คงจะเดือดร้อนกันแน่นอน!”
คุณยายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม รู้สึกว่าตัวเองแก่จนสับสนไปหมดแล้ว
“คุณยาย ผมก็อยากไปรับ แต่ผมไม่กล้าไป!” ซูมู่หยางกลืนน้ำลาย
“ไม่เป็นไร นายไปรับก่อนเถอะ คุณยาย ทุกคนกลับไปเลี้ยงฉลองกันต่อเถอะ รถคันนี้ ชนไปแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะ!”
ในขณะเดียวกันนั้น มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังทุกคน
นั่นก็คือเฉินเกอ