ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี - บทที่88 ทำไมถึงมีคนจนขนาดนี้ได้
บทที่88 ทำไมถึงมีคนจนขนาดนี้ได้
“คุณป้า ป้า ป้า ป้าอย่าพูดแบบนั้น!”
หลินยียีอยู่ข้างๆดวงตาเบิกกว้าง
เธอไม่คาดคิดจริงๆเลยว่า คุณป้าพูดคำรุนแรงเช่นนี้ออกมาได้
คุณรู้ไหมว่าคนยืนอยู่ตรงหน้าคุณคือใคร? มหาเศรษฐีที่แท้จริง
ผู้สนับสนุนทั้งตระกูลหลินเลยนะ!
หลินยียีรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก
แต่ว่าเฉินเกอถูกด่าเช่นนี้ ก็แค่แอบโกรธเล็กน้อย เผชิญกับเสียงดูถูกเหล่านี้ รู้สึกชินชาตั้งนานแล้ว
หลินหงเซียะกำลังจะด่าทอ เฉินเกออีกครั้ง ให้เขารู้ว่ายากจะได้ถอนตัวไป
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น หยิบขึ้นมารับสาย
“อ๊ะ หวูเฉียงหรอ อุ้ย บอกว่าคราวหน้าจะให้คุณมาไม่ใช่หรือ! อะไรนะ! คุณอยู่ที่ประตูแล้ว ก็ได้ๆ ฉันออกไปรับคุณ!”
หวูเฉียงเป็นคนโทรเข้ามา หลินหงเซียะได้บอกเขาแล้ว ว่าวันนี้ไม่ต้องมา
แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่า หวูเฉียงก็ดันมาจนได้
เพราะอะไรนะ หลินหงเซียะคิด เพราะยังไงแฟนของหลินยียีก็จะเข้ามานะ ถึงแม้ว่าเธอจะชอบหวูเฉียงมากกว่า อยากให้หลินยียี ได้รู้จักกับหวูเฉียง ดีที่สุดคือรวมเป็นทองแผ่นเดียวกัน
แต่ถ้าหากแฟนของยียีเก่งและหล่อกว่า หวูเฉียงล่ะ?
ถ้าแฟนของ ยียีร่ำรวยกว่าครอบครัวของ หวูเฉียงล่ะ?
ถ้า……
สรุปก็คือหลินหงเซียะคิดกรณี ถ้าหาก ไว้มากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้คาดคิดถึงผลลัพธ์นี้
ไม่อยากจะพูดอีกแล้ว
ยียีกับเฉินเกอคนนี้ จะต้องเลิกกัน เดี๋ยวตัวเองก็จะกลับไปบอกกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตัวเองให้รู้เรื่อง ซึ่งก็คือพ่อของหลินยียี ทำเรื่องเหลวไหลอะไร!
“ว้าวๆๆ พี่หวูเฉียง มาแล้ว พี่ยียี พี่หวูเฉียง ก็จะไปร่วมงานปาร์ตี้เรือสำราญด้วยเหมือนกัน พี่สามารถทำความรู้จักกับพี่หวูเฉียง มากขึ้นนะ?”
พวกซูเหมยต่างพากันทำเหมือนเฉินเกอเป็นอากาศ ทิ้งไว้ด้านข้างตั้งนานแล้ว ในตอนนี้ แค่ต้องการจับคู่ หวูเฉียงกับหลินยียี
บังเอิญในเวลานี้ หวูเฉียงก็เดินตามหลินหงเซียะเข้ามา
“พี่หวูเฉียง พี่หล่อเพิ่งขึ้นอีกแล้ว!”
เมื่อซูเหมยได้เห็นเข้า ก็ยิ้มหวานทักทาย
หวูเฉียงตรงหน้า รูปร่างสูงหล่อเหลา และสวมเครื่องประดับเงินทองในมือ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคุณชายไฮโซ
“ฮ่า เสี่ยวเหมยยิ่งอยู่ยิ่งรู้จักพูดจาน่าฟังมากขึ้นจริงๆเลยนะ!”
หวูเฉียงเขย่านาฬิกาในมือเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูด
ทันใดนั้นสายตาก็ขยับเล็กน้อย สุดท้ายก็จ้องมองไปที่หลินยียี ที่งดงามราวกับเทพธิดา
“ให้ฉันเดาดู คนนี้ก็น่าจะเป็นหลายสาวของน้าหลิน ที่มาจากจินหลิง หลินยียีคนสวยใช่ไหม?”
จริงๆแล้ว หวูเฉียงเคยเห็นหลินยียีตั้งนานแล้ว อยู่ที่ มหาวิทยาลัยเจียงหนานกันหมด หลินยียีก็เป็นผู้หญิงที่สวยงามมาก จะไม่เห็นได้อย่างไร
จะพูดยังไงดี เพียงแค่สบตาเดียว เพียงสบตาเดียวเท่านั้น หวูเฉียงก็พบว่าตัวเองตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้แล้ว
สวยงามมาก สวยมากจนทำให้คนใจสั่น!
ดังนั้น วันนี้เมื่อได้ยินว่าจะได้พบเจอกัน ยังถูกน้าหลินตั้งใจจับคู่ หวูเฉียงดีใจมากจริงๆ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ให้เจอแล้ว หวูเฉียงที่ฉลาดเป็นกรด แค่ถามก็รู้ถึงสถานการณ์ ยิ่งไม่ให้เขามา เขาก็จะยิ่งมาให้ได้!
“อืม สวัสดี!”
หลินยียีพูดอย่างสุภาพ แต่หลังจากพูดเสร็จ ก็ไปยืนอยู่ข้างๆ เฉินเกอทันที
หรือว่าตัวเองจะไม่มีแรงดึงดูดมากขนาดนั้นเลยหรอ
หัวใจของหวูเฉียงมืดสลัว
จากนั้นก็หันสายตาไปทางเฉินเกอ
“คุณก็คือแฟนของสาวสวยยียีหรอ?” หวูเฉียงยิ้มไว้ ทำให้คนรู้สึกว่า ค่อนข้างใจกว้างและมีความสามารถนัก
“ฉันเอง!”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ คุณก็อยู่ในมหาวิทยาลัยเจียงหนานของเราด้วยหรอ? แต่ว่า ฉันไม่เคยเจอคุณเลยนะ!”
มุมปากของหวูเฉียง มีรอยยิ้มเสมอ รอยยิ้มแบบนั้น ทำให้คนรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
“ฉันไม่ได้มาจากมหาวิทยาลัยเจียงหนาน แต่มาจากมหาวิทยาลัยจินหลิง!”
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เฉินเกอได้ฝึกฝนออกมาตั้งนานแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะปล่อยพลังอำนาจของตัวเองออกมาขนาดไหน เฉินเกอก็ยังสามารถทำได้ โดยสีหน้าไม่เปลี่ยน จิตใจสงบนิ่งเงียบ
“มหาวิทยาลัยจินหลิง ก็ใช้ได้นะ ใช่แล้วเพื่อน ครอบครัวของคุณทำงานอะไร? ถึงสามารถจีบสาวสวยอย่างยียีได้สำเร็จ?”
“พี่หวูเฉียง ฉันมาบอกพี่ดีกว่า เขาเป็นคนบ้านนอก ที่บ้านเปิดร้านขายของชำเล็กๆในเมือง! พี่ดูการแต่งตัวของเขา ยังไม่เข้าใจอีกหรอ?”
ซูเหมยแย่งตอบ
ดั่งที่ว่า สถานะสูงสุดของการเพิกเฉยต่อบุคคลหนึ่ง คืออะไร? นั่นก็คือ ทั้งๆที่บุคคลนั้นอยู่ตรงหน้าคุณ แต่คุณก็ปฏิบัติเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตนเลย
คำพูดที่ทิ่มแทงหัวใจเช่นนี้ แค่เป็นคนปกติคนหนึ่ง ก็จะไม่พูดออกมาต่อหน้า
แต่ตอนนี้ซูเหมยไม่ได้เกรงใจเลย สามารถจินตนาการได้ว่า เธอดูถูกเฉินเกอมากแค่ไหน
“อ๋อๆ ที่แท้มาจากบ้านนอกนี้เอง สามารถเรียนหนังสือที่จินหลิงได้ นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ใช่แล้วพี่ชาย ถ้าหากมีปัญหาอะไรที่มหาวิทยาลัยจินหลิง สามารถบอกฉันได้เลย พ่อของฉันรู้จักอธิการบดีของพวกคุณ เรื่องอะไรแค่ประโยคหนึ่งก็จัดการเรียบร้อยทุกอย่าง! คุณต้องการสมัครทุนการศึกษา ก็สามารถหาฉันได้ เหอะๆ อย่าเห็นว่าฉันมาจากมหาวิทยาลัยเจียงหนาน ก็มีเส้นสายทั้งหมด! ใช่แล้ว เมื่อก่อนคุณเคยสมัครทุนการศึกษามาก่อนหรือเปล่า?”
เมื่อหวูเฉียงเห็นว่าเฉินเกอเพิกเฉยต่อเขามาโดยตลอด ก็มีใจที่อยากจะดูหมิ่นตั้งนานแล้ว เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
“เคยสมัคร เคยสมัครสามปีติดต่อกันแล้ว เมื่อก่อนฉันต้องพึ่งทุนการศึกษาจ่ายค่าเทอม!”
เดิมทีวันนี้ เฉินเกอแค่ต้องการที่จะมาทำให้คุณป้าของหลินยียีเสียหน้า แต่ในตอนนี้ เฉินเกอตัดสินใจที่จะเก็บตัวเงียบหน่อยดีกว่า
มีสามเหตุผล
ประการที่หนึ่ง เฉินเกอเคยสมัครทุนการศึกษาจริงๆ และเคยเอามาจ่ายค่าเทอมจริงๆ นี่คือความจริง ไม่จำเป็นต้องหลอกลวงผู้คน
ประการที่สอง เฉินเกอนึกคิดดู ต่อให้จะช่วยหลินยียี แต่ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยถึงสิ้นสุด เฉินเกอก็ถือว่าดูออกแล้ว ดูเหมือนหลินยียีไม่เพียงต้องการให้ตัวเองแกล้งทำเป็นแฟนของเธอเท่านั้น แต่ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์อีกระดับหนึ่ง
ไม่ใช่การหลงตัวเอง มันสามารถรู้สึกได้จริงๆ
แม้ว่าเฉินเกอจะชอบผู้หญิงสวยๆ โดยพื้นฐานแล้ว เห็นคนที่สวยก็ชอบเลย นี่เป็นเพราะลักษณะตามนิสัย แต่เฉินเกอก็ไม่ได้ห่วยแตกขนาดนั้น
เขาต้องการหาผู้หญิงที่จิตใจพุ่งชนกันแบบนั้น มาเป็นแฟนเสมอมา
แล้วเดินไปด้วยกันเรื่อยๆ
แต่หลินยียีไม่ใช่แน่นอน นั่นคือเมื่อทั้งสองพบกันครั้งแรก หลินยียีตบหน้าตัวเองจนบาดเจ็บ มีการปะทะกันทางร่างกาย
ดังนั้น เฉินเกอจึงไม่อยากที่จะเด็ดเดี่ยวเช่นนี้
สำหรับประการที่สาม เฉินเกอไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเขาอีกแล้ว ความรู้สึกที่ถูกคนจับตามองแบบนี้ ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร แต่เฉินเกอค่อนข้างอึดอัด
“ให้ตายเถอะ ต้องพึ่งทุนการศึกษาจ่ายค่าเทอม ยังต้องจ่ายสามปี แม่เจ้า นี่ต้องจนถึงขนาดไหนกัน?”
“ให้ตายเถอะๆ! ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงกลับจนขนาดนี้ และยังหนังหน้าแบบไหน ที่สามารถให้คนคนหนึ่ง สมัครรับเงินทุนอุดหนุนเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน ถ้าเป็นฉัน เพียงสมัครแค่ครั้งเดียว รู้สึกอับอายมากแล้ว ฉันอยากจะไปตายแล้ว!”
ซูเหมยกับสาวๆเหล่านั้น คุยวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตกตะลึง
หลินหงเซียะในตอนนี้ ยิ่งขมวดคิ้วมุ่ม ยียีบ้าไปแล้วหรือนี่!
หาคนแบบนี้มาทำไมนะ?
“เหอะๆ ว่ากันว่าลูกของครอบครัวยากจน จะโตดูแลครอบครัวเร็วกว่า พี่ชาย จุดนี้คุณไม่เลวเลยนะ แต่ถ้าอนาคตคุณขาดเงิน ฉันสามารถให้คุณยืมได้บ้าง เพราะยังไงแล้ว ฉันกับยียีเป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ต่อไปทุกคนก็เป็นเพื่อนกันแล้ว!”
หวูเฉียงพูดด้วยรอยยิ้ม
แต่ถึงแม้จะเล็ก ก็ไม่สามารถซ่อนความดูถูกในคำพูดได้
เห็นได้ชัดว่าเขาเก่งมากในวิธีการฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือด ทุกประโยค เป็นการเยาะเย้ยเฉินเกอต่อหน้าผู้คนทั้งหมด แต่ว่า ก็ไม่สามารถจับผิดอะไรได้
ก็ควรค่าแก่การเป็นประธานนักศึกษา ทักษะทางภาษาดียิ่งนัก
“ขอบคุณนะ แต่ว่าไม่จำเป็นแล้ว!”
เฉินเกอแค่ยิ้มจาง ๆ
“ก็ไม่ต้องอาย ใช่แล้วพี่ชาย คุณมาเรียนในเมืองจินหลิง สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ เคยไปเที่ยวหรือยัง? ถนนการค้าจินหลิงเหล่านี้ ต้องไปเยี่ยมชมบ้างนะ และยังมีเวินฉวนซาน มาถึงจินหลิงทั้งที ไม่เข้าไปเยี่ยมชมหน่อยจะได้ยังไง? เอาอย่างนี้ไหมวันหลังคุณหาฉัน ฉันพาคุณไปรอบหนึ่ง พ่อของฉันรู้จักท่านประธานร้านอาหารในถนนการค้าจินหลิงของพวกคุณ ถ้าหากไป ฉันมีเส้นสาย!”
“โอ้ย พี่หวูเฉียง พี่ลืมไปแล้วหรอว่า พี่ยียีของเราทำเกี่ยวกับอะไร? ต่อให้เฉินเกอจะไป ก็แค่คำพูดประโยคเดียวของพี่ยียีเท่านั้น!”
ซูเหมยยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ก็จริง คุณดูสิว่า ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ฉันแค่คิดว่าพี่ชายเฉินเกอคนนี้ที่บ้านยากจน เลยไม่เคยไปที่ไหนมาก่อน ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาคบกับเสาวสวยยียี น่าจะไปถนนการค้าจินหลิงบ่อยอยู่นะ!”
“โอ้ย ให้ตายเถอะ ฉันลืมแล้ว ลืมแล้ว ฮ่า!” หวูเฉียงตบหัวแล้วหัวเราะ