ที่จริงแล้ว ข้าคือเซียนผู้ยิ่งใหญ่ - ตอนที่ 35
ตอนนี้อาจงงๆหน่อย ผู้แปลง่วงมาก
…………………………..
ช่างเป็นน้ำที่สวยงามยิ่งนัก
นี่คือน้ำแตงโมจริงๆหรอ
แตงโมกลายเป็นน้ำแบบบนี้ได้ยังไง
ต้าจีทนไม่ได้ที่จะดื่มมัน
เห็นได้ชัดว่าน้ำผลไม้เป็นสิ่งที่หายากในโลกของ ผู้ฝึกตน ยกเว้นน้ำและเหล้าไม่มีเครื่องดื่มอื่น ๆ ในโลกของ ผู้ฝึกตน
นอกจากนี้ยังมีฟาง(หลอด)สอดอยู่ในถ้วยนาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน แต่นางเดาประโยชน์ของมันได้ในพริบตา
มันดูน่าทึ่งมาก
ถ้าอยู่กับ หลี่กงซี มักมีเรื่องประหลาดใจอยู่ทุกหนทุกแห่ง
หลังจากมองไปรอบ ๆ แล้วนางก็หยิบถ้วยขึ้นมาใช้ปากกัดฟางแล้วดูดเล็กน้อย
อ๊ะ
น้ำแตงโมเย็น ๆ ไหลเข้าปากนางไปตามฟางทันทีมันกระทบลิ้นของนาง
”แอ่ว!”
สะดวกสบาย
น้ำแตงโมนี้สามารถดึงรสชาติของแตงโมมาได้อย่างสมบูรณ์แบบทันทีที่เข้าปาก รสหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของแตงโมก็ตามเข้าไปในปากและลิ้นที่รับรสก็ราวกับกำลังเต้นระบำอยู่
น้ำผลไม้ปกคลุมลิ้นของนางและสัมผัสเย็น ๆ ทำให้ ต้าจี สั่นเล็กน้อยและความเหนื่อยล้าจากการเล่นหมากรุกได้ฟื้นคืนมาอย่งารวดเร็ว
วพวกมันเป็นแตงโมเหมืนกัน แต่การดื่มน้ำแตงโมะทำให้สดชื่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด นางไม่จำเป็นต้องเคี้ยว แค่กลืนมันโดยตรงความสุขแบบนี้ไม่สามารถจินตนาการได้เมื่อกินแตงโมแบบเป็นลูก
ตง.
น้ำแตงโมไหลลงคอ
น้ำหวานช่วยทำให้ลำคอที่เคยแห้งของนางกลับมาชุ่มชื่นและเกือบทำให้นางคร่ำครวญ
น้ำหวานไหลผ่านทุกซอกทุกมุมของร่างกายและจากนั้นก็เข้าไปในกระเพาะราวกับว่ามันได้ล้างจิตวิญญาณของนางอีกครั้ง
ต้าจี อดไม่ได้ที่จะหลับตาและสัมผัสกับความรู้สึกนี้อย่างระมัดระวัง
ในขณะนี้นางรู้สึกว่าเซลล์ทั่วร่างกายของนางสั่นด้วยความตื่นเต้น
อร่อยมาก!
สนุกมาก!
ข้ามีชีวิตอยู่เป็นพันปีและมันเป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกว่าชีวิตช่างสวยงามมาก
นอกจากรสชาติแล้วพลังงานในน้ำแตงโมยังไหลเข้าสู่แขนขาและโครงกระดูกของนางมันซึ่งเคลื่อนที่ไปทั่วทุกมุมของร่างกาย
พลังวิญญาณที่อ่อนแอในร่างกายเริ่มฟื้นตัวทีละเล็กทีละน้อย
“ นี่ไม่ใช่แตงโมธรรมดาแน่นอน แต่เป็นผลไม้เทพบนสวรรค์า!”
ต้าจี เหลือบมองไปที่ หลี่ เหนียนฟ่าน อย่างลับๆดวงตาที่สวยงามของนางเต็มไปความรู้สึกขอบคุณ “ปรมาจารย์หลี่ ใจดีกับข้ามากถึงขนาดเต็มใจที่จะแบ่งมันให้ข้า”
นางอยากจะชิมน้ำแตงโมที่มีค่าเช่นนี้ทีละนิด แต่น้ำแตงโมอร่อยมากจนนางหยุดกินไม่อยู่
”vn,”
นางดูดและน้ำแตงโมเร็วขึ้น
ความรู้สึกนี้ดีมากจนนางไม่สามารถหยุดมันได้
เมื่อนางหันกบับมาน้ำแตงโมอีกแก้วก็ไม่อยู่แล้ว
แก้มของต้าจีแดงระเรื่อเล็กน้อยและนางก็พูดอย่างเขิน ๆ : “ขอโทษค่ะ น้ำแตงโมมันอร่อยมาก จนข้าหยุดกนไม่ได้ … “
หลี่ เหนียนฟ่าน หัวเราะและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรถ้าเจ้าชอบมัน”
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเปิดโล่ง แสงอาทิตย์สาดส่อง
หลี่เหนียนฟานตื่นแต่เช้าเพื่อปรุงยาให้ต้าจี
เมื่อเขาเปิดประตูลานเขาก็ผงะเล็กน้อยมองไปที่นักปราชญ์ที่นั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่หน้าประตูด้วยความประหลาดใจ
วันนี้เขาดูแตกต่างจากครั้งที่แล้ว เขาไม่ได้สวมรองเท้าด้วยซ้ำมีคราบสกปรกและวัชพืชติดอยู่ที่เท้าเขา
ความคิดของ เมิง จุนเหลียงกำลังล่องลอยออกไป ดวงตาของเขาดูเฉื่อยชาและข้าก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อเขาเห็น หลี่ เหนียนฟ่าน เขาจึงกลับมามีสติและกล่าวอย่างเคารพว่า: “คารวะ หลี่ กงซี”
“ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หลี่เหนียนฟานขมวดคิ้วและถามอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ผู้ชายเพ้อเจ้อคนนี้และปรากฏตัวที่ประตูของเขาในตอนเช้ามันทำให้ หลี่ เหนียนฟ่าน กลัว
”ข้าน้อย ถูกดึงดูดโดยโคลงคู่นี้ที่ประตูของท่านแต่ข้าไม่กล้าพอที่จะรบกวน หลี่ กงซี” เมิง จุนเหลียงโค้งคำนับอย่างเคารพต่อ หลี่ เหนียนฟ่าน
ลืมมันไป ข้าไม่ต้องการโกรธคนเช่นนี้
หลี่ เหนียนฟ่าน พูดอย่างหมดหนทาง: “แลเวเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เมิง จุนเหลียงกล่าวว่า“ ตั้งแต่วันนั้น ข้าน้อย ได้ปฏิบัติตามคำสอนของ หลี่ กงซี โดยสังเกตแก่นแท้ของทุกสิ่งไม่ว่ามดบนพื้นดิน ชีวิตของคนหรือแม้แต่การผันเปลี่ยนของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาว มีการเปลี่ยนแปลงลึกลับมากมาย แต่ยังคงมีปัญหาที่ทำให้งงดังนั้นข้าจึงมาหา หลี่ กงซี เพื่อขอคำแนะนำ “
ผู้ชายคนนี้จริงจังมาก
“ มีปัญหาอะไร?” หลี่เหนียนฟานต้องการส่งเขากลับไปโดยเร็ว
เมิ่งจุนเหลียงมองไปที่โคลงข้างประคู อย่างเคร่งขรึมเหมือนนักแสวงบุญ “ปรมาจารย์หลี่บอกคำตอบกับข้าแล้ว ข้าเข้าใจมันแล้ว”
”เจ้ารู้แจ้งอีกครั้งหรือ?” หลี่เหนียนฟานกลอกตา วงจรสมองของผู้ชายคนนี้แตกต่างจากคนปกติจริงๆ
เมิง จุนเหลียงพูดอย่างถ่อมตัว: “ข้าตระหนกรู้ได้เป็นครั้งคราวสิ่งนี้ต้อง ขอบคุณหลี่กงซ๊”
“ ก็แล้วแต่เจ้า ” พอหลี่เหนียนฟานพูดจบเขาก็รีบปิดประตูใส่
ผู้ชายคนนี้ไม่น่าไว้ใจ ข้าควรควรอยู่ห่าง ๆ เขาไว้
เมิ่งจุนเหลียงยังคงนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่จ้องมองไปที่โคลงสั้น ๆ ร่างกายของเขาดูเลือนลางเล็กน้อยคลายเมฆหมอก
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขาได้เห็นการเกิด แก่ เจ็บ และตายมามากเกินไปไม่ว่าจะเป็นพืชสัตว์หรือมนุษย์เขาได้สังเกตและทำความเข้าใจกับมัน แต่เขาก็มีคำถามมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังเริ่มตั้งคำถามกับความคิดของตัวเอง
มนุษย์สามารถอยู่ตลอดไปได้จริงหรือ?
การมาในครั้งนี้สิ่งที่เขาอยากจะถามคือหนทางแห่งความเป็นอมตะ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นโคลงที่ประตูของ หลี่ เหนียนฟ่าน เขาก็หยุดเดินไปข้างหน้าราวกับถูกฟ้าผ่า
“ ข้ามาจากโลกมรรตัยและมาที่นี่เพื่อเป็นอมตะ”
นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาตวามหาเหรอ?
ผู้เชี่ยวชาญคือผู้เชี่ยวชาญและรู้ว่าข้าจะถามคำถามนี้แม้ว่าข้าจะยังไม่เอ่ยปากก็ตาม เขาจึงเขียนคำตอบไว้หน้าประตูก่อนการมาถึงของข้า
คำง่ายๆ 10 คำนี้ แฝงด้วยมหาวิถีเตาที่ยิ่งใหญ่ มันทำให้เมิงจุนเหลียงราวกับรู้แจ้งวัฏจักรชีวิต
เขานั่งตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง
เมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่บนกลางฟ้า เขายังคงไม่ขยับสายตาของเขายังคงจ้องไปที่โคลง และบางครั้งเขาก็รู้สึกง่วงเล็กน้อย
เสื้อคลุมยาวบาง ๆ แขวนอยู่ทั้งสองข้างของเขาและบางครั้งก็มีลมพัดมาดึงริบบิ้นที่ผมของเขาขึ้น
ในตอนบ่ายจักรพรรดิหลัวพา ลั่วซือหยู และเดินต้านขึ้นไปบนยอดเขาอย่างรีบร้อน
พวกเขานอนไม่หลับทั้งคืนและในที่สุดก็รวบรวมยาวิเศษทั้งหมดในราชวงศ์มาได้ และเร่งมาทันที พวกเขาต้องการมอบให้หลี่เหนียนฟ่านเป็นคนแรก
ในขณะนี้การแสดงออกของ ลั่ว เฉิงฮวงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ย่อ: “มีสัตว์ประหลาดอยู่ข้าหน้า!”
ใบหน้าของ ลั่ว ซือหยูก็มืดลงและพูดอย่างเป็นห่วง: “พ่อพวกเขาจะไปไหน”
”ดูเหมือนว่าจะไปทางบ้านปรมาจารย์! และความแข็งแกร่งไม่ได้อ่อนแอดูเหมือนว่าจะเป็นราชาปีศาจสองหัว!”
ใบหน้าของ ลั่ว ฮวงแย่มากและเสียงของเขาก็แหบขึ้นและรีบพูดว่า: “ถ้าพวกเขารบกวนผู้เชี่ยวชาญ พวกดเราจะซวยจริงๆ! ไปขวางพวกเขา!”
ลั่ว ฮวงและ ลั่ว ซือหยูเร่งฝีเท้าและวิ่งไปที่ภูเขา
ถ้ามันส่งผลกระทบต่อการฝึกตนในวิถีมรรตัยของปรมาจารย์ ท่านอาจโกรธ สิ่งนี้จะทำให้เขากระอักเลือดแน่ๆ
ข้าชะล่าใจเกินไปและไม่มีใครอยู่ปกป้องสถานที่ของผู้เชี่ยวชาญ
หัวใจของ ลั่ว ฮวงขมขื่นมากและหวังว่าจะฆ่าราชาปีศาจได้ก่อนมันไปถึงบ้านปรมาจารย์
ในเวลาเดียวกันสัตว์อสูรสองหัวมาถึงเนินเขาหัวหนึ่งคือหัววัวและอีกหัวคือหัวหมาป่า พวกมันมองบ้านที่อยู่ข้างหน้า