ที่จริงแล้ว ข้าคือเซียนผู้ยิ่งใหญ่ - ตอนที่ 38
เสียงของ หลิน ชิงหยุน ดังมาจากด้านนอกประตู
“ ปรมาจารย์หลี่ท่านอยู่ที่บ้านไหม?”
หลี่ เหนียนฟ่านตอบกลับ “เข้ามาเลย”
แอ้ดดดดด
หลิน ชิงหยุน ผลักประตูเข้ามา
เมื่อนางเห็น ลั่ว ฮวงและ ลั่ว ซือหยู นางเลิกคิ้วขึ้น
ข้ามาช้าจริงๆ
เมื่อนางเห็นโอสถที่จกระจายทั่วพื้นและดวงตาที่สวยงามของนางแสดงอาการตกใจ
ดูเหมือนว่าราชวงศ์เฉียนหลงอมตะก็ตัดแม้แต่เนื้อตัวเองออกมาเช่นกัน แต่โชคดีที่นางมองการณ์ไกลและนำโอสถที่ล้ำค่าที่สุดของ ศาลาอมตะ หลิงหยุนมาด้วย
”ปรมาจารย์ หลี่, นี่คือความคิจริงใจจาก ศาลาอมตะ หลิงหยุน”
หลินชิงหยุนโบกมือและโอสถสิบหกเม็ดก็ปรากฏตัวต่อหน้าเนาง
การปรากฏตัวของโอสถเหล่านี้แปลกมาก มันมีแสงรัศมีหลากสีสะท้อนให้เห็น โอสถทั้งหมดเต็มไปด้วยพลังงานโปร่งแสงและดูสวยงาม
”นี่มัน … โอสถชั้นยอด!”
ต้า จี ตกตะลึงและดวงตาของ ลั่ว ฮวงและ ลั่ว ซือหยูก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน หลิน ชิงหยุน ก็ยิ้มที่มุมปากแต่ในใจของนางเต็มไปด้วยความคร่ำครวญช
จากภูมิหลังของ ศาลาอมตะ หลิงหยุนของข้าโอสถชั้นยอดทั้งสิบหกเม็ดนี้อาจไม่สามารถผลิตออกมาได้มากนัก
ระดับของโอสถในโลกแบ่งออกเป็นระดับต้น กลาง สูงและสุดยอด!
โอสถชั้นยอดคือโอสถที่ทำมาจากรากจิตวิญญาณแท้!
ข้ากลัวว่าโอสถวิญญาณที่แท้จริงจะสามารถหาได้จากผู้เป็นอมตะเท่านั้น แต่รากจิตวิญญาณแท้แม้จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ก็ถือได้ว่าเป็นสมบัติเช่นกัน
หลี่เหนียนฟานผงะไปชั่วขณะเมื่อพิจารณาจากลักษณะของโอสถเหล่านี้และปฏิกิริยาของผู้คนรอบตัวเขาเห็นได้ว่าโอสถเหล่านี้มีความพิเศษและความใจกว้างจากหลินชิงหยุน
”ข้าขอโทษ ถ้ามีอะไรที่ข้าช่วยได้ในอนาคตอย่างลังเลที่จะบอก” เขาไม่ปฏิเสธ ก่อนสูดหายใจเข้า
ครั้งนี้ข้ามีหนี้จำนวนมากที่ต้องชำระ
แต่เขาไม่มีทางปฏิเสธเพราะโอสถเหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากต่ออาการบาดเจ็บของต้า จี
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน หลิน ชิงหยุน ควรเป็นนักวิชาการและนักชิมหากนางต้องการอักษรคัดลายมือหรือรูปวาดเขาก็จะให้
เพื่อที่จะได้ภรรยาที่สวยงามในอนาคตแม้หัวใจข้าสลายข้าก็ยอม
ใครเล่าจะเข้าใจความทุกข์ของหมาตัวเดียว(โสด)!
เมื่อ หลิน ชิงหยุน เห็น หลี่ เหนียนฟ่านยอมรับ นางก็มีความสุขมาก
เมื่อนางพูดนางตั้งใจใช้ทักษะเล็กน้อยและมอบโอสถให้หลี่เหนียนฟานในนามของ ศาลาอมตะ หลิงหยุนแทนที่จะเป็นตัวนางเองเพื่อที่จะเข้าใจทัศนคติของ หลี่ กงซีต่อ ศาลาอมตะ หลิงหยุน
ปรมาจารย์ หลี่ ไม่เพียง แต่ยอมรับ แต่เขายังพูดแบบนี้อีกด้วยหมายความว่า ศาลาอมตะ หลิงหยุนิ จะมีผู้ยิ่งใหญ่มาหนุนหลังแล้วรึเปล่า?
เมื่อนึกถึงมันใบหน้าของ หลิน ชิงหยุน ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและรู้สึกว่านางกำลังลอยขึ้นสวรรค์
ต้า จี กัดริมฝีปากของนางอยู่ที่ด้านข้างและมองไปที่ หลี่ เหนียนฟ่านอย่างงี่เง่าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลจากดวงตาของนาง
หลี่ กงซีเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก อาศัยอยู่ในความสันโดษในภูเขา แต่เพื่อประโยชน์ของนางเขาเต็มใจที่จะเป็นหนี้ต่อหลิงหยุน ความเมตตาที่เขามีให้นางยิ่งนานวันยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลั่ว ฮวงและ ลั่ว ซือหยูมองไปที่ หลิน ชิงหยุน ด้วยความอิจฉา ศาลาอมตะ หลิงหยุนสามารถกอดต้นหลี่ กงซี ไว้ได้
น่าเสียดายที่ภูมิหลังของราชวงศ์เฉียนหลงอมตะไม่ดีเท่าศาลาอมตะ หลิงหยุนมิฉะนั้น หลิน ชิงหยุน จะคว้าโอกาสนี้ได้อย่างไร
ท่านหลี่ท่านอยู่ที่บ้านหรือไม่” เสียงชายชราดังมาจากนอกประตูอีกครั้ง
ไป๋ หวู่เฉินและ จ้าว ชานเฮอ ได้มาถึงแล้ว
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในประตูพวกเขาทั้งสองคนก็ตกตะลึงกับโอสถที่อยู่เต็มลาน พวกเขากัดริมฝีปากด้วยความขมขื่น
ข้าควรเดาได้แล้วว่าสู้ไม่ได้
โอสถของนิกายของพวกเขานั้นด้อยกว่าราชวงศ์เฉียนหลงและหลิงหยุนโดยสิ้นเชิงภายใต้สถานการณ์แบบนี้ พวกเขาจะกล้าเอาโอสถออกมาได้ยังไง
ไป๋ หวู่เฉินและจ้าว ชานเฮอยิ้มให้กันอย่างขมขื่นและเก็บแหวนที่เตรียมไว้
“ เจ้านิกายไป๋เจ้านำโอสถมาด้วยหรือ?” ลั่ว ฮวงถามด้วยรอยยิ้ม
ไป๋ หวู่เฉินพูดอย่างหมดทาง: “ลั่ว ฮวงอย่ามาหยอกล้อกับพวกเรา บางอย่างนิกายของเรามีแต่เจ้าไม่มี เจ้าควรสุขใจกับสิ่งที่เจ้ามี”
เมื่อเห็น ไป๋ หวู่เฉินเป็นเช่นนี้ในที่สุดหัวใจของ ลั่ว ฮวงก็ดีขึ้นมาก ผลประโยขน์ที่ได้ในครั้งนี้มีไม่มาก
จ้าว ชานเฮอครุ่นคิดเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะกล่าวว่า: ท่านหลี่ ข้าไม่มีโอสถ แต่ข้านำเมล็ดมาในครั้งนี้เมล็ดพันธุ์นี้ได้มาจากโชคเมื่อบรรพบุรุษของข้าเดินทางไปในโบราณสถานปริศนา แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่านี่คือเมล็ดพันธุ์อะไร “
“ บรรพบุรุษของเจ้าล่วงลับแล้วไม่ใช่หรือ?” ไป๋หวู่เฉินผงะและอดไม่ได้ที่จะถาม“ เฒ่าจ้าวอย่าพูดถึงเรื่องนี้บรรพบุรุษของเจ้ามีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันปีแล้วใช่ไหม เมล็ดพันธุ์อะไรที่สามารถอยู่ได้นานขนาดนี้ ?”
เขากำลังเตือน จ้าว ชานเฮอ เขากลัวว่าฌฒ่าจ้าวกำลังหลอกลวงประมาจารย์หลี่ และตอนจบของเขาก็ต้องน่าสังเวชแน่ๆ
เขาจพหลอกลวงผู้เชี่ยวชาญได้อย่างไว?
”ข้ารู้ว่ามันร้ายแรงแค่ไหน ข้าจะกล้าโกหกเหรอ” จ้าว ชานเฮอหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ในมือออกมา “ข้ารู้สึกได้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่และ … “
ใบหน้าของ จ้าว ชานเฮอรู้สึกอายเล็กน้อยและเขาก็ไอเบา ๆ : “ตอนที่ข้ายังเด็กข้าซนข้าเคยขโมยเมล็ดพันธุ์ชนิดนี้ข้าพบว่ามันยากที่จะสร้างความเสียหายด้วยดาบและมันไม่ได้ถูกทำลายด้วยไฟหรือ น้ำ! ข้ายังสงสัยว่ามันยังเป็นเมล็ดพันธุ์ต้นไหมอยู่รีเปล่า”
สายตาของทุกคนที่มองไปที่ จ้าว ชานเฮอแปลกๆ
ไม่น่าเชือว่าตอนชายชราผู้นี้ยังเด็กเขาจะซนมาก
แต่ตอนนี้ทุกคนก็สงสัยเหมือนกันว่าเมล็ดพันธุ์อะไรถึงพิเศษขนาดนี้?
หลี่เหนียนฟานก็อยากรู้เช่นกัน เขาหยิบกล่องไม้มาและเปิดมัน
เขาเห็นเมล็ดกลมๆที่ดูไม่ธรรมดานอนอยู่ในกล่องไม้
ขนาดมันใกล้เคียงกับเมล็ดพันธุ์ทั่วๆไป สีเมล็ดมีสีฟ้า มันไม่มีความมันวาวและไม่มีความผิดปกติใด ๆ และมันดูธรรมดามาก
“ เจ้าแน่ใจหรือว่ามันนี้ยังมีชีวิตอยู่?” ลั่ว ฮวงมองไปที่มันเป็นเวลานานและมองไปที่ จ้าว ชานเฮออย่างสงสัย
จ้าว ชานเฮอกล่าวอย่างเชื่องช้า: “น่าจะ … อาจจะยังมีชีวิตอยู่”
หลี่เหนียนฟานขมวดคิ้วเล็กน้อยหยิบเมล็ดขึ้นมาและสูดดมก่อนที่จมูกของเขา
ประสบการณ์ของแพทย์ได้บอกเขาว่านี่เป็นเมล็ดพันธุ์จริงๆและมันยังไม่ตายอย่างสมบูรณ์มันอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย
มันตายไปแล้วครึ่งหนึ่งแต่มันก็ยังไม่ตายสนิท แต่มันน่าจะไม่สามารถเติบโตได้แล้ว
”ข้าเป็นแพทย์กำมะลอถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันคือพืชชนิดใด แต่การตัดสินพืนฐานของข้ามันน่าจะไม่ผิดพลาด” หลี่ เหนียนฟ่านแอบพูดในใจ
เขามองไปที่ จ้าว ชานเฮอและถามว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่ามันไม่กลัวไฟ?”
จ้าว ชานเฮอพยักหน้า
“ ถ้าอย่างนั้นข้าต้องลอง”
หลี่เหนียนฟานหยิบบอลมังกรเพิลงขึ้นมา “เผามัน!”
ฟู่!
เปลวไฟขนาดเล็กที่พุ่งออกมาจากบอลเพลิงมังกรนั้นไม่ได้อันตราย
”หือน่าสนใจ”
หลี่เหนียนฟานประหลาดใจมากไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์อะไรก็ตามมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะกลัวไฟ แต่เมล็ดพันธุ์ชนิดนี้กลับไม่กลัวไฟ