ที่จริงแล้ว ข้าคือเซียนผู้ยิ่งใหญ่ - ตอนที่ 43
อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการฝึกตนสู่อมตะ
ไม่ใช่พลังวิญญาณหรือพรสวรรค์ แต่เป็นการรู้แจ้ง!
เต๋าเป็นรากฐานของการฝึกตนและด้วยความเข้าใจที่มากเพียงพอเกี่ยวกับเต๋าเท่านั้น ถึงเราจะฝ่าคอขวดได้
บางคนมีคุณสมบัติในการฝึกตนที่ยอดเยี่ยมและมีทรัพยากรเพียงพอ แต่ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าที่มากพอ พวกเขามีโอกาสูงที่จะติดอยู่ในขอบเขตนั้นๆไปชั่วชีวิต!
ดังนั้นการฝ่าคอขวดจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆของวิถีแห่งการฝึกตน !
สำหรับผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนคอขวดนั้นหมายถึงชีวิตและความตาย!
และถ้าความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าไม่เพียงพอ การฝ่าด่านอาจผิดพลาดถึงขั้นแตกสลายหรือธาตุไฟเข้าแทรก มันง่ายที่จะถูกนำพาไปสุ่เส้นทางที่ชั่วร้ายและจะกลายเป็นปีศาจ จุดจบของคนพวกนี้คงไม่ต้องกล่าวถึง
ดังนั้นความรู้แจ้งจึงมีค่ามหาศาล ผู้ฝึกตนสามารถพบได้แต่หาไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดมันคือโชคและวาสนาของคนๆหนึ่ง
แต่เพียงหนึ่งถ้วยชากลับสามารถนำพาสู่การรู้แจ้งได้? !
ภายในใจของฉินม่านยุนจากวังเต๋าหลินเซียน ข้ารู้สึกเหมือนฝัน ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย
ฮึบ!
พลังจิตวิญญาณในห้องโถงทั้งหมดเกิดความสับสนอลหม่านและพลังวิญญาณจากภายนอกดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยบางสิ่งบางอย่างมารวมกันที่ห้องโถงอย่างรุนแรง
ลั่วฮวงและ ฉินม่านยุนมองไปที่ ลั่วซือหยูที่ยังคงปิดตาอยู่
… นางฝ่าด่าน!
รัศมีสีทองหลายชั้นโผล่ออกมาจากร่างของ ลั่วซือหยูในพริบตารัศมีเหล่านี้รวมตัวกันเป็นเปลวไฟสีทอง มันเป็นเปลวเพลิงจากแก่นทองคำ!
พลังวิญญาณที่ไม่มีที่สิ้นสุดดูเหมือนจะกลายเป็นสารอาหารของเปลวไฟสีทอง พลังวิญญาณมากมายพุ่งเข้าหาเปลวไฟทำให้เปลวไฟใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ในไม่ช้าห้องโถงทั้งห้องก็สว่างวาบเต็มไปด้วยเปลวไฟสีทอง
ลั่วฮวงยกมือขึ้นและปล่อยสองสามฝ่ามือเพื่อตัดขาดโลกภายนอก
เมื่อฝ่าด่านต้องไม่มีใครมารบกวน
คนส่วนใหญ่มักจะเตรียมการล่วงหน้าเมื่อจะฝ่าด่าน พวกเขาจะเหมือนลั่วซือหยูที่ก้าวหน้าอย่างกระทัรหันได้ยัไง
ข้ากลัวว่าแม้แต่ ลั่วซือหยูเองก็ไม่ได้คิดว่าชาจะทำให้เนางฝ่าด่านได้
นี่คือ แก่นทองคำ และการเข้าสู่ แก่นทองคำ ถือเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำหรับผู้ฝึกฝน!
ข้าไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ไม่สามารถเข้าถึงระดับนี้ได้ในช่วงชีวิตของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ลั่วฮวงและ ฉินม่านยุนมีใบหน้าที่ซับซ้อนและพวกเขาก็ไม่แปลกใจ แต่ค่อนข้างเสียใจ
การรู้งแจ้งแห่งวิถีเต๋าที่อยู่ในถ้วยชานั้นีมากมาย แม้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่สภาวะแห่งการรู้แจ้ง และพวกเขาก็ได้รับประโยชน์มากมาย แต่ ลัวซือหยูอยู่ในขั้นสร้างรากฐานเท่านั้น
ชาที่ดีแบบนี้ถูกผู้ฝึกตนในขั้นสร้างรากฐานดื่มจริงๆ มันเสียเปล่า!
หนึ่งเค่อต่อมาเปลวไฟสีทองบนร่างของ ลั่วซือหยูก็สั่นทันใดนั้นเหมือนนกอพยพที่กลับบ้านพวกมันไปรวมตัวกันไปที่ตันเถียนของ ลั่วซือหยู
เป้ง!
ราวกับว่ามีเสียงระฆังดังขึ้นและแก่นทองคำก็ถูกสร้างขึ้นในตันเถียนของ ลั่วซือหยูและมันเริ่มหมุนวน
แก่นทองคำ!
ลั่วซือหยูค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
ตอนที่ข้าได้พบกับท่านหลี่เหนียนฟาน ข้ายังไม่ถึงขั้นสร้างรากฐานมันเป็นเวลาเพียงเดือนกว่า ๆ และข้าก็เข้าสู่แก่นทองคำจริงๆ
มันเร็วมากจนเหมือนกับความฝัน ถ้าเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครคิดเชื่อ
หลี่กงซีอยู่อย่างสันโดษในราชวงศ์เฉียนหลงเซียนนี่ถือเป็นโชคดีของราชวงศ์เฉียนหลงเซี่ยนทั้งหมด!
ลั่วซือหยูได้คิดถึงความเป็นไปได้แล้วดูจักรพรรดิ ลั่วลังเลที่จะพูดว่า “ท่านพ่อ มันเป็นชา … “
พัพ!
จักรพรรดิลั่วเซไปครู่หนึ่งและก่อนจะล้มลงบนเก้าอี้
ใบหน้าของเขาซีดลงทันที เมื่อกี้เขาตกใจก่อนที่จะมีเวลาคิดเรื่องนี้ เมื่อเขาคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง เขารู้สึกเหมือนสมองของเขาจะระเบิด
”ซิ่ว นี่ นี่ … เจ้าเอาชานี้มาจากไหน?” ลั่วฮวงถามด้วยนิ้วที่สั่นเทา เขาเกือบจะร้องไห้
หัวใจของจงซิ่วก็พองโตออกมาแหมือนกัน “ข้าพบว่ามันอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของคลังสมบัติของราชวงศ์เซียนเมื่อเห็นท่านซ่อนมันไว้ที่มุมหนึ่ง ข้าเพียงแค่ … “
”หญิงอัจฉริยะ!” ลั่วฮวงชี้ไปที่ จงซิ่ว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความกังวลและเขาก็คำราม: “ชานี้มาจาก ปรมาจารย์ หลี่
ข้าไม่เต็มใจที่จะดื่มอีกต่อไปนี่คือสมบัติล้ำค่ามันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของข้า! “
ชงชาเพียงครั้วเดียวก็ทำออกมา 3 ถ้วย ข้าจะพูดอะไรได้อีก
ฉินม่านยุนโชคดีจริงๆและนางก็ได้ดื่มชาเทพโดยบังเอิญ
หากไม่มีหลุมอยู่ในสมองใครจะเอาชาแบบนี้ออกมาต้อนรัลแขก
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายเลือด
ฉินม่านยุนรู้สึกอายเล็กน้อยที่ด้านข้าง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “ลั่วฮวงเจ้าช่วยให้ข้าดื่มชานี้สักหน่อยได้ไหมข้ารู้ว่านี่เป็นสมบัติเจ้าสามารถให้ วังเต๋าหลินเซียนแลกเปลี่ยนบางสิ่งได้”
”แลกเปลี่ยนเหรอ เจ้าจ่ายได้ไห มเจ้าดื่มชาที่ข้ารักไปแล้ว ไสหัวออกไปซะ !” ลั่วฮวงโกรธมาก ตอนนี้เขาเหมือนถังระเบิดเดินได้
ฉินม่านยุนไม่มีอะไรจะพูด
คุณค่าของชาที่สามารถทำให้ผู้คนเข้าใจเต๋านั้นไม่อาจคำนวณได้แม้ว่าจะมีสมบัติระดับเดียวกันในวังเต๋า มันก็ไม่สามารถเทียบได้ อย่าว่าแต่แลกเปลี่ยนเลย
ลั่วซือหยูดึง ฉินม่านยุนออกมาแลบลิ้นของนางและกระซิบ: “ท่านพี่หยุนไปกันเถอะ ท่านพ่อของข้ากำลังจะระเบิดแล้ว หนีออกไปก่อนดีกว่า”
ฉินม่านยุนเดินตาม ลั่วซือหยูไปที่ห้องทันใดนั้นใบหน้าที่สวยงามของนางก็กลายเป็นจริงจังดวงตาที่สวยงามของนางจ้องไปที่ ลั่วซือหยูและถามด้วยเสียงที่หดหู่: “ซือหยูบอกข้าว่าเจ้าเอาชามาจากไหน”
ลั่วซือหยูได้เตรียมสุนทรพจน์ระหว่างทางมาที่นี่แล้วและกล่าวว่า: “ข้าได้มาจากขอบเขตแห่งความลับเมื่อกว่า 50 ปีก่อนพ่อของข้าไม่เต็มใจที่จะดื่มมันข้าไม่เคยคิดว่าวันนี้แม่ของข้าจะเอามันออกมา .”
”ซือหยู ข้าเป็นคนที่ถูกหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉินม่านหยุนส่ายหัวอย่างขบขันและมองไปที่ซือหยู “ข้าได้ยินคำว่าหลี่กงซีจากปากของลั่วฮวง ขาเป็นใคร?”
ลั่วซือหยูตื่นตระหนก รีบเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า: “โอ้ ท่านคงได้ยินมาผิดใช่แล้ว ท่านไม่ได้มองหาจิ้งจอกฟ้าเก้าหางอยู่เหรอ ข้าจะไปกับท่าน”
หลังจากการสนทนานางก็พร้อมที่จะออกไป
แต่นางก็ถูก ฉินม่านยุนรั้งไว้
”ซือหยู เจ้าควรรู้ว่าเจ้าไม่สามารถเก็บมันไว้ได้จากข้านานหรอก ถ้าเจ้าไม่พูดสักวันที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะรู้คำตอบได้ในสักวันหนึ่ง” ฉินม่านยุนมองตรงไปที่ ลั่วซือหยูนางรู้สึกว่านี่จะต้องเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่แน่นอน!
ลั่วซือหยูขมวดคิ้วใบหน้าของนางยุ่งเหยิง
ข้าทำได้แค่ถอนหายใจ
ครั้งนี้นางไม่เพียงเสียยชาไป แต่การดำรงอยู่ของ หลี่กงซีก็ถูกเปิดเผยและครั้งนี้นางสูญเสียอย่างมาก
ลั่วซือหยูหายใจเข้าลึก ๆ ความกลัวอยู่ในน้ำเสียงของนางและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า: ท่านพี่หยุนอันที่จริง … เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้ยิ่งใหญ่ตนหนึ่ง
“ ผู้ยิ่งใหญ่?”
หัวใจของ ฉินม่านยุนเต้นถี่ขึ้นเ ด้วยเหตุผลบางอย่างขนทั่วร่างกายของเนางจึงลุกซู่ขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนางอาจจะรู้สึกว่า ลั่วซือหยูผู้ซึ่งไม่เคยเห็นโลกที่อยู่เพียงในราชวงศ์เฉียนหลงเซียนอาจกำลังโม้และจะไม่ตั้งใจฟังมัน
อย่างไรก็ตามหลังจากดื่มชาที่มีพลังเต๋า นางก็รู้ว่า ลั่วซือหยูไม่ได้พูดเกินจริงอย่างแน่นอน!
”จริงๆแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องมองหาจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางอีกต่อไปนางได้รับการช่วยเหลือจากผู้ยิ่งใหญ่จากทัณฑ์สวรรค์และไปอยู่กับผู้เชี่ยวชาญ” เมื่อพูดถึงจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ลั่วซือหยูแสดงความอิจฉาโดยไม่ได้ตั้งใจ นางโชคดีจริงๆที่ได้อยู่กับหลี่กงซี
”ช่วยผ่านทัณฑ์จากสวรรค์?” ฉินหม่านหยุนจ้องมองนางอย่างไม่อยากเชื่อและถามด้วยความตกใจ: “เป็นไปได้ยังไง ระดับของผู้ยิ่งใหญท่านนี้อยู่ในระดับไหนกัน?
ลั่วซือหยูส่ายหัวและพูดเบา ๆ : “ไม่ใช่เทพ แต่ … เหนือกว่าเทพ!”