ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ - ตอนที่ 11 สัปดาห์ที่ 10 โอโตเมะ อามายะ (2)
- Home
- ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ
- ตอนที่ 11 สัปดาห์ที่ 10 โอโตเมะ อามายะ (2)
เย็นวันต่อมา ณ ห้องสภานักเรียน
“โอโตเมะ ทำไมไม่ติดต่อมาหาฉัน เมไม่ได้บอกหรอว่าฉันอยากคุยด้วย”
รุ่นพี่คาวากุจิเข้ามาเรียกฉันที่ห้องสภานักเรียน ฉันเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าก็เห็นรุ่นพี่คาวากุจิยืนจ้องฉันอยู่ ส่วนคนอื่นๆ ในห้องก็มองรุ่นพี่คาวากุจิอีกที
“ฉันบอกเธอไปแล้วค่ะ รุ่นพี่อย่ามาโยนความผิดให้ฉันซิ”
ประธานเอ่ยออกมาจากโต๊ะทำงานอีกฟากหนึ่ง ฉันมองไปที่เธอด้วยสีหน้าสำนึกผิดพร้อมกับก้มหัวขอโทษ แล้วหันมาเผชิญหน้ากับรุ่นพี่คาวากุจิอีกครั้ง
[‘หึยย..สายตาจริงจังอะไรขนาดนี้’]
ฉันขอโทษรุ่นพี่คาวากุจิที่ลืมติดต่อเธอไป โดยให้เหตุผลว่าเหนื่อยจึงลืมติดต่อไป
รุ่นพี่คาวากุจิมองฉันนิ่งแบบนั้นอยู่พักนิ่ง ดวงตาแวววาวสวยงามแต่สายตาที่มองมาเหมือนกำลังค้นหาอะไรสักอย่างในตัวฉัน และฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถซ่อนสิ่งใดจากรุ่นพี่ได้
“ดำเนินการไปถึงไหนแล้วเม?”
รุ่นพี่คาวากุจิหันไปถามกับประธาน เป็นการถามถึงการทำงานปกติแต่บรรยากาศในห้องกลับดูจริงจังขึ้นมาทันที
ถึงแม้ตอนนี้รุ่นพี่จะเป็นแค่ที่ปรึกษาของประธานนักเรียน แต่ออร่าที่แผ่ออกมาดูแล้วไม่แตกต่างกับสมัยที่ยังเป็นประธานนักเรียนอยู่เลย สุดยอดไปเลยคนๆ นี้
“รู้ตัวคนที่มาหาเรื่องคุณโอโตเมะแล้วค่ะ เป็นนักเรียนชั้นปี 1 ห้อง 8 ชื่อฮิบิซึ เรกะ ลูกสาวเพื่อนผู้อำนวยการ มีข่าวว่าเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนคนสำคัญของโรงเรียน จริงเท็จยังไงกำลังสืบอยู่คิดว่าไม่นานคงจะทราบค่ะ”
ฉันมองประธานนักเรียนคนปัจจุบันรายงานการสืบสวนให้ประธานนักเรียนคนก่อนฟัง นี่เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อวานแต่สืบได้ถึงขนาดนี้แล้ว ประธานนี่สุดยอดไปเลย
“ฮิบิซึ เรกะ คนนี้มีประวัติการใช้ความรุนแรงกับกลั่นแกล้งมาตั้งแต่สมัย ม.ต้น ค่ะ แต่ไม่มีผู้เสียหายคนไหนเอาเรื่องเลย น่าจะเป็นเพราะเกรงกลัวภูมิหลังของเธอ”
ประธานยังคงรายงานต่อ
“อืมมม… เป็นพวกนิสัยไม่ดีแต่เรียนดีซินะ”
“ใช่ค่ะ”
รุ่นพี่คาวากุจิคุยกับประธาน เกี่ยวกับการจัดการเรื่องของฮิบิซึ เรกะ ฉันมองพวกรุ่นพี่อย่างทึ่งๆ นี่ต้องจริงจังกันขนาดนี้เลยหรอ
“ฝากจัดการให้เรียบร้อยนะเม เราไม่เจอเด็กแบบนี้ในโรงเรียนมานานแล้ว แถมนี่ยังกล้ามาหาเรื่องคนของสภาอีก ใจกล้าไม่เบาเลย”
“ส่วนเธอ โอโตเมะฉันให้เวลาครึ่งชั่วโมง เคลียร์งานให้เสร็จ ฉันจะรอที่หน้าอาคาร”
“เอ๊ะ!?”
ฉันตกใจที่อยู่ๆ รุ่นนี่คาวากุจิก็หันมาสั่งด้วยสายตาเข้มงวด สมองจึงยังตามไม่ทันไปชั่วขณะ
“เข้าใจไหม?”
“ขะ..เข้าใจค่ะ”
“ดี อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน”
พูดจบแล้วก็เดินออกไป ฉันที่ยังงงๆ อยู่ก้มดูเวลาในโทรศัพท์
[‘ครึ่งชั่วโมงก็เกือบๆ หกโมงเย็นซินะ อ่า… สั่งด้วยสายตาแบบนั้น ขืนไปช้ามีหวังตายแน่ๆ’]
โอดครวญอยู่คนเดียวเบาๆ แต่มือก็ต้องรีบทำงานให้เสร็จ ครึ่งชั่วโมงไม่ใช่เวลาที่นานเลยสำหรับการทำงานตรงหน้า ฉันรีบจัดการกับกองเอกสารที่มาจากฝ่ายต่างๆ ได้ยังไม่ถึงครึ่งเวลาก็ผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว
พอขออนุญาตจากประธานโดยบอกว่าคุยธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับมาทำต่อก็โดนประธานไล่ให้เก็บของกลับบ้านไปเลยเหตุผลก็คือรุ่นพี่คาวากุจิคงจะลากตัวกลับบ้านไม่ปล่อยให้กลับมาทำงานต่อแล้วนั่นเอง
แล้วก็จริงอย่างที่ประธานว่ารุ่นพี่คาวากุจิพาฉันเดินออกจาก โรงเรียนแล้วตรงกลับบ้านฉันทันทีซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ส่วนที่ไม่เข้าใจคือทำไมแฟนหนุ่มของรุ่นพี่ถึงได้มาอยู่ตรงนี้ด้วย
“โทษทีนะ พอดีฉันให้ยูทากะมารับน่ะเดี๋ยวเราไปส่งเธอที่บ้านก่อน ระหว่างทางจะได้คุยรายละเอียดกัน”
รุ่นพี่คาวากุจิพูดขณะที่เรา 3 คนเดินกลับบ้านตอนแรกฉันก็ สงสัยว่าจะคุยรายละเอียดอะไรกันกำลังคิดจะถามเธอก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
“เรื่องที่ฮิบิซึไปหาเรื่องเธอกับเพื่อนถึงห้องเรียนเมื่อวานน่ะ ไหนเล่ารายละเอียดมาให้ฉันฟังหน่อยซิ”
ฉันเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้รุ่นพี่คาวากุจิฟังเธอเดินฟังไปเงียบๆจบจน แล้วเธอก็ถามชั้นขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“คิดยังไงกับเด็กผู้ชายที่ชื่อนิโนะมิยะ?”
[‘คำถามนี้อีกแล้วหรอ? เจอมากี่รอบแล้วเนี่ย’]
ฉันคิดในใจแบบนั้นแล้วถอนหายใจ รุ่นพี่คาวากุจิก็พุดแทรกขึ้นมาว่า
“ปกติแล้วฉันไม่สนใจอยากรู้เรื่องราวชีวิตรักของเธอหรอกนะ แต่ถ้าชีวิตรักของเธอมันสร้างปัญหาให้กับทั้งเธอและนักเรียนคนอื่น ฉันว่าเธอควรจะพิจารณามันดีๆ”
น้ำเสียงของรุ่นพี่ราบเรียบ ฟังไม่ออกว่าเธอรู้สึกตามที่พูดจริงๆ หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือเธอรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร
“ฉันกับนิโนะมิยะคุงเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ เรากลับทางเดียวกันก็เลยเจอกันบ่อยๆ ฉันมองว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีค่ะ แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่มียังอยู่แค่ระดับเพื่อนค่ะ”
ตอบรุ่นพี่คาวากุจิไปอย่างแข็งขันมั่นอกมั่นใจ แต่ถ้าถามฉันว่าหวั่นไหวไหมตอนที่นิโนะมิยะมาทำดีด้วย ก็ต้องบอกว่าใจเต้นตึกตักเลยล่ะ
รุ่นพี่คาวากุจิรับคำอืมมาคำเดียว ส่วนแฟนของรุ่นพี่แค่เดินตามมาข้างหลังเงียบๆ ทิ้งระยะห่างเล็กน้อย ดูเหมือนจะจงใจเว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้ได้ยินที่ฉันกับรุ่นพี่คุยกัน
เดินกันไปเงียบๆ จนกระทั่งมาถึงบ้าน ฉันขอบคุณรุ่นพี่คาวากุจิที่มาส่ง เธอพยักหน้าและเตือนฉันเล็กน้อย
“ถ้าเจอการกลั่นแกล้งให้รีบบอกฉันหรือเมทันที เราต้องการหลักฐานและเอาผิดคนที่ทำ ฮิบิซึ เรกะ นั่นมีประวัติการกลั่นแกล้งมาแต่ไม่เคยรับโทษเลยเพราะไม่มีใครเอาเรื่อง ฉันคิดว่าเธอเป็นเด็กฉลาดและรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ อย่าให้ฉันผิดหวังล่ะโอโตเมะ”
เจอโหมดทำงานของรุ่นพี่เข้าไป ฉันทำได้แค่พยักหน้า รุ่นพี่คาวากุจิดูเหมือนจะพอใจกับท่าทางของฉัน เธอเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปพร้อมแฟนหนุ่มของเธอ
ฉันกลับเข้าบ้าน ตั้งใจว่าเรื่องนี้จะไม่บอกให้พี่หรือทางบ้านรู้เพราะไม่อยากให้เรื่องลุกลามใหญ่โต แต่ยังไงก็คงต้องเตรียมตัวป้องกันไว้บ้าง
คืนนั้นหลังทบทวนบทเรียนตามปกติแล้วก็ลากขาพาร่างตัวเองขึ้นที่นอน รู้สึกว่าสองวันมานี้เหนื่อยเป็นพิเศษ เซริเองก็ดูจะไม่ร่าเริงเท่าไรนัก ลำพังตัวเองก็ไม่เท่าไรแต่ถ้าต้องให้เซริเข้ามาเจอเรื่องยุ่งยากด้วยฉันเองก็รู้สึกไม่ชอบเลย
“เฮ้อออ..เหนื่อยจัง”
แล้วภาพก็ตัดไป ฉันหลับไปทั้งที่รู้สึกเหนื่อยใจอยู่แบบนั้น
—
เมื่อวานนี้ผ่านไปโดยปกติสุข ไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นกับฉันหรือเซริ ฉันได้แต่หวังว่าเรื่องราวคงจะจบแค่นั้น ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตของตัวเองไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีก แล้วนี่มันอะไรล่ะเนี่ย
ตรงหน้าฉันเป็นล็อกเกอร์เก็บรองเท้าของตัวเองและในล็อกเกอร์ก็มีรองเท้าของตัวเองอยู่ แต่มันไม่ได้มีแค่นั้น
“เอางี้จริงดิ”
อารมณ์ที่เมื่อเช้ายังสงบเงียบเริ่มคุกรุ่นขึ้นมา ฉันเปิดล็อคเกอร์ของเซริออกมา ในนั้นมีรองเท้ของเซริที่เปลี่ยนไว้วางอยู่ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมอื่นอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่เคยมี คราบสกปรกภายในตู้นั่นบ่งบอกอะไรๆ ได้ทันที
ฉันปิดล็อกเกอร์ของเซริไว้ตามเดิม แล้วหันมาจัดการกับล็อกเกอร์ตัวเอง เก็บกวาดบรรดาขยะที่ต้องเรียกว่าเป็นขยะเปียกเต็มขั้นไปทิ้ง แล้วกลับมาทำความสะอาดล็อกเกอร์ให้เรียบร้อย เปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็เดินขึ้นเรียน
ตลอดกระบวนการเก็บกวาดล็อกเกอร์ หลายสายตามองมาที่ฉัน บางสายตาเป็นของเพื่อนร่วมห้อง แต่ก็เท่านั้น ก็แค่มอง
[‘ก็ดี คราวนี้จะจำไว้’]
ทันทีที่เข้าห้องเรียนก็เห็นเซรินั่งหน้าบึ้งอารมณ์บูดอยู่ ฉันวางกระเป๋าแล้วก็เดินไปทักเธอ
“อรุณสวัสดิ์เซริ”
“อรุณสวัสดิ์อามายะ โทษทีนะ ไม่ได้ช่วยเคลียร์ล็อกเกอร์เลย”
เซริเอ่ยขอโทษก่อนที่ฉันจะพูดอะไร เดาได้ว่าเธอคงรู้ว่าฉันเจออะไรในล็อกเกอร์
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก ฉันต่างหากที่เป็นตัวต้นเหตุ เธอเลยต้องมาลำบากไปด้วย”
“อย่าคิดมากน่า ก็เธอเป็นเพื่อนฉันนิ”
เซริยิ้มให้ฉัน เธอมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ถึงจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่มักจะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าฉันเสมอ
“เซริ เช้านี้เกิดอะไรขึ้น?”
ฉันถามเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เรียกได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวด้วยใบหน้าจริงจัง ถึงเวลาต้องเตรียมมาตรการสวนกลับแล้ว
เซริเล่าว่าตอนเธอมาถึงเมื่อเช้าก็เห็นพวกฮิบิซึอยู่แถวๆ ล็อกเกอร์ห้องเรา พอเห็นเธอพวกนั้นก็หลบออกไป ตอนแรกเธอไม่ได้สนใจอะไรแต่พอเปิดล็อกเกอร์ก็เลยรู้ว่าพวกนั่นมาทำอะไร เธอเลยตามไปจะเอาเรื่องพวกนั้น แต่เพราะจับไม่ได้คาหนังคาเขาพวกนั้นเลยไม่ยอมรับ แถมยังจะแจ้งโรงเรียนถ้าเซริใช้ความรุนแรงกับพวกเธอ เธอเลยมานั่งอารมณ์เสียอย่างที่เห็นก่อนหน้านี้
ฉันกับเซริตกลงกันว่าครั้งนี้พลาดเองที่ไม่มีหลักฐานไปเอาเรื่อง ทำได้แค่ปล่อยไปก่อน แต่ถ้ามีครั้งต่อไปคงต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และครั้งนี้ฉันคงต้องบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับประธานและรุ่นพี่คาวากุจิด้วยเพื่อหาทางป้องกันในอนาคต
“อามายะ เธอได้คุยเรื่องนี้กับนิโนะมิยะคุงหรือเปล่า?”
เซริถามฉัน ใบหน้าเธอจริงจังต่างจากเวลาปกติจนดูแปลกตา
“ยังเลย ฉันต้องบอกไหม?”
“ฉันคิดว่านิโนะมิน่าจะรู้เรื่องแล้วแหละ เพราะข่าวเรื่องที่พวกฮิบิซึมาหาเรื่องเรากระจายไปทั่วแล้ว ขนาดพวกรุ่นพี่ยังรู้เลย”
เซริเล่าให้ฟังว่าเธอถูกพวกรุ่นพี่ที่รู้จักถามเรื่องที่โดนหาเรื่องเมื่อสามวันก่อนอยู่ เลยรู้มาว่าข่าวเรื่องนี้กระจายไปทั่วแล้ว
[‘มิน่า รุ่นพี่คาวากุจิถึงได้รู้เรื่อง สงสัยจะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายมากกว่าที่คิด’]
“เมื่อวานเธอก็กลับบ้านพร้อมนิโนะมิยะคุงอีกหรือเปล่า?”
“เปล่าหรอก เมื่อวานฉันกลับพร้อมรุ่นพี่คาวากุจิ”
ฉันรู้ว่าที่เซริถามเธอไม่ได้มีเจตนาจะต่อว่าหรืออะไร และก็รู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเช้านี้อาจจะเป็นผลมาจากการกลับบ้านกับนิโนะมิยะบ่อยๆ ในช่วงนี้
“งั้นก็ดี ฉันว่าถ้าเธอไม่อยากปฏิเสธนิโนะมิยะคุงหรือปฏิเสธเขาไม่ได้ เธอน่าจะต้องคุยกับนิโนะมิยะคุงเรื่องนี้นะ อย่างน้อยก็จะได้หาทางป้องกันได้”
ฉันพยักหน้า อันที่จริงฉันก็คิดเหมือนกันกับเซริ ถึงฉันกับนิโนะมิยะจะเป็นแค่เพื่อนกัน แต่สายตาคนนอกอาจจะไม่ได้มองแบบนั้น หลักฐานคือข่าวลือแปลกๆ ก่อนหน้านี้ที่ว่าฉันกับนิโนะมิยะคบกัน ถึงจะอธิบายไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ดังนั้นจึงปล่อยผ่านไป
แต่กลายเป็นว่าเรื่องราวมันกลับเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ เห็นทีต้องระวังเรื่องการวางตัวกับนิโนะมิยะให้มากกว่านี้หน่อยแล้ว
ออดคาบแรกดังขึ้น ฉันกับเซริกลับไปเตรียมตัวเรียน ชั่วโมงเรียนของเรายังคงเข้มข้นแทบไม่เว้นช่วงให้สามารถละสมาธิได้เช่นเคย ผิดกับตัวฉันที่แทบจะหาสมาธิมาสนใจเรียนไม่ได้เลย