ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ - ตอนที่ 39 สัปดาห์ที่ 14 โอโตเมะ อามายะ (1)
- Home
- ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ
- ตอนที่ 39 สัปดาห์ที่ 14 โอโตเมะ อามายะ (1)
ขอบคุณทุกท่านที่เข้าสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต
ในที่สุดวันนี้ก็เวียนมาครบรอบอีกครั้งนับแล้วก็เป็นครั้งที่ 16 ในชีวิตนี้ของฉัน
ตั้งแต่เมื่อคืน ฉันได้รับข้อความจากเซริตั้งแต่ตอนเที่ยงคืนตรง เนื้อในเปิดประโยคขึ้นมาด้วยความว่า Happy Birthday ตามด้วยคำอวยพรต่างๆ นานา ปิดท้ายด้วยการขอให้มีหนุ่มหล่อเป็นของตัวเองไวๆ ซึ่งอันสุดท้ายนี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ
ฉันส่งข้อความขอบคุณเซริกลับไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน จากนั้นจึงเข้านอน และตอนนี้ก็กำลังกินขนมปังเป็นอาหารเช้าอยู่ที่บ้านพร้อมกับพ่อ
ใช่แล้ว ฉันกลับมาอยู่บ้านตั้งแต่สุดสัปดาห์ก่อน ซึ่งตอนนั้นต้องมานั่งตอบคำถามของพ่อกับแม่อย่างจริงจังอย่างที่ไม่ค่อยได้เคยเจอนัก สาเหตุก็มาจากพี่สาวของฉันทำการวางระเบิดเรื่องที่ฉันทำข้าวกล่องเยอะแยะไปให้อาคิยามะกับเพื่อนแต่พี่ดันเข้าใจผิดคิดว่าทำไปให้นิโนะมิยะซะนี่
เพราะความเข้าใจผิดนี้ พอกลับมาบ้านเธอก็มาโม้ให้แม่กับพ่อฟังซะยกใหญ่ว่าฉันทำข้าวกล่องให้เพื่อนผู้ชาย ตอนแรกก็ดูจะเป็นการแซวกันเล่นขำๆ แต่พอฉันแก้ตัวไปแก้ตัวมา เรื่องก็เลยแดงขึ้นมาทั้งหมด
ทั้งเรื่องที่ฉันถูกกลุ่มผู้ชายรุมหาเรื่อง เรื่องที่อาคิยามะเข้ามาช่วย เรื่องที่เขาเดินมาส่ง รวมถึงเรื่องตุ๊กตาหมีตัวใหม่ที่พี่สาวแซวมาตลอดว่านายหน้าหล่อให้มาหรอนั่น
กว่าจะกล่อมพ่อได้ว่ามันไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โตให้สงบลงได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร แถมตัวต้นเรื่องที่ตั้งใจจะแกล้งเขาก็โดนพ่อกับแม่สวดยับไปด้วย
สุดท้ายทั้งฉันและพี่ก็เลยต้องสัญญากับพ่อแม่ว่าถ้ามีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีกจะต้องรีบบอกพวกท่านทันที การประชุมครอบครัวครั้งนั้นจึงได้จบลง
เสียงจากรายการข่าวในโทรทัศน์แววมา ดูเหมือนว่าจะมีการก่อตัวของพายุอยู่นอกชายฝั่งที่อาจจะพัฒนาไปเป็นไต้ฝุ่นได้
ฉันกลืนขนมปังคำสุดท้ายแล้วกระดกน้ำผลไม้ตามลงไป จากนั้นจึงเก็บจานและแก้วของตัวเองไปล้างก่อนจะคว้ากระเป๋าที่วางบนเก้าอี้ข้างๆ ที่ฉันนั่งเมื่อกี้แล้วเดินไปสวมรองเท้าที่หน้าประตู
“หนูไปแล้วนะคะ”
ร้องบอกพ่อกับแม่แล้วก็เดินออกมาจากบ้าน ทันทีที่เปิดประตูลมร้อนจากภายนอกก็พัดเข้ามาตีหน้าเข้าอย่างจัง
แม้ว่าจะยังไม่ร้อนถึงขั้นที่เรียกเหงื่อได้ทันทีทันใด แต่ก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างอุณหภูมิในบ้านและนอกบ้าน
“ยังไม่เข้าฤดูร้อนแท้ๆ ทำไมอากาศถึงได้ร้อนไวขนาดนี้”
บ่นไปเดินไปท่ามกลางท้องฟ้าสดใสและแสงแดดที่แรงขึ้นเรื่อยๆ
การกลับมาอยู่บ้านทำให้ฉันต้องตื่นเร็วขึ้นและออกจากบ้านไปโรงเรียนเร็วกว่าปกติ รวมๆ แล้วก็ใช้เวลาราว 30 นาที เห็นจะได้ ดังนั้นแล้วแทนที่จะออกจากบ้านตอน 7.30 น. ก็ทันเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เลยต้องออกตั้งแต่ 7.00 น. แทน
พอมาถึงห้องเรียน สิ่งแรกที่ทำให้รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แตกต่างจากวันอื่นๆ ก็คือการเซอร์ไพรส์ของเซริ
แม่เพื่อนสาวของฉันเอาถุงของขวัญวันเกิดมาเซอร์ไพรส์กันถึงในห้องเรียนพร้อมกับบอกสุขสันต์วันเกิดเสียงดังแบบไม่แคร์ใคร เรียกร้องสายตาของเพื่อนร่วมห้องให้หันมามองที่เราสองคนได้เป็นอย่างดี
ฉันที่เริ่มจะอายเพราะตกเป็นเป้าสายตาทำได้แค่ปรามเพื่อนสาวให้ลดความคึกคักลง ก่อนจะนั่งคุยกันเบาๆ
“เธอนี่เสียงดังไปแล้วนะ คนอื่นมองเต็มเลย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ว่าแต่นิโนะมิยะให้ของขวัญอะไรมาหรอ?”
เห็นเซริหัวเราะคิกคัก ฉันก็ทำได้แค่ถอนหายใจใส่เธอไปแรงๆ แต่แทนที่จะสำนึกเธอกลับยิ่งหัวเราะชอบใจ
“ของขงของขวัญอะไร ฉันไม่ได้บอกวันเกิดใครนอกจากเธอนิ”
“ฮิๆๆ ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็รู้กันทั้งห้องแล้ว”
“เธอเนี่ยนะ เฮ้ออ…”
ครืดดด…
ประตูห้องเลื่อนเปิดออกแล้วชายหนุ่มสองคนก็เดินเข้ามา
อาซาวะ อาซาซึกิ หนุ่มเท่มาดนักกีฬาเจ้าของตำแหน่งปีกขวาตัวจริงของชมรมฟุตบอลทั้งที่อยู่แค่ปีหนึ่ง สาวๆ หลายคนแอบชอบเขาอยู่ไม่น้อย แต่รุ่นพี่บางคนในชมรมไม่ชอบเขานัก ส่วนเพราะอะไรฉันก็คร้านจะสนใจ
และอีกคนที่เดินคู่กันมา นิโนะมิยะ เรียว เอชคนใหม่ของชมรมกรีฑา ชายผู้เป็นที่หมายปองของเด็กผู้หญิงทั่วโรงเรียน แต่เขากลับมาสนใจฉันซะงั้น ทำเอาฉันตกเป็นเป้าของความอิจฉาจากบรรดาแฟนคลับเขาอยู่พักใหญ่ๆ เลย
ฉันมองไปที่เขาในจังหวะเดียวกับที่เขามองมาพอดี เราสบตากันในแบบที่ตัวเอกในนิยายหรือมังงะมักจะทำแล้วเขินอาย แต่ในความเป็นจริงเราแค่พยักหน้าเป็นการทักทายกันเท่านั้น จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ ส่วนฉันก็หันมาหาเซริต่อ
ชิ้งงงง…
แวบแรกที่เห็นประกายในดวงตาของเซริ เสียงเอฟเฟกต์ก็ดังขึ้นมาในหัว
“ยังไงๆๆ”
เซริเหล่มองฉันด้วยสายตาแบบจับผิดเต็มที่ มุมปากเธอนี่ยกยิ้มแบบผู้ที่กำชัยชนะไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว
“อ..อะไร?”
เผลอตะกุกตะกักตอบไปซะได้ เซริยิ้มออกมาทันที สีหน้าของเธอแสดงออกอย่างชัดเจนราวกับจะเขียนไว้เป็นตัวหนังสือว่า บอกมาซะดีๆ
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ!!”
หลังตัดบทเพื่อนสาวไปแล้วฉันก็หนีด้วยการหยิบบทเรียนของวิชาที่จะเรียนในคาบต่อไปขึ้นมา แต่เซริก็ยังไม่ยอมจากไปไหน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดๆ อยู่สักพักก่อนจะยื่นมาจ่อที่หน้าฉัน
หน้าจอโทรศัพท์แสดงภาพฉันที่กำลังทาครีมบำรุงหน้าก่อนนอนอยู่ ฉันมองเซริสลับกับจอโทรศัพท์ของเธอ ไม่เข้าใจว่าเธอต้องการให้ฉันดูอะไร
พอเห็นฉันทำหน้างงเธอก็เอาโทรศัพท์กลับไป คราวนี้ดูเหมือนกำลังซูมรูปภาพแล้วก็ยื่นให้ฉันดูอีกครั้ง
บนหน้าจอเป็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลปนเหลืองขนปุ๋ยตัวใหญ่ ที่พอวางไว้บนที่นอนแล้วเหมือนมีลูกหมีจริงๆ มาวางอยู่เลย
เห็นแล้วก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ฉันเบนสายตาไปมองเซริ ในใจก็เริ่มคิดว่าต่อไปแม่นี่น่าจะทำอาชีพนักสืบได้
“ฉันจำตุ๊กตาหมีทุกตัวในห้องเธอได้ แต่กลับไม่เคยเห็นจ้านี่”
เซริเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำจริงจัง สีหน้าท่าทางเหมือนเด็กแว่นตอนกำลังเริ่มไขคดีอีกครั้ง
“เอาหล่ะที่รัก ไหนสารภาพมาซิ เธอที่แนะนำเจ้าหมีทุกตัวให้ฉันฟังอย่างมีความสุข แต่กลับไม่ยอมแนะนำเจ้านี่ ว่ามาซิว่ามันเป็นมายังไง?”
ฉันกลืนน้ำลายดังอึก ก่อนทำใจดีสู้เสือยิ้มสู้กลับไป แต่รู้สึกได้ว่ามันเป็นยิ้มแหยๆ
“ไม่ได้มีอะไร แค่ยังไม่ได้บอกเฉยๆ ได้มาตั้งแต่ตอนงานดนตรีฤดูฝนแล้ว”
เซริทวนคำว่าดนตรีฤดูฝนเบาๆ สีหน้าเหมือนกำลังหวนรำลึกอดีต แล้วจู่ๆ เธอก็โพล่งออกมา
“มีคนให้มา?”
ฉันที่กำลังเก็บของใต้โต๊ะถึงกับสะดุ้ง รีบเงยหน้าหันไปมองรอบๆ พอไม่เห็นมีใครสนใจก็รู้สึกโล่งใจ
“…ก็ใช่”
อ้อมแอ้มตอบเซริไปเบาๆ แต่สายตายังหลบมองไปใต้โต๊ะทำเป็นเหมือนหาของทั้งที่ไม่มีอะไรให้หา
“นายอาคิยามะอะไรนั่นหรอ?”
“เอ๊ะ!”
เผลอแสดงสีหน้าตกใจออกไปเพราะไม่คิดว่าเซริจะคาดเดาได้แม่นขนาดนี้ เซริเองก็เหมือนจะคอยสังเกตสีหน้าของฉันอยู่แล้ว พอเห็นฉันแสดงอาการออกมาเธอก็ยิ้มจนตาโค้ง
“หืมมม…ใช่จริงๆ ซินะ”
“กะ… ก็ใช่ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด…”
“งั้นหรอๆ อื้มๆๆ”
เมื่อรู้ตัวว่าเลี่ยงไม่ได้ฉันเลยยอมรับกับเซริไปตรงๆ แต่ดูเหมือนเพื่อนสาวของฉันจะไม่ยอมฟังคำอธิบายอะไรแถมยังเข้าสู่โลกจินตนาการของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
เฮ้อออ… เพราะแบบนี้ไงถึงได้ไม่เล่าให้ฟังแต่แรก
และในตอนที่กำลังทอดถอนใจให้กับเพื่อนรักอยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีเสียงทักขึ้นมาจากข้างๆ
“ขอโทษนะคุณโอโตเมะ ยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
หันไปมองก็เห็นชายหนุ่มเจ้าของเสียงมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาก้มมองฉันพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มเชิงขอโทษแต่ก็นับได้ว่าเป็นยิ้มขอโทษที่ทำให้สาวๆ พร้อมจะยกโทษให้เขาได้ทุกอย่าง
นิโนะมิยะ เรียว พ่อเทพบุตรสุดหล่อที่ผู้หญิงหลายๆ คนในห้องหลงใหลนั่นเอง
ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองจะใจฟูเวลามีคนกดหัวใจให้ งั้นก็ขอกันง่ายๆ กันตรงนี้เลยแล้วกันครับ ฝากกดหัวใจหน่อยน้าา~~