ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ - ตอนที่ 59 สัปดาห์ที่ 22 โอโตเมะ อามายะ (5)
- Home
- ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ
- ตอนที่ 59 สัปดาห์ที่ 22 โอโตเมะ อามายะ (5)
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต
“นายเคยพาแฟนมาเดตที่นี่มั้ย?”
ความคิดในใจหลุดออกมาก่อนที่จะทันได้ไตร่ตรอง รู้สึกเสียใจที่เผลอพลั้งปากจนอยากจะตบปากตัวเองตามอายุ
อาคิยามะไม่ได้ว่าอะไรฉัน เขาเพียงแค่หันมา แสงไฟจากที่ไกลๆ สะท้อนอยู่ในดวงตาเขา
เขายิ้ม แต่แววตาเขาไม่ยิ้ม
ณ เวลานั้น ฉันคิดว่าเขากำลังเศร้า
เป็นรอยยิ้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นจากคนคนหนึ่ง
“เธออยากรู้หรอ?”
ฉันไม่ได้ตอบ เพียงแค่มองดูเขา
อาคิยามะเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็ถอนหายใจออกมา
“จริงอยู่ว่าฉันเคยมีแฟนอยู่คนนึง แต่ฉันไม่เคยพามาที่นี่หรอก…”
…เธอเป็นคนแรก
อาคิยามะยิ้มให้ฉัน เขาเพิ่งบอกว่าฉันเป็นคนแรกที่เขาพามาที่นี่
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะ?”
ฉันถามไปตามสัญชาตญาณ ความสงสัยว่าทำไมไม่ใช่แฟนเขา แต่เป็นฉันที่เป็นคนแรก
“ก็ไม่อะไรหรอก ฉันก็แค่ไม่เคยมาเดตกับยัยนั่นที่งานเทศกาลแบบสองต่อสองน่ะ”
“เอ๋??”
“แปลกใจล่ะซิ?”
อาคิยามะยิ้มทะเล้น แต่มันยังคงไปไม่ถึงดวงตาเขาเหมือนเดิม
“อยากเล่ามั้ย?”
ฉันถามเขา มองดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไง แต่เขาก็ยังคงยิ้มเหมือนเดิม
“อยากฟังล่ะซิท่า”
ใจฉันกระตุกวูบ ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น แต่มันก็เป็นความจริงที่ฉันอยากให้เขาเล่า
อยากให้เขาระบายออกมา ไอ้บรรยากาศความเศร้านั่นไม่อยากให้เขาเก็บมันไว้คนเดียว
ฉันจึงพยักหน้า
อาคิยามะบ่นว่าฉันนิสัยไม่ดี ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของเขา
“ตอนเทอม 2 ของ ม.ต้น ปี 2 ฉันมีแฟนคนแรก ยัยนั่นเป็นคนที่สวยมาก เก่งมากด้วย เป็นดอกฟ้าในโรงเรียนฉันเลย…”
อาคิยามะหัวเราะเบาๆ เขามองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าราวกับว่ากำลังจมลึกไปในห้วงความทรงจำ
“…เราเข้ากันได้ดีมาก ตอนนั้นฉันโครตมีความสุขเลย เคยคิดว่าเราจะคบกันจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่และแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยนะ…”
ทำไมกันนะ… ทำไมถึงได้รู้สึกเศร้าแบบนี้
“…เราผ่านคริสต์มาสแรกด้วยกัน ฉันได้ของขวัญเป็นผ้าพันคอแหละ ตอนปีใหม่ก็ได้ลองวิดีโอคอลข้ามปีเป็นครั้งแรก ปีนั้นได้ช็อกโกแลตที่ผู้ชายค่อนโรงเรียนต่างก็อิจฉา…”
รอยยิ้มของอาคิยามะเริ่มหายไป… ฉันเอนตัวไปทางเขาเล็กน้อย วางมือทับลงบนมือเขา
เขาหันมายิ้มให้ฉัน ประกายแสงสะท้อนในดวงตานั่นเหมือนจะมากกว่าในตอนแรก
“…เราเริ่มต้นการเป็นนักเรียน ม.ต้น ปีสุดท้ายด้วยกัน เรียนห้องเดียวกัน ทำกิจกรรมชมรมด้วยกัน มีปิดเทอมหน้าร้อนแรกด้วยกันแต่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันมากนักหรอกนะ ยัยนั่นมักจะกลับไปต่างจังหวัดกับครอบครัวน่ะ จะกลับมาก็ช่วงวันที่ประมาณนี้แหละ เพราะงั้นปีที่แล้วเราเลยได้มาเดินเที่ยวงานเทศกาลด้วยกันกับเพื่อนๆ …”
“…แต่ถึงจะมากับเพื่อนๆ แต่ทุกคนก็แอบๆ แยกกันไปให้ฉันได้เดินเที่ยวกับยัยนั่นสองคนนะ เราเดินเที่ยวกันไม่ต่างจากที่ฉันเดินกับเธอในวันนี้นักหรอก จริงๆ ต้องขอโทษเธอด้วยที่เมื่อกี้บางช่วงฉันเห็นเธอทับซ้อนกับยัยนั่น”
อาคิยามะพูดขอโทษฉันพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ ใจฉันเหมือนถูกบีบรัด… มันแน่นจุกในอก
“แต่ฉันไม่ได้พายัยนั่นมาที่นี่หรอกนะ เราไปยืนดูดอกไม้ไฟกันตรงจุดที่จองไว้กับเพื่อนๆ เราจับมือกันตอนที่ดอกไม้ไฟเบ่งบานบนท้องฟ้า ตอนนั้นฉันคิดว่าจะไม่มีวันปล่อยมือจากผู้หญิงคนนี้…”
รอยยิ้มเจื่อนยังปรากฏบนหน้าอาคิยามะ เป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะบอกว่ามันช่วยไม่ได้นี่นะ
“คืนนั้นเราแยกย้ายกันกลับ ฉันไปส่งยัยนั่นขึ้นรถไฟ ไม่ได้ไปส่งที่บ้านเพราะทางบ้านเธอจะออกมารับเอง เราเดินกลับจากที่นี่ไปสถานีด้วยกัน ก่อนจะแยกกันฉันเซอร์ไพรส์ยัยนั่นด้วยของขวัญวันเกิดที่แอบพกมาตลอด…”
ฉันเผลอส่งเสียงตกใจเบาๆ อาคิยามะหันมามอง เขาหัวเราะเบาๆ แล้วเริ่มเล่าต่อ
“อืมม… ก็วันนี้น่ะเป็นวันเกิดของยัยนั่นด้วย แล้วฉันก็แค่วิดีโอคอลอวยพรไปอย่างเดียวใช่มะ เพราะงั้นก็เลยถือโอกาสเซอร์ไพรส์ยัยนั่นซะเลย…”
อาคิยามะหัวเราะ…
“…แต่ฉันโดนเซอร์ไพรส์กว่ากลับ ยัยนั่นจูบฉันที่แก้ม บอกตรงๆ เลยว่าตอนนั้นดีใจจนไม่สนอะไรเลย ฉันเลยจูบยัยนั่นกลับกลางสถานีนั่นแหละ อ๊ะ แต่จูบที่หน้าผากนะ สรุปแล้วเราทั้งคู่ก็มีจูบแรกกันแบบนั้นแหละ…”
“…หลังจากนั้นเราก็เริ่มเทอมสอง มีทั้งอีเวนต์งานวัฒนธรรมโรงเรียน การแข่งคัดเลือกตัวแทนระดับเขต หยุดฤดูหนาว ปีใหม่ วาเลนไทน์ ทุกอย่างผ่านไปอย่างมีความสุข จนกระทั่งวันสุดท้ายของการเป็นนักเรียน ม.ต้น…”
“…ฉันไม่รู้ตัวเลย ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเราจะคบกันไปตลอดไม่เลิกรา ทั้งคำสัญญาว่าเราจะไปต่อ ม.ปลายที่เดียวกัน เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน ไปจนถึงอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปตอนไหน มารู้ตัวอีกทียัยนั่นก็มาบอกกันว่าเราเลิกกันเถอะ…”
ฉันหายใจสะดุด เผลอออกแรงบีบมืออาคิยามะเพราะสัมผัสได้ว่าเขากำลังโกรธ
อาคิยามะผ่อนลมหายใจออกช้าๆ แล้วเริ่มเล่าต่อ
“…ฉันถามยัยนั่นว่าเหตุผลคืออะไร เธอรู้มั้ยว่ายัยนั่นบอกว่ายังไง ยัยนั่นบอกว่าตัวเองเจอคนที่ชอบมากกว่าฉันแล้ว แล้วที่น่าตลกกว่านั้นก็คือหนึ่งในเพื่อนสนิทของฉันซึ่งมาสารภาพกับฉันก่อนหน้านั้นว่าชอบยัยนั่นก็ดันเข้ามาเรียกยัยนั่นตอนนั้นพอดี เป็นจังหวะที่พอดิบพอดีจนฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เธอน่าจะรู้นะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนั้น…”
ฉันบีบมือของเขาแรงขึ้น อาคิยามะเองก็คงรับรู้ได้ เขาหันมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนแรง
“…วันนั้นฉันไม่ได้ฟังยัยนั่นหรือว่าหมอนั่นอธิบายอะไรอีก ฉันหนีออกมา ไปหาแม่ที่โรงพยาบาล แต่ไปทันแค่ตอนที่เขาเอาศพแม่ออกมาแล้ว…”
ถึงตรงนี้ฉันพูดอะไรไม่ออก อ้าปากค้างกำมือเขาแน่น อาคิยามะบีบมือฉันตอบ ความรู้สึกถูกบีบที่มือส่งมาถึงสมองทำให้ความคิดเริ่มกลับมาแล่น…
เขาจับมือฉันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ…
…ไม่ซิ ไม่ใช่เรื่องนั้น
“แม่นาย… ท่าน…”
อาคิยามะมองฉัน สายตาอ่อนโยนนั่นราวกับกำลังปลอบฉัน เหมือนผู้ใหญ่ปลอบเด็กน้อยที่ตกใจขวัญหายเพราะเรื่องเล่าสยองขวัญ
“อืม เสียไปเมื่อต้นปีแล้ว”
ฉันอึ้งที่เขาพูดออกมาง่ายๆ แบบนั้น เหมือนกำลังบอกเล่าเรื่องราวธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวันให้คนอื่นฟัง
…แล้วความคิดเลวร้ายหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว ฉันจ้องชายผู้ที่กำลังมองฉันด้วยรอยยิ้ม
เหมือนเขาเดาได้ว่าฉันกำลังคิดอะไร มืออีกข้างที่ก่อนหน้านี้ยังใช้ยันพื้นอยู่ถูกยกขึ้นมาปัดกับกางเกง ก่อนที่จะมาวางบนหัวฉัน
“อื้มม… เสียไปแล้วทั้งคู่แหละ”
เขาลูบหัวฉันเบาๆ เหมือนกำลังปลอบขวัญ…
เขาขอโทษที่เล่าเรื่องไม่ดีให้ฉันฟัง…
เขาขอบคุณฉันที่คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนเขา…
…แต่ฉัน ฉันทำได้แค่มองดูเขาเศร้า
ช่วงหนึ่งของความทรงจำแวบเข้ามา อาคิยามะที่ยืนมองไปที่บ้านของฉันด้วยใบหน้าของคนที่พร้อมจะแตกสลายได้เพียงแค่เข้าไปแตะ
– “…บ้านฉันอยู่ที่นี่ ฉันเองก็อยู่เมืองนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว แค่เพิ่งย้ายไปเรียนที่เมือง I ตอนขึ้นปี 1 เฉยๆ” –
[‘เอ๊ะ? หรือว่า…’]
ฟิ้ววว…ตู้มมมม…
ดอกไม้ไฟลูกแรกของค่ำคืนนี้เบ่งบานสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงฮือฮาของผู้คน
ฉันกับอาคิยามะเองก็ถูกความสว่างไสวนั่นดึงดูดให้หันไปมอง บทสนทนาของเราจบลงแค่ตรงนั้น
ความรู้สึกเศร้าหมองยังคงเกาะกุมหัวใจ แต่เราไม่ได้พูดอะไรกัน เพียงแค่นั่งมองดอกไม้ไฟด้วยกันเงียบๆ และแบ่งปันความอบอุ่นให้แก่กันผ่านทางมือที่เกาะกุมกันไว้จนดอกไม้ไฟดอกสุดท้ายสิ้นแสงลง