ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ - ตอนที่ 60 สัปดาห์ที่ 22 โอโตเมะ อามายะ (6)
- Home
- ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ
- ตอนที่ 60 สัปดาห์ที่ 22 โอโตเมะ อามายะ (6)
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต
งานเทศกาลจบลงไปแล้ว ผู้คนต่างทยอยกันเดินทางกลับ บ้างก็เดินกลับ บ้างก็กลับรถส่วนตัว และบ้างก็นั่งรถไฟกลับแบบฉัน
อาคิยามะไปส่งฉันจริงๆ ตามที่ตกลงกันไว้ เขาให้ฉันจับชายเสื้อเหมือนตอนที่เดินเที่ยวในงาน ด้วยเหตุผลที่ว่าคนที่ทยอยกลับพร้อมกันค่อนข้างเยอะมันอาจจะพลัดหลงกันได้ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ต้องว้าวุ่นก็น่าจะเป็นตัวฉันเอง
เราสองคนเดินกันไปโดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ฉันมองอาคิยามะที่เดินนำอยู่ข้างหน้าแล้วรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนหลบหน้าอยู่ยังไงไม่รู้
จริงอยู่ที่เขาไม่ได้ทิ้งหรือหนีฉันไปไหน แต่หลังจากบอกให้ฉันจับเขาไว้ดีๆ แล้ว จนตอนนี้เขายังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรอีกเลย อย่าว่าแต่พูด หน้าฉันเขาก็ไม่มองแล้วตอนนี้
เราขึ้นด้วยรถไฟด้วยกัน ฉันนั่งลงตรงข้างประตูส่วนอาคิยามะยืนอยู่ข้างๆ อยากจะหันไปชวนเขาคุยแต่เขาเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูอะไรสักอย่าง
[‘แบบนี้มันน่าอึดอัดชะมัด’]
อยากจะคุยกับเขา มีเรื่องอยากรู้ อยากถามเขามากมายแต่ก็ไม่กล้า ทำได้เพียงก้มหน้ามองปลายเท้า แอบถอนหายใจกับตัวเอง
จนกระทั่งรถไฟมาถึงสถานีที่หมาย ฉันเดินนำอาคิยามะออกจากขบวนรถ มุ่งหน้าออกจากสถานีตรงกลับบ้านของฉัน
อาคิยามะยังคงจ้องมองโทรศัพท์พลางขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินมาส่งฉันเงียบๆ
[‘เขากำลังคิดอะไรอยู่นะ หรือกังวลเรื่องที่เล่าให้ฉันฟังเมื่อกี้ หรือเขาจะกำลังหาวิธีปิดปากฉันอยู่?’]
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ เรื่องลับส่วนตัวขนาดนั้นใครเขาจะมาเล่าให้คนอื่นฟังง่ายๆ กัน
“…โตเมะ… โอโตเมะ? เฮ้? …”
“อ๊ะ?! อะ… อะไร? อืมม… ว่าไงหรอ?”
อาคิยามะโบกมือไปมาตรงหน้า พลางทำหน้าสงสัย
“เธอโอเคหรือเปล่า? ฉันเรียกเธอมาสักพักแล้วแต่เธอไม่ตอบ”
“เอ๊ะ? อ่อ… คิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ”
“งั้นหรอ…”
อาคิยามะหันกลับไปมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง ทำหน้าเหมือนคนกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต
“เบอร์โทรนี่ ฉันบันทึกไว้ได้มั้ย?”
ไม่เข้าใจ…
นั่นคือความคิดแรกที่โผล่เข้ามาในหัว อาคิยามะพูดถึงเบอร์โทรอะไรกัน
ฉันมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ และเขาเองก็คงจะรู้ว่าฉันไม่เข้าใจ เขาเลยอธิบายที่มาที่ไปของการขอบันทึกเบอร์โทรอะไรนั่นให้ฉันฟัง
“คือ… เบอร์โทรของเธอน่ะ นี่น่ะ…”
เขาหันหน้าจอโทรศัพท์มาทางฉัน รายการโทรในเครื่องเรียงลำดับอยู่ตรงหน้า รายการล่าสุดคือเบอร์โทรของฉันเอง
…ฉันบันทึกเบอร์ของเธอได้มั้ย
พออาคิยามะขอบันทึกเบอร์โทรของฉันทั้งที่มันอยู่ในเครื่องของเขาแล้วฉันก็รู้สึกแปลกๆ จะว่าไงดีล่ะ มันก็อยู่ในเครื่องเขาแล้วนิ ทำไมต้องมาขอฉันอีก
พอถามเขาไปแบบนั้นอาคิยามะกลับบอกว่าฉันซิแปลก การที่เราจะบันทึกเบอร์ติดต่อใครสักคน เราควรต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของก่อนเสมอซิ
ได้ฟังเหตุผลของเขาฉันก็หัวเราะออกมาเสียงดัง หัวเราะอยู่นานจนน้ำตาเล็ด
[‘หมอนี่เป็นสุภาพบุรุษหรือแค่ซื่อบื้อกันล่ะเนี่ย ฮ่าๆๆ’]
“ฮา… โอย… เหนื่อย…”
เหนื่อย แต่ก็โล่งใจ
“นี่นายกังวลเรื่องนี้มาตลอดทางเลยหรอ?”
“ก็คิดอยู่ว่าจะทำไงดีน่ะ กลัวว่าถ้าถือวิสาสะบันทึกไปเองแล้วเธอรู้ ฉันอาจจะโดนเธอแหยงเอาก็ได้”
“โธ่เอ้ยตาบ้า เรื่องแค่นี้คิดเล็กคิดน้อยไปได้ ฉันก็นึกว่านายกังวลเรื่องอื่นซะอีก อย่าทำให้ฉันกังวลซิยะ”
หาาา…
หน้าตาตอนเหวอของอาคิยามะก็ดูตลกไปอีกแบบ รู้สึกว่ายิ่งรู้จักกันเขาก็ยิ่งมีด้านต่างๆ ให้เห็นเยอะขึ้น
ไม่ใช่แค่เฉพาะด้านดีที่ฉันชอบ ด้านไม่ดีที่ฉันไม่ชอบก็มี แต่โดยรวมแล้วเขาก็ยังจัดว่าเป็นผู้ชายที่ดีแหละนะ
“ไหน เอาโทรศัพท์นายมานี่ซิ”
อาคิยามะยังคงทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมวางโทรศัพท์ใส่มือฉัน ใช้เวลาไม่นานนักก็มีเบอร์ของฉันบันทึกอยู่ในเครื่องของเขา
แถมฉันยังใจดีแอด RaNE ของฉันให้เขาด้วย
เสร็จแล้วก็ส่งให้เขาก่อนจะเดินต่อไป
ได้ยินเสียงอาคิยามะบ่นมาจากข้างหลัง ประมาณว่า ทำไมไม่บันทึกเป็นชื่อให้มันดีๆ
แต่ฉันอารมณ์ดีเกินกว่าจะหันไปตอบเขา
—
ในที่สุดเราก็เดินทางกันมาจนสุดทางสำหรับค่ำคืนนี้แล้ว
ตรงหน้าพวกเราคือรั้วเหล็กอันเป็นรั้วบ้านของฉัน ใช่แล้ว อาคิยามะมาส่งฉันถึงบ้านแล้ว
แต่ยังให้เขากลับไปเลยไม่ได้…
ฉันให้เขารอฉันอยู่ตรงนี้ ส่วนตัวเองก็วิ่งเข้าบ้านไปหยิบเงินในห้องของตัวเองมาใช้คืนเขา
ค่ำคืนนี้ฉันยืมเงินของเขามามากโข
“กลับมาแล้วค่าาา…”
ฉันทักทายพ่อกับแม่แล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง โยนเสื้อคลุมไว้บนที่นอน หยิบกระเป๋าตังค์แล้วออกไปนอกบ้านอีกครั้ง
“จะไปไหนอีกหรอลูก?”
“เอาเงินไปคืนเพื่อนค่ะแม่”
แล้วฉันก็เปิดประตูออกไป
อาคิยามะยังอยู่ตรงนั้น คงเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูเขาจึงหันมาทางฉัน
“ขอโทษที่ให้รอนะ”
ฉันบอกเขาแล้วเปิดประตูรั้วออกไป แล้วก็ควักเงินออกมานับคืนเขา
แต่จู่ๆ อาคิยามะที่มองจ้องฉันมาตลอดก็หัวเราะขึ้นมา พอถามว่าหัวเราะอะไรเจ้าตัวก็ตอบเลี่ยงๆ ไปว่าคิดเรื่องไร้สาระแล้วก็หัวเราะเองคนเดียวน่ะ
ฉันว่าเขาเพี้ยนแล้วก็ส่งเงินให้ อาคิยามะก็รับไปเก็บใส่กระเป๋าเฉย เห็นแล้วก็คิดว่าหมอนี่มักง่ายไปมั้ยเนี่ย
“ทำไมไม่นับก่อนล่ะ ไม่รอบคอบแบบนี้เดี๋ยวก็โดนโกงเอาหรอก”
…แล้วจะมาหาว่าฉันคืนไม่ครบไม่ได้นะ
อาคิยามะที่ได้ยินแบบนั้นก็ยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ปากถามว่าเธอจะโกงฉันหรือไง
“เห็นฉันเป็นคนยังไงยะ”
อาคิยามะยกมือขึ้นมาลูบออก แสร้งถอนหายใจ พลางพึมพำว่าค่อยยังชั่ว
[‘น่าหมั่นไส้ชะมัด’]
“ยังจะทำเป็นเล่นอยู่อีก ถ้าเป็นคนอื่นแล้วนายไม่รอบคอบแบบนี้ นายอาจจะโดนโกงจริงๆ ก็ได้นะ…”
ฉันบ่นเขาไปยกหนึ่งพอหอมปากหอมคอ เห็นเขาเพียงแค่ยืนฟังยิ้มๆ ก็รู้สึกเหนื่อยใจ
“งั้น… กลับบ้านดีๆ นะ”
อาคิยามะยังคงยิ้มน้อยๆ
“อืมม…”
“ถึงบ้านแล้วบอกฉันด้วย”
“เธอเป็นแม่ฉันเรอะ”
“แค่กลัวว่าถ้านายเป็นอะไรขึ้นมาแล้วตัวเองจะต้องโดนตำรวจสอบปากคำเพราะอยู่กับนายคนสุดท้ายต่างหากล่ะย่ะ”
“ง้านหรอออ…”
กวนประสาทจนวินาทีสุดท้าย… ไอ้คนบ้า
ฉันไล่อาคิยามะกลับบ้าน ส่วนตัวเองก็เดินกลับเข้ามารั้วบ้าน
นอกรั้วนั้น อาคิยามะยืนมองฉันอยู่ และฉันก็กำลังมองเขาเช่นกัน
“งั้นไว้เจอกันนะ”
เขาบอกฉัน ฟังแล้วไม่ใช่คำบอกลา แต่เหมือนคำสัญญาว่าจะกลับมาเจอกัน มันทำให้ฉันดีใจ
“อื้มมม~ วันนี้ขอบคุณนายมากเลยนะ ฉันสนุกมากเลย”
“ดีแล้ว…”
“ฉันเข้าบ้านก่อนนะ ออกมานานแล้ว”
“อืมม…”
“งั้น… บาย”
“บาย”
ฉันหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน ยังรับรู้ได้ว่าอาคิยามะยังยืนอยู่ตรงนั้น
นี่หมอนั่นคิดจะส่งจนฉันเดินเข้าบ้านจริงๆ เลยหรือไง
และก่อนที่ฉันจะเปิดประตู เสียงทุ้มนุ่มชวนฟังดังขึ้นเป็นชื่อของฉัน
“ขอบคุณนะ”
อาคิยามะยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหน
ไม่รู้ทำไมแค่ได้ยินคำขอบคุณแค่นั้นฉันก็รู้สึกหัวใจพองโต
ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหน รู้แค่ว่าฉันสบายใจที่เห็นเขาอยู่ตรงนั้น
“ฉันเองก็… ขอบคุณนะ”
เมื่อประตูปิดลง ฉันรู้สึกเหมือนความทรงจำของค่ำคืนนี้เป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง
เป็นฝันที่ตื่นเต้น น่ากลัว สนุกสนาน ประหลาดใจ เศร้า โกรธ ดีใจ เสียใจ หลากหลายอารมณ์จนรู้สึกเหนื่อย
เหนื่อย แต่ก็รู้สึกดี
ฉันเดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นก่อนจะหยิบน้ำออกมาเทใส่แก้วแล้วกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด
ความเย็นของน้ำบวกกับไอเย็นของเครื่องปรับอากาศช่วยไล่ความร้อนของหน้าฤดูร้อนบนตัวฉันออกไป
หลังจากเก็บน้ำใส่ตู้ไว้เหมือนเดิมก็หันมาเจอแม่ที่เดินเข้ามาหา ส่วนพ่อยังนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์เหมือนเดิม
“นี่จ่ะ พี่เขาฝากไว้ให้”
แม่ยื่นโทรศัพท์มือถือของฉันมาให้ ฉันขอบคุณแม่และรับมาก่อนจะกดเข้าไปดูเพื่อนใน RaNE
มีโปรไฟล์ใหม่อยู่อันหนึ่ง เป็นรูป…
“หมอน? …”
“ว่าไงนะจ๊ะ?”
“เอ๊ะ?”
ฉันเผลอพูดคนเดียวตอนที่เห็นรูปโปรไฟล์ของอาคิยามะในโทรศัพท์ แต่แม่ดันถามฉันกลับซะงั้น ไม่ซิ… ทำไมแม่ยังยืนอยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย
ฉันปฏิเสธแม่ไปว่าไม่มีอะไรและขอตัวไปอาบน้ำ แม่มองฉันแล้วอมยิ้มแบบรู้ทัน
ทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มนั่นฉันรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวหยุบหยิบไปหมด
[‘ไม่มั้ง?’]
ไม่น่าเป็นไปได้ที่แม่จะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ แต่ฉันก็สลัดรอยยิ้มรู้ทันของแม่ออกไปจากหัวไม่ได้
เลยได้แต่ตีมึนเดินหนีออกมาเลย
หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยความเหนื่อยล้าที่ยังสะสมอยู่เมื่อตอนกลับมาก็หายไปหมด แน่นอนว่าต้องยกเครดิตให้น้ำอุ่นที่สุดแสนสบายในห้องน้ำนั่น
ฉันรีบจัดการบำรุงตัวตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะกระโดดขึ้นที่นอนอันนุ่มสบายของตนเอง พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
[‘โทรไปเมาส์มอยกับเซริสักหน่อยดีกว่าแล้วค่อยนอน’]
ไม่นานนักเซริก็รับสาย เธออยู่ในชุดนอน? ใช่ชุดนอนหรือเปล่านะ? แล้วฉากหลังนั่นมันที่ไหน?
“ว่างาย… อามายะ ถ้าไม่มีธุระ ฉันวางละนะ”
“เอ๊ะ?!”
“พอดีฉันมีธุระน่ะ”
“อ่อ… ไม่มีอะไร แค่จะเมาส์เรื่องที่ไปเที่ยวงานเทศกาลคืนนี้น่ะ”
“อ๊ะ โยจัง รอเดี๋ยวนะ… ทำไม มีอะไรน่าสนใจหรอ?”
เซริหันไปคุยกับคนที่น่าจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอก่อนจะหันมาถามฉัน แต่สมองของฉันโฟกัสไปกับเรื่องแรกก่อนแล้ว
อยู่กับแฟน เวลานี้เนี่ยนะ? อ๊ะ…? ชุดนอน…?
สมองของฉันจินตนาการภาพเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตเป็นฉากๆ
นั่นส่งผลให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงที่หัวมากขึ้นและมันดูเหมือนจะทำให้สมองของฉันเออเร่อ
“ออ… อ้อ… ไม่มี..”
ติ๊ง…
เสียงแจ้งเตือนจากข้อความทาง RaNE
เจ้าของไอคอนโปรไฟล์สุดแปลกอย่างรูปหมอน
[ถึงแล้ว]
ข้อความมีแค่นั้น แถบแสดงแจ้งเตือนหายไปจากหน้าจอ…
“ยิ้มอะไรของเธอ อามายะ?”
“อ๊ะ ไม่มีอะไร งั้นไว้คุยกันนะ ฉันไม่อยากขัดค่ำคืนอันแสนหวานของเธอ”
“ต้องบอกว่าแสนเร่าร้อนซิถึงจะเข้ากับฤดูกาล”
จ้าาาา…
ฉันตอบเซริแล้วก็วางสาย สัมผัสได้ว่าใบหน้าร้อนๆ กว่าตอนปกติ
“ยัยบ้าเซริ ทำเอาฉันอายแทนเลยเนี่ย”
ล้มตัวกลิ้งไปบนที่นอนก่อนจะเปิดดูข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาเมื่อกี้ รู้สึกอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด
“ก็ยอมบอกกันนี่นา ฮิๆๆ”
ฉันพิมพ์ข้อความสั้นๆ ตอบกลับไป ก่อนจะปิดไฟห้องนอน
เวลายังไม่ดึกมากนักแต่หัวถึงหมอนก็เริ่มรู้สึกง่วง
ติ๊งง…
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้ง
ฉันเปิดหน้าจอแชทของแอพขึ้นมา บทสนทนาทั้งหมดที่คุยกันปรากฏอยู่บนหน้าจอ
[ถึงแล้ว]
[งั้นหรอเจ้าหมอน]
[เพ้ออะไรของเธอ]
ฉันพิมพ์ข้อความใหม่เพิ่มเข้าไป
[นอนละ ฝันดีเจ้าหมอน zzZZ]
บนหน้าจอขึ้นว่าอ่านแล้ว…
[ฝันดี]
แหะๆๆๆ…