ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 100 ตกใจจนต้องลุกขึ้นนั่ง
“ท่านพี่ ข้าแจ่มแจ้งดี ไม่ได้เพ้อฝันไป!” หญิงชรากล่าวอย่างร้อนรน มือไม้โบกในพลัน ทันใดนั้นโอสถวิเศษนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นในห้อง กลิ่นหอมรัญจวนแตะจมูกอัดแน่นเต็มห้องจน แทบทะลักทลายออกมา
“นะ นี่มัน…”
อู๋หานเยียนจ้องมองจนลูกตาแทบถลนออกมา ร่างใกล้สิ้นลมกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ถึงกับกระเด้งผุดกายลุกจากเตียงนอน มองทุกสิ่งเบื้องหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เผลอไผลคิดว่าตนฝันไ ไป
“ข้ากำลังฝันอยู่หรือ? ภาพหลอนก่อนตาย! ต้องเป็นภาพหลอนก่อนตายแน่ๆ!” อู๋หานเยียนพึมพำกับตนเอง ดวงตาแก่ชรามีน้ำตารินไหล “แต่ว่า ได้เห็นภาพหลอนที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ก่อนต ตาย ก็ทำให้ข้าจากไปด้วยรอยยิ้มได้เหมือนกัน”
หญิงชรายิ้มขื่นมองพี่สาวของตน ก่อนจะบอกว่า “ท่านพี่ ท่านไม่ต้องจากไปด้วยรอยยิ้ม ท่านจะมีชีวิตอยู่ด้วยรอยยิ้ม นี่เป็นของจริง หาใช่ภาพหลอนแต่อย่างใด!”
นางหยิบโอสถวิเศษต้นหนึ่งออกมาจากกองสมุนไพร พูดต่อว่า “หญ้าบรรเทาพิษนี้สามารถถอนพิษตัวต่อในร่างของท่านได้ รีบกินเข้าเถิด”
“เรื่องนี้จริงหรือ”
อู๋หานเยียนยังคงไม่กล้าปักใจเชื่อความจริงที่ประจักษ์เบื้องหน้า มองน้องสาวของตนอย่างตะลึงลาน “เจ้าคงไม่ได้ไปค้นพบอาศรมของเซียนครั้นบรรพกาลหรอกใช่ไหม”
หญิงชราเอ่ยว่า “ท่านพี่ เป็นเพราะข้ารับศิษย์คนนั้นมาต่างหากเล่า!”
“ศิษย์ที่มีรากปราณระดับล่างน่ะหรือ ศิษย์ที่ไหนกันจะมีภูมิหลังใหญ่โตเพียงนั้น แล้วจะมาอยู่ที่สำนักพวกเราได้อย่างไร” สมองของอู๋หานเยียนคล้ายกับมีเครื่องหมายปรัศนีงอกออ อกมาถามว่าทำไมนับหมื่นคำถาม
“ลูกศิษย์คนนี้มีที่มาเป็นอย่างไรข้าไม่แน่ชัด แต่ว่า…” ดวงตาของหญิงชราฉายความเคารพยำเกรงอย่างห้ามไม่อยู่ สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกล่าวว่า “ข้ารู้ว่านางมีพี่ชายคนหนึ่งซึ่งไ ไม่ธรรมดา ตัวอักษรที่เขียนออกมานั้นแฝงทำนองมรรคา แม้แต่จักรพรรดิลั่วก็ยังนับหน้าถือตา!”
ทำนองมรรคา?
จักรพรรดิลั่ว?
“เฮือก”
อู๋หานเยียนสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง แทบจะหน้ามืดหมดสติไป เกือบสิ้นลมอยู่รอมร่อ
ความตะลึงงันพรรค์นั้นหนักหนาเหลือรับ ราวกับทำให้นางสูญเสียความสามารถในการไตร่ตรองไป หัวใจเต้นเร่งระรัว
ไม่ว่าจะเป็นทำนองมรรคาหรือจักรพรรดิ สำหรับนางแล้วก็ล้วนห่างไกลเหลือเกิน นับเป็นเป็นสิ่งที่มองเห็นแต่ไม่อาจเอื้อม
บัดนี้ถึงกับได้ผูกไมตรีจิตต่อกันเพียงเพราะรับลูกศิษย์มาคนหนึ่ง มิหนำซ้ำยังได้โอสถวิเศษมามหาศาลเช่นนี้!
เรื่องพรรค์นี้ แค่ฝันยังไม่กล้าฝันเลย!
นี่มันลูกศิษย์เทพเซียนอะไรกัน
สำนักจินเหลียนของข้าจะโชคดีกระไรปานนั้น
อู๋หานเยียนอึ้งงันไปแล้ว ต่อให้เบื้องหน้าของตนมีโอสถวิเศษวางอยู่มากมายเพียงนี้ นางก็ยังคงมองหญิงชรา
อย่างเหลือเชื่อ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง?”
“ท่านพี่ เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน!” หญิงชราพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ท่านรีบกินหญ้าบรรเทาพิษเถอะ ข้าจะช่วยท่านขับพิษไปพลาง อธิบายไปพลาง ไม่เช่นนั้นกลัวว่าท่านจะตื่นเต้นเกิ นไปจนทนไม่ไหว”
อู๋หานเยียนพยักหน้ารัว “ตกลง!”
ผ่านไปสองชั่วยาม
สีของท้องนภาหม่นลงแล้ว
หญิงชราและอู๋หานเยียนลืมตาขึ้นพร้อมกัน ถึงแม้บนร่างของพวกนางจะมีเหงื่อกาฬโซมกาย ลมหายใจหอบถี่
ทว่าต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
“ฟู่”
อู๋หานเยียนผ่อนลมหายใจยาว ใบหน้าอันห่อเหี่ยวแก่ชราก็ค่อยๆ มีชีวิตชีวาขึ้นมาในที่สุด “ไม่ได้รู้สึกสบายเช่น
นี้มานานเหลือเกิน”
หญิงชราก็กล่าวอย่างยิ้มแย้มเช่นกัน “ท่านพี่ ทีนี้ท่านคงเชื่อคำพูดของข้าแล้วกระมัง”
“เหลือเชื่อ เหลือเชื่อจริงๆ!”
อู๋หานเยียนพยักหน้าพลางรำพันอย่างตกตะลึง น้ำเสียงแฝงความเลื่อมใส “นึกไม่ถึงเลยว่าบนโลกนี้จะมีบุคคลเช่นนี้ด้วย อีกทั้งยังเห็นสำนักจินเหลียนของพวกเราอยู่ในสายตา ข้ารู้ สึก…เหลือเชื่อจริงๆ”
ระหว่างที่รักษาอาการบาดเจ็บ นางได้ฟังหญิงชราสาธยายเรื่องราวทั้งหมด นางรู้สึกทึ่งตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเรื่อง
คุณชายปุถุชนซึ่งแสนจะไม่ธรรมดาคนหนึ่ง แผ่นกระดาษเขียนคำอวยพรแฝงทำนองมรรคาผืนหนึ่ง ท่าทีประจบประแจงของจักรพรรดิลั่ว รวมไปถึงนักพรตเทียนหมัวซึ่งเป็นไปได้มากว่าจะม่องเท่งไป ปแล้ว
โดยเฉพาะคำพูดเหล่านั้นของจักรพรรดิลั่ว ก็ยิ่งทำให้อู๋หานเยียนตกตะลึงสุดขีด
เป็นเพราะลูกศิษย์คนนี้ สำนักจินเหลียนของข้าจะเหนือกว่าราชวงศ์เซียนเฉียนหลงได้เชียวหรือ
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ยากจะใคร่ครวญ จนห้วงสำนึกของนางแทบแตกเป็นเสี่ยง
อู๋หานเยียนเอ่ยอย่างขึงขัง “พวกเราจะต้องดูแลเด็กคนนี้ให้ดี ไม่สิ! ไม่ใช่แค่ดูแล แต่จะต้องคิดว่านางสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของพวกเราเสียอีก!”
อย่าว่าแต่เป็นเพราะนานนาน ที่นางยังมีชีวิตรอดมาได้ก็เป็นเพราะผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นมาเกื้อหนุน ไม่ว่าอย่างไรนับว่าเป็นบุคคลที่ต้องเทิดทูน!
หญิงชราพยักหน้าเห็นด้วย “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ข้าจัดให้นางอยู่ข้างห้องข้า จะได้ดูแลสะดวก”
อู๋หานเยียนเอ่ยขึ้นทันใด “ไปเร็ว ข้าจะไปหานางสักหน่อย”
ทั้งสองกลายเป็นลำแสง ไม่นานก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูห้องของนานนาน
“ก๊อกๆๆ”
หญิงชราเคาะประตู เอ่ยขึ้นว่า “นานนาน นอนไปแล้วหรือ”
“ยังเจ้าค่ะ” นานนานเปิดประตูมองไปยังหญิงชรา “อาจารย์”
หญิงชราคลี่ยิ้มพร้อมแนะนำ “นี่คือพี่สาวข้า เป็นประมุขสำนักจินเหลียน”
อู๋หานเยียนยิ้มเอ่ย “นานนาน ยินดีต้อนรับเจ้าเข้าสำนักจินเหลียน”
“คำนับท่านประมุข”
นานนานเดินนำพวกนางเข้าไปในห้อง ส่วนตนเองก็กลับไปหยิบพู่กันขึ้นมาขีดๆ เขียนๆ บนกำแพงต่อ
หญิงชราและอู๋หานเยียนมองดูอย่างฉงนใจ
กลับพบว่าบนผนังเขียนชื่อสำนักบ้าง ชื่อคนบ้าง ที่สำคัญก็คือพวกนางล้วนคุ้นเคยกับชื่อเหล่านี้
รายชื่อเหล่านั้นก็คือชื่อของผู้ที่เคยมีปมอดีตกับสำนักจินเหลียนซึ่งหญิงชราได้เล่าให้นานนานฟังระหว่างทาง
ส่วนสองรายชื่อแรกนั้น ชื่อหนึ่งคือ ‘ปีศาจเสือดาว’ อีกชื่อหนึ่งคือ ‘นักพรตเทียนหมัว’ นั้นได้ถูกนานนานกากบาททับไปแล้ว
หญิงชราตะลึงงันอยู่บ้าง จึงเอ่ยถามออกไป “นานนาน นี่คือ?”
“คนกลุ่มนี้คือศัตรูตัวฉกาจของข้าในตอนนี้ ภายภาคหน้าจะต้องตามจัดการทีละคน” นานนานตอบ “พื้นที่ว่างตรงนี้เหลือไว้สำหรับศัตรูที่อาจปรากฏตัวหลังจากนี้ สรุปคือ แต่นี้ต่อไป ป จะไม่มีผู้ใดรังแกนานนานได้อีก!”
“เฮือก!”
หญิงชราและอู๋หานเยียนสูดลมเย็นเข้าปอดพร้อมกัน ตื่นตระหนกกับการกระทำของนานนาน ขณะเดียวกันก็สมองชาหนึบเพราะรายนามศัตรูบนผนัง
เห็นพลังของจอมมารตัวน้อยแผ่ซ่านจากร่างของนานนาน
พวกนางส่ายหน้ายิ้มขื่น เห็นทีหลังจากนี้สำนักจินเหลียนอย่าได้นึกถึงความสงบสุขอีกเลย
จากนั้นสายตาของพวกนางก็พลันเบนไปยังอีกตำแหน่งหนึ่ง
จึงพบว่าอีกแห่งหนึ่งบนผนังมีกระดาษเขียนคำอวยพรซึ่งปรมาจารย์มอบให้นานนานแขวนเอาไว้
“สวรรค์มีไป๋อวี้จิง สิบสองหอห้าเมือง
เซียนลูบศีรษะ มอบพลังอมตะให้แก่ข้า”
หวึ่ง!
ชั่วพริบตาที่มองไป พวกนางก็สัมผัสได้ว่าความว่างเปล่ารอบข้างแผ่นกระดาษนั้นราวกับกระเพื่อมขึ้นมา ระหว่างบรรทัดของบทกวีสำแดงทำนองมรรคาเข้มข้น ถึงขั้นทำให้ละเมอเพ้อพกไปว่า เป็นเพราะกระดาษเขียนคำอวยพรแห่งนี้จะทำให้ห้องของนานนานกลายเป็นสถานที่บรรลุเซียน ก่อเกิดเป็นภาพหอเซียนเลือนรางทับซ้อน
อู๋หานเยียนเพียงแต่ได้ยินหญิงชราเล่าเรื่องแผ่นกระดาษเขียนคำอวยพร ครานี้ได้เห็นกับตาตนเอง ความตื่นตระหนกในใจก็ยิ่งโหมคลั่งประดุจย้ายขุนเขาพลิกมหาสมุทรก็มิปาน
ตัวอักษรนี้…เป็นร่องรอยของเหล่าเซียนไม่ผิดแน่!
ลำพังกระดาษเขียนคำอวยพร ก็เลอค่ายิ่งกว่าวาสนาใดในโลกหล้าแล้ว!
ผู้ที่ขีดเขียนสิ่งนี้ออกมาอย่างง่ายดาย จะต้องเป็นอริยบุคคลที่เลิศล้ำระดับใดกัน
มิหนำซ้ำคนผู้นี้ ยังเป็นพี่ชายของนานนาน!
น่ากลัว น่ากลัวเหลือเกิน!