ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 101 จดหมายของนานนาน
ในตอนนั้น นานนานก็หยิบจดหมายออกมาฉบับหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “อาจารย์ ข้ายังเขียนจดหมายให้พี่ชายฉบับหนึ่งด้วย ข้าอยากบอกเขาว่าข้าปลอดภัยดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าควรส่งไปอย่า างไร”
เขียนให้พี่ชาย?
หญิงชรากระวนกระวายใจขึ้นมา รีบบอกว่า “ย่อมส่งออกไปได้อยู่แล้ว เอาจดหมายมาให้ข้า วันนี้ข้าจะช่วยนำไปส่งให้พี่ชายเจ้า”
ต้องนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งอย่างแม่นยำและรวดเร็วที่สุด ไม่อาจรอช้าได้!
นางเตรียมจะนำจดหมายนี้ไปให้ส่งให้ราชวงศ์เซียนเฉียนหลงด้วยตนเอง และให้ราชวงศ์เซียนเฉียนหลงนำไปส่งต่ออีกที
หญิงชราและอู๋หานเยียนเดินออกจากห้องของนานนานด้วยจิตใจอันซับซ้อน
กระดาษเขียนตัวอักษรแผ่นนั้นแม้จะมีค่าควรเมือง แต่พวกนางกลับไม่กล้าคิดจะตุกติกแม้แต่น้อย
ทั้งสองมองหน้ากัน ล้วนเห็นความหนักแน่นขึงขังจากสายตาของอีกฝ่าย
ชั่วขณะนั้นเอง อู๋หานเยียนก็ชะงักไป สายตากวาดมองไปรอบๆ ไอเย็นเฉียบพุ่งเข้าปะทะ พานให้นางหนาวเหน็บจนชาวาบไปทั้งสรรพางค์กาย!
กลับเห็นว่าในห้องที่นานนานอาศัยอยู่ พื้นดินเหลืองอันแร้นแค้นมีต้นไม้ใบหญ้างอกงามขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ มวลบุปฝาแข่งกันชูช่อเบ่งบาน ส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจ
……
รุ่งสางสองวันต่อมา
ณ เชิงเขาซึ่งเรือนสี่ประสานตั้งอยู่
ลำแสงสองสายทะยานมาหยุดลงตรงนี้แต่เช้าตรู่
สองคนนั้นก็คือจักรพรรดิลั่วและลั่วซืออวี่
พวกเขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนเขาด้วยสายตาเปี่ยมความเคารพและจริงใจ
ครั้งก่อนนักพรตเทียนหมัวสิ้นใจตรงหน้าพวกเขา เรียกได้ว่าเป็นความทรงจำซึ่งยังคงแจ่มชัด ยากลืมเลือนไปชั่วชีวิต
ทุกสิ่งเงียบสงัดไปชั่วขณะ
ทั้งสองสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะออกเดิน ค่อยๆ ขึ้นเขาไปพร้อมกัน ถึงขั้นที่ตั้งใจไม่ให้ฝีเท้าของตนส่งเสียงดัง แม้แต่ลมหายใจก็จำต้องควบคุมให้แผ่วเบา
สิ่งที่แตกต่างจากเมื่อก่อนก็คือในใจของพวกเขาก่อเกิดความหวั่นกลัวขึ้นมา
หากพวกเขาแวะมาเยี่ยมเยียนหลี่เนี่ยนฝานเมื่อก่อน ในใจมีเพียงความเลื่อมใสและประดักประเดิด ทว่ายามนี้ความรู้สึกที่มาอันดับแรกคือความเกรงกลัว!
แม้ว่าที่ผ่านมาพวกเขาจะรู้ว่าไม่อาจสบประมาทและห้ามล่วงเกินปรมาจารย์เป็นอันขาด!
แต่หลี่เนี่ยนฝานก็มีท่าทีเป็นมิตรต่อพวกเขาเสมอมา ถึงขั้นที่นึกครึ้มอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อใด ก็ยังมอบสิ่งล้ำค่าให้พวกเขาอีก เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงค่อยๆ รู้สึกว่าคุณชายหลี่ นั้นเป็นปรมาจารย์ที่น่าคบหาเข้าถึงง่ายคนหนึ่ง
จนกระทั่งได้มองเห็นจุดจบของนักพรตเทียนหมัวกับตาตนเอง เอน็จอนาถเหลือรับ แม้แต่ร่องรอยการมีอยู่บน
โลกนี้ยังถูกลบเลือนไป พวกเขาจึงได้ตระหนักว่าปรจารย์นั้นมิได้อารมณ์ดีตลอดเวลา เมื่อใดที่มีโทสะ จุดจบของอีกฝ่ายมิได้ง่ายดายแค่การตกตายไป!
เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นมาก่อนแล้ว พวกเขาจะไม่กลัวได้อย่างไร
ยามที่ตนอยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ จำต้องทำตัวให้ดี ตรึกตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ห้ามยั่วโมโหปรมาจารย์เป็นอันขาด!
ในตอนนั้นเอง ลั่วซืออวี่ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ได้ยินว่าช่วงนี้ปีศาจเหิมเกริม ถึงขั้นเข้ามาเคลื่อนไหวในอาณาเขตของราชวงศ์เซียนเฉียนหลงด้วย”
“อืม เป็นเช่นนั้นจริง” จักรพรรดิลั่วพยักหน้า ทอดถอนใจแผ่วเบา “ข้าให้คนไปสืบดูแล้ว จากข่าวลือดูเหมือนว่าพวกเขากำลังตามหาบางอย่างอยู่”
“ตามหาบางอย่าง?” ลั่วซืออวี่ชะงักไปเล็กน้อย “หรือว่าจะไม่ได้มาเพราะหุบเขาจิ่นหมัว”
“หากมาเพราะหุบเขาจิ่นหมัวละก็ พวกมันไม่มีทางมากันเอิกเกริกเช่นนี้หรอก” จักรพรรดิลั่วส่ายหน้า ก่อนจะบอกว่า “เอาละ เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากัน ภารกิจด่วนตอนนี้ก็คือเยี่ยมเยื อนคุณชายหลี่”
ลั่วซืออวี่กลับเอ่ยอย่างวิตก “ข้าเพียงกังวลว่าพวกปีศาจจะไม่ดูตาม้าตาเรือไปรบกวนปรมาจารย์เข้า”
หว่างคิ้วของจักรพรรดิลั่วขมวดมุ่น
ปีศาจเหล่านั้นไม่เกรงกลัวผู้ใด ทั้งยังเอาแต่ผลุบๆ โผล่ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ใครก็เดาไม่ออกว่าต่อไปพวกเขาจะทำอะไร จะปรากฏตัวที่ไหนอีก
จักรพรรดิลั่วพึมพำ “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณชายหลี่ ถ้าหากพวกเขาทำให้คุณชายหลี่ขุ่นเคือง ก็คงถึงคราวชะตาขาดแล้วละ”
ระหว่างที่สนทนากันนั้น ทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าเรือนสี่ประสาน
พวกเขาหยุดฝีเท้าลง ไม่ได้เอ่ยปากร้องเรียก แต่กลับเดินมาหน้าประตูแล้วเคาะที่ประตูสามครั้งดัง ‘ก๊อกๆๆ‘
“แกร็ก”
เสี่ยวไป๋เปิดประตูออก เมื่อเห็นว่าเป็นจักรพรรดิลั่วและลั่วซืออวี่ ก็เอ่ยว่า “ยินดีต้อนรับ”
“สวัสดี เสี่ยวไป๋” จักรพรรดิลั่วและลั่วซืออวี่แย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เสี่ยวไป๋ ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนสี่ประสานอย่างนบนอบ
หลี่เนี่ยนฝานซึ่งกำลังแปรงฟันมองเห็นทั้งสอง ก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “โอ้ นึกไม่ถึงว่าแขกพิเศษจะมาเช้าขนาดนี้”
มุมปากสองข้างของเขาเปื้อนฟองขาว ใช้แปรงสีฟันแปรงไม่หยุด จากนั้นจึงอมน้ำเข้าไปกลั้วคอ ก่อนจะบ้วนออกลงในอ่างด้านข้าง
จักรพรรดิลั่วและลั่วซืออวี่คำนับ เอ่ยว่า “คำนับคุณชายหลี่”
พวกเขารู้สึกฉงนสนเท่ห์อยู่บ้าง ไม่รู้ว่าหลี่เนี่ยนฝานกำลังทำอะไร แต่นั่นก็มิได้ลดทอนความเลื่อมใสของพวกเขา นี่คงจะเป็นความแตกต่างระหว่างปรมาจารย์กับคนธรรมดาอย่างพวกเรา ากระมัง
จากนั้นก็มองดูอ่างซึ่งถูกน้ำลายถ่มรดด้วยความอิจฉา
หลี่เนี่ยนฝานยิ้มเอ่ย “พวกท่านเกรงใจเกินไปแล้ว นั่งลงเถิด เสี่ยวไป๋ ไปรินน้ำมาให้แขกสองแก้ว”
จักรพรรดิลั่วและลั่วซืออวี่ตะลึงงันไป ในใจลอบปลื้มปริ่ม ได้กินธาราปราณอีกแล้ว
พวกเขานั่งบนม้านั่งหินอย่างรู้มารยาท รับธาราปราณจากเสี่ยวไป๋มาจิบหนึ่งคำเบาๆ
“อา!”
สดชื่น!
มาบ้านคุณชายหลี่นั้นดีเหลือเกิน
ตั้งแต่เข้ามาในเรือน พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าจิตใจของตนสงบนิ่งกว่าแต่ก่อน ความสุขล้ำในใจเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งธาราปราณนยังเย็นฉ่ำถูกปาก มีพลังปราณเต็มเปี่ยม และจะได ด้ดื่มที่เรือนของคุณชายหลี่เท่านั้น
ชีวิตเช่นนี้ของคุณชายหลี่ ปราศจากความปรารถนาไม่ต้องไล่ตาม ไร้ทุกข์ไร้กังวล แม้แต่เซียนก็ยังริษยา ถ้าหากให้ข้าได้อยู่แบบนี้ ต่อให้เป็นปุถุชนไปชั่วชีวิตก็จะไม่เสียดาย!
เฮ้อ ช่างเถอะ ข้าไม่คู่ควรหรอก
หลังจากที่จักรพรรดิลั่วดื่มน้ำไปครึ่งแก้ว จึงหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา เอ่ยว่า “คุณชายหลี่ นี่เป็นจดหมายซึ่งสำนักจินเหลียนส่งมา นานนานเขียนถึงท่าน”
“นานนานเขียนมาหรือ” หลี่เนี่ยนฝานผุดยิ้มบางอย่างอดไม่ได้ เด็กคนนี้เป็นเด็กดีทีเดียว
เขารับจดหมายมาจากมือของจักรพรรดิลั่ว แล้วจึงเปิดอ่าน
ตัวอักษรไม่นับว่าประณีตนัก ยังคงดูบูดๆ เบี้ยวๆ อยู่บ้าง แต่จากตัวอักษรก็มองออกว่าผู้เขียนจดหมายนั้นตั้งใจ
เนื้อหาเป็นเพียงรายงานกับหลี่เนี่ยนฝานว่านางปลอดภัย ขณะเดียวกันก็บอกหลี่เนี่ยนฝานว่านางได้เข้าสำนักจินเหลียนอย่างเป็นทางการ ทั้งยังเริ่มต้นฝึกฝนอย่างเป็นทางการแล้ ว อาจารย์ดีต่อนางมาก ขอให้หลี่เนี่ยนฝานวางใจ นางจะพากเพียรฝึกฝนเพื่อให้กลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนในเร็ววัน
เจ้าเด็กคนนี้
หลี่เนี่ยนฝานคลี่ยิ้มออกมา คิดในใจว่า ‘สู้ๆ ก็แล้วกัน!’
ขณะที่หลี่เนี่ยนฝานกำลังอ่านจดหมายอยู่นั้น จักรพรรดิลั่วก็มองสำรวจไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
เขาพบว่าไม่ได้มานานจนเรือนของปรมาจารย์เปลี่ยนไปเสียมากโข