ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 102 ประสบการณ์กินไอศกรีมครั้งแรก
หากเปรียบกับเมื่อก่อน ในเรือนนั้นอุดมสมบูรณ์กว่าเดิมมาก ราวกับเป็นสวนขนาดย่อม
แม้เขาจะได้ฟังจากลั่วซืออวี่มาบ้างแล้วว่าปรมาจารย์นำโอสถวิเศษมาปลูกเป็นไม้ประดับในเรือน ทว่าเมื่อมาเห็นกับตาตนเองแล้วก็อดหัวใจเต้นระส่ำ ปากคอแห้งผากไม่ได้
โอสถวิเศษชั้นยอดเหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง ถูกนำมาประดับเรือนก็ว่าไปอย่าง หนำซ้ำยังปลูกได้เจริญงอกงามถึงเพียงนี้ โลกของผู้ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการอย่างที่ คิดจริงด้วย
ครั้นมองไปบนโต๊ะ ก็เห็นผลึกแก้วกลมใส ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเหมือนพระธาตุแผ่ธรรมของหอเซียนหลิงอวิ๋นอยู่เหมือนกัน
ของสิ่งนี้เป็นมรดกตกทอดของหอเซียนหลิงอวิ๋น ผู้ที่เคยพบเห็นมีน้อยนัก ยามนี้ถูกนำมาวางหราไว้บนโต๊ะเป็นของประดับเรือน เพื่อให้ผู้คนเชยชม?
“อึก”
จักรพรรดิลั่วกลืนน้ำลายลงคออย่างอดไม่ได้ เบนสายตาไปมองที่อื่น
“หืม? ภูเขาจำลองลูกนั้น?”
นัยน์ตาของเขาหดวูบ ในสมองคาดเดาเรื่องราวอัศจรรย์พันลึกบางอย่างขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ลั่วซืออวี่บอกไว้ว่าครั้งก่อนมาที่นี่พร้อมกับฉินม่านอวิ๋น คุณชายหลี่เหมือนจะถูกอกถูกใจหยาดน้ำแข็งทมิฬพัน
ปีเป็นพิเศษ ทั้งยังเรียกขานมันว่าเยลลี่ นึกไม่ถึงว่าอารามเต๋าหลินเซียนจะยกน้ำแข็งทมิฬพันปีทั้งก้อนมาให้เขา!
อาจหาญ ใจกว้างยิ่งนัก!
น่าเสียดายที่ราชวงศ์เซียนเฉียนหลงมีสมบัติล้ำค่าให้หยิบจับได้น้อยนัก ของกำนัลที่มอบให้ไม่เหมาะสม ทำได้เพียงทุ่มเททำสิ่งที่คุณชายหลี่มอบหมายให้สำเร็จ
หลี่เนี่ยนฝานเก็บจดหมายเรียบร้อย จึงบอกกับจักรพรรดิลั่วว่า “ลำบากพวกท่านต้องมาส่งจดหมายด้วยตนเอง ขอบคุณมาก”
จักรพรรดิลั่วเร่งร้อนเอ่ย “คุณชายหลี่เกรงใจแล้ว พวกข้าเตรียมจะแวะมาเยี่ยมอยู่พอดี อย่างไรก็ต้องมา”
“ฮ่าๆๆ ข้าเดาว่าพวกท่านมากินข้าวกระมัง” หลี่เนี่ยนฝานแย้มยิ้มบางพลางมองจักรพรรดิลั่วราวกับว่ามองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้เกรงอกเกรงใจปุถุชนอย่างข้ามาก ไมตรีจิตเป็นเรื่องหนึ่ง ความมีอารยะของตนเอาชนะใจพวกเขาได้ อีกสิ่งหนึ่งก็เป็นเพราะอาหารเลิศรสแล้วละ
จักรพรรดิลั่วบอกว่ามาเยี่ยมเยียนตน ในเมื่อไม่ได้มาขอภาพเขียนตัวอักษร ก็ย่อมมากินอาหาร
“เรื่องนั้น…”
ใบหน้าของจักรพรรดิลั่วพลันขาวซีดขึ้นมาเล็กน้อย หัวใจเต้นเร่งรัว ตะลึงงันอยู่กับที่
สมองของลั่วซืออวี่ขาวโพลน ทั้งร่างเหยียดตรง ไม่กล้าหายใจแรง
คุณชายหลี่มองทุกอย่างออกแต่แรกอย่างที่คิดไว้จริงๆ ตนไหนเลยจะปิดบังความคิดจากคุณชายหลี่ได้ ทำ
อย่างไรดี เขาโมโหหรือเปล่านะ
พวกเขาถึงกับไม่กล้าสบตาหลี่เนี่ยนฝาน มือเท้าเย็นเฉียบ เม็ดเหงื่อนับไม่ถ้วนผุดโซมกายในเสี้ยวนาทีสั้นๆ
ในชั่วลัดนิ้วมือเดียว จักรพรรดิลั่วก็กัดฟันกรอด ไม่กล้าอมพะนำ จึงทำได้เพียงฝืนกล่าวออกไปว่า “ไม่กล้าปิดบังคุณชายหลี่ ย่อมเป็นเช่นนั้น”
“ข้าวน่ะไม่มีหรอก ท่านก็รู้ว่าช่วงนี้ไม่สงบสุขนัก ข้าไม่ได้ออกไปข้างนอก อาหารการกินหลายวันมานี้ออกจะแร้นแค้นอยู่บ้าง” หลี่เนี่ยนฝานส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
ช่วงนี้มีปีศาจปรากฏตัวขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้เขาไม่ได้ออกไปล่าสัตว์มานานแล้ว
ทันใดนั้นหลี่เนี่ยนฝานก็ยิ้มเอ่ย “แต่ว่าอาหารก็มีอย่างหนึ่ง! พวกท่านมาพอดี มีลาภปากแล้ว”
เฮือก
ทันทีที่เห็นว่าหลี่เนี่ยนฝานไม่ได้โกรธเคือง จักรพรรดิลั่วและลั่วซืออวี่ก็ผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกประหนึ่งเพิ่งเหยียบย่างผ่านประตูมัจจุราชมาคราหนึ่ง แล้วขึ้นจากนรกสู่สรวงส สวรรค์ก็มิปาน
จักรพรรดิลั่วยังคงไม่วางใจในท่าทีของหลี่เนี่ยนฝาน จึงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “คุณชายหลี่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก ส่งจดหมายเสร็จแล้วพวกข้าก็ควรกลับ”
หลี่เนี่ยนฝานตอบ “เอาน่า ไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก ในเมื่ออยากกินก็ไม่ต้องเสแสร้ง!”
จักรพรรดิลั่วพลันพูดไม่ออก เขาอยากกินจริงๆ นั่นแหละ อยากกินมากเสียด้วย
นี่เป็นของที่คุณชายหลี่กินเชียวนะ จะธรรมดาได้หรือ? เกรงว่าต่อให้เป็นเซียนก็ไม่มีโอกาสได้กินกระมัง
ลั่วซืออวี่ซึ่งอยู่ด้านข้างเริ่มน้ำลายสอ ตั้งหน้าตั้งตาคอยเป็นที่สุด
พวกเขาเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ทว่ากลับเห็นหลี่เนี่ยนฝานเดินไปยังลำธารข้างน้ำแข็งทมิฬพันปี น้ำในนั้นถูกแช่แข็งเป็นก้อนน้ำแข็งไปทั้งแถบ มีไม้ก้านเล็กๆ ปักไว้ด้านบน
ขณะที่จักรพรรดิลั่วกำลังฉงนสนเท่ห์อยู่นั้น จู่ๆ ก็เห็นสิ่งของรูปทรงหกเหลี่ยมสีฟ้าครามอยู่ใจกลางก้อนน้ำแข็ง เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ดวงตาพลันฉายแววเหลือเชื่อ
นั่น นั่นมัน…
เขาขยี้ตาเบาๆ จ้องเขม็งมองไป
ผลึกธาตุน้ำแข็ง!
เป็นผลึกธาตุน้ำแข็งไม่ผิดแน่!
ก่อนหน้านี้ไม่ทันสังเกต ยามนี้ถึงได้พบว่าในลำธารสายนี้ของคุณชายหลี่มีผลึกธาตุน้ำแข็งใส่ไว้!
หมายความว่าอย่างไรกัน ใช้ผลึกธาตุน้ำแข็งแช่แข็งลำธารหรือ?
ออกจะ…หรูหราไปหน่อยกระมัง
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ข่มกลั้นความตื่นตระหนกใจสุดชีวิต ไม่กล้าเผยออกมาแม้แต่น้อย
หลี่เนี่ยนฝานตะโกนไปยังห้องหนึ่งว่า “ต๋าจี่ ไอศกรีมทำเสร็จแล้ว รีบมากินแล้ว”
“มาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของต๋าจี่ดังออกมาจากในห้อง
จากนั้นประตูห้องก็เปิดออก ต๋าจี่เดินออกมาอย่างไม่เร่งร้อน ความตื่นเต้นและคาดหวังฉายในดวงตา
หลี่เนี่ยนฝานเงยหน้ามอง ก็เห็นว่าต๋าจี่ซึ่งเดิมทีมีใบหน้าเนียนนุ่มดุจผิวเด็ก บัดนี้ปรางแก้มทั้งสองข้างมีสีชาดระเรื่อให้เห็น ริมฝีปากแดงละมุน เห็นได้ชัดว่านางประทินโ โฉมมาเบาบาง
ช่วงนี้หลี่เนี่ยนฝานไม่มีอะไรทำ ก็มักศึกษาความสนใจเหล่านี้ของดรุณีน้อย นึกไม่ถึงว่าต๋าจี่จะชื่นชอบเป็นพิเศษ
เมื่อก่อนมีตนอาศัยอยู่เพียงคนเดียว เรื่องเครื่องสำอางหลี่เนี่ยนฝานย่อมไม่สนใจ ทว่าแตกต่างกับตอนนี้ ในเมื่อต๋าจี่มาอยู่ด้วยแล้ว ก็ย่อมต้องเพิ่มของที่หญิงสาวชอบ เพื่อใ ให้ใช้ชีวิตอย่างสำราญใจมากขึ้นอีกหน่อย
“เป็นอย่างไรเจ้าคะ งามหรือไม่” ต๋าจี่มองหลี่เนี่ยนฝานอย่างคาดหวัง
หลี่เนี่ยนฝานยิ้มบาง หัวเราะเย้าหยอก “ถ้าหากไม่มีรอยลิปสติกเปรอะมุมปาก ก็จะได้คะแนนเต็ม”
ต๋าจี่แค่นเสียงหึ “คนเขาเพิ่งแต่งหน้าครั้งแรก ยังควบคุมแรงไม่ได้ เลี่ยงไม่ได้ที่จะเปรอะเปื้อนบ้าง”
“เอาละ ต่อไปนี้จะให้พวกท่านชมอาหารเลิศรสซึ่งข้าเพิ่งสรรสร้างขึ้นมาใหม่!” หลี่เนี่ยนฝานยิ้มร่าพลางหยิบไอศกรีมออกมาจากตู้เย็น ท่าทางของเขานุ่มนวลแช่มช้าเพื่อไม่ให้ไอศก กรีมหักท่อน
ถึงอย่างไรเขาก็ทำพิมพ์ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ไอศกรีมมีรูปร่างและคงรูปแบบที่แน่ชัด ไม่มีทางทำเสียเรื่องได้
จักรพรรดิลั่วได้สติจากความตะลึงลาน เอ่ยว่า “คุณชายหลี่ อาหารนี้คือน้ำแข็งหรือ”
เขากินอาหารมานานนม ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีสิ่งที่กินตอนเป็นน้ำแข็งได้
“อื้ม แช่แข็งแล้วถึงกินคลายร้อนได้” หลี่เนี่ยนฝานพยักหน้า “ตู้เย็นนี้ใช้การได้ไม่เลว อาหารซึ่งถูกเก็บไว้ไม่บูดไม่เสียแม้แต่น้อย ทำไอศกรีมได้อย่างแน่นอน”
ตู้เย็น?
จักรพรรดิลั่วมองไปยังผลึกธาตุน้ำแข็ง
ย่อมเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ นี่เป็นถึงสมบัติล้ำค่าที่เก็บแช่แข็งได้แม้แต่อายุขัย คงความสดของอาหารมีหรือจะทำไม่ได้
ในตอนนั้นเอง หลี่เนี่ยนฝานก็หยิบไอศกรีมออกมาแบ่งให้ทั้งสามคน
จักรพรรดิลั่วรับไอศกรีมจากมือของหลี่เนี่ยนฝาน แต่แล้วก็ชะงักไป ดวงตาฉายแววตื่นตกใจ
ภายนอกของไอศกรีมแลดูธรรมดาดารดาษ เป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาวสีเหลือง ส่องประกายระยับบาดตาใต้แสงตะวัน กลิ่นหอมสดชื่นล่องลอย เย้ายวนใจยิ่งนัก
ลำพังมองดูไอศกรีมก็รู้สึกเย็นสดชื่นขึ้นมาแล้ว เป็นเพียงแท่งน้ำแข็งแท้ๆ แต่กลับคล้ายกับมีรสส้ม ต้องเป็นอาหารของเหล่าเซียนแน่ๆ!