ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 107 เรื่องประจบน่ะหรือ งานถนัดของข้าเลย
“เคร้งๆๆ!”
ผู้อาวุโสทั้งสามตามมาติดๆ นิ้วมือเคลื่อนไหวแคล่วคล่องบนสายฉิน
ท่วงทำนองเพลงฉินมีทั้งโศกเศร้า ทั้งเร่าร้อน ทั้งอหังการ ต่างกันออกไป
ในชั่วขณะ เพลงฉินบทแล้วบทเล่าล้วนไปกดอยู่ในตำแหน่งใจกลางร่างของฉินม่านอวิ๋น!
นี่คือวิถีเพลงฉิน แม้จะมิได้ใช้พลังตบะของตน แต่สำหรับผู้ฝึกวิถีฉินแล้วย่อมมีพลังสังหารมหาศาล
รูปแบบการบรรเลงเพลงฉินที่หลากหลายประเดประดังกันเช่นนี้มากพอให้จิตเต๋าผู้ฝึกฉินพังทลายได้!
ฉินม่านอวิ๋นนั่งขัดสมาธิ สองมือยกขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะดีดลงบนสายฉินอย่างแรง!
“เคร้ง!”
ทันทีที่เพลงฉินดังขึ้น คลื่นก็กระเพื่อมออกไปรอบด้านโดยมีนางเป็นแกนกลาง
ชั่วขณะที่มรรคาฉินทั้งห้าซึ่งแตกต่างกันนั้นกระทบกับทำนองเพลงฉินนี้ ก็ถึงกับนิ่งค้างอยู่ที่เดิมราวกับถูกหยุดไว้!
ความรู้สึกนี้เปรียบประหนึ่งเหล่าขุนนางพบหน้าองค์จักรพรรดิ แม้จักรพรรดิจะเพียงแค่เปล่งสุรเสียง แต่เหล่าขุนนางก็แทบไม่กล้าขยับเขยื้อนแล้ว!
ผู้อาวุโสทั้งห้าสีหน้าเปลี่ยนทันใด ฉายแววเหลือเชื่อ แม้ว่าพวกเขาจะกำลังดีดฉินอยู่ ทว่าลึกๆ ในใจก็เกิดความเคารพยำเกรงขึ้นมาเช่นกัน!
ก็เหมือนกับนักกระบี่ผู้มีพรสวรรค์เลิศล้ำ เมื่อพบกับเพลงกระบี่ชั้นยอด ในใจย่อมเกิดความรู้สึกเลื่อมใส เฝ้าคอยจะได้ยลโฉมหน้าที่แท้จริง
“เคร้งๆ!”
สองมือของฉินม่านอวิ๋นมิได้หยุดนิ่ง แต่กลับว่องไวขึ้นเรื่อยๆ เพลงฉินเริ่มเร่งเร็วและกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นกระแสลมก็โหมพัดขึ้นมา
เหนือศีรษะของผู้อาวุโสใหญ่ ขุนเขาสูงซึ่งก่อตัวจากหมู่เมฆก็เริ่มสั่นสะเทือน ก่อนจะถล่มครืนลงมา แปรเปลี่ยนเป็นเศษเมฆกระจัดกระจายพุ่งออกมา
“ฟู่ๆๆๆ”
กระแสลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ พานให้แทบลืมตาไม่ขึ้น
ลูกศิษย์อารามเต๋าหลินเซียนล้วนสูดลมหายใจเข้าลึก แหงนหน้ามองเทพธิดาผู้สง่างามราวหลุดพ้นจากโลกีย์ ไม่อาจแบ่งแยกชายหญิง ดวงตาฉายแววบ้าระห่ำ
ยามนั้น สมองก็ดังอื้ออึงจากเพลงฉินนี้ ถึงแม้เป้าหมายของฉินม่านอวิ๋นจะมิใช่พวกเขา ทว่าพวกเขาก็โดนหางเลขเข้าไปด้วย ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลเช่นกัน
กลางเวหากว้าง
หมู่เมฆขาวเหล่านั้นทะลักทลายอย่างคลุ้มคลั่ง หมุนตลบเหนือศีรษะของฉินม่านอวิ๋นชั้นแล้วชั้นเล่า ราวกับก่อตัวเป็นวังน้ำวน ไอปราณพวยพุ่งออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ทั่วทั้งใต้หล้าประหนึ่งหลงเหลือเพียงบทเพลงฉินของฉินม่านอวิ๋น ส่วนเพลงฉินของผู้อาวุโสทั้งห้าย่อมถูกมองข้ามไปโดยปริยาย หิ่งห้อยกระจิริดไหนเลยจะเทียบเทียมดวงจันทรา?
สองมือของผู้อาวุโสใหญ่กดฉินไว้ หมายจะบรรเลงบทเพลงต่อ กระนั้นกลับพบว่าตนมีใจหากแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง!
ผู้อาวุโสอีกสี่คนก็เป็นเช่นเดียวกัน
พวกเขาพลันบังเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบางอย่าง คล้ายกับว่าพวกเขาไม่คู่ควรจะใช้เพลงใดประชันกับเพลงฉินบทนี้ ถึงขั้นว่าในส่วนลึกของจิตใจก็ยังรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจจะบรรเลง ต่อไป
พวกเขาไม่อยากขัดจังหวะบทเพลงของฉินม่านอวิ๋น!
ท่วงทำนองเพลงฉินนี้ไพเราะ ปานประหนึ่งคำสอนสั่งจากมรรคาไหลรินสู่หัวใจของพวกเขา
ชั่วขณะนั้น ฉินม่านอวิ๋นก็ชนะแล้ว!
ทว่า…นางยังคงไม่หยุดมือ กลับเร่งทำนองให้เร็วขึ้น เข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งก็ว่าได้
นางค่อยๆ หลับตาลง เสียงเพลงโอบล้อมรอบกายดุจสายลม
ไม่สิ!
ความรู้สึกนี้ชอบกลนัก!
ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณชายหลี่ไม่ได้บรรเลงเพลงเช่นนี้
ในห้วงสำนึกของนางหวนระลึกถึงความรู้สึกมากมาย ความรู้สึกนี้ช่างคุ้นเคย ราวกับว่าพบเห็นในความฝันทุก
ค่ำคืน
“หวึ่งๆๆ!”
ในตอนนั้นเอง ฉินเบื้องหน้าผู้อาวุโสทั้งห้าก็ส่งเสียงร้องแผ่วเบา สายฉินสั่นไหวตามแรงลมเคล้าคลอไปกับเสียงเพลงฉินของฉินม่านอวิ๋น
เพลงฉินสอดประสาน!
“วาบๆๆ!”
สายลมพัดต้นไม้ใหญ่จนล้มโค่นระเนระนาด ราวกับคลื่นยักษ์ถั่งโถม ส่งเสียงร่ำร้อง
บนท้องฟ้า หมู่วิหคบินวนเวียนส่งเสียงร้องไม่ยอมไปไหน
ถึงขั้นที่แม้แต่สายลมก็มีจังหวะจะโคน
เพลงนี้คู่ควรกับใต้หล้านี้ยิ่งนัก!
“ม่านอวิ๋นกำลังจะทะลวงขั้นแล้ว!”
ผู้อาวุโสทั้งห้ามองฉินม่านอวิ๋น สายตาเปี่ยมไปด้วยความซับซ้อน ทั้งทอดถอนใจ ทั้งยินดีปรีดา
พวกเขามองดูฉินม่านอวิ๋นค่อยๆ เติบโตขึ้นทีละก้าว แต่อย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าเด็กหญิงตัวน้อยในตอนนั้นเติบโตขึ้นมากจนต้านทานพวกเขาทั้งห้าซึ่งรวมพลังกันได้
ผู้อาวุโสรองถอนหายใจยาวอย่างแผ่วเบา เอ่ยปากว่า “พวกข้าผิดไปแล้วจริงๆ ประมุขและเทพธิดาหาใช่คนธรรมดาสามัญ ในเมื่อบอกว่าเขาเป็นปรมาจารย์ก็ย่อมไม่ผิดแน่”
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า “เพียงหวังว่าปรมาจารย์จะไม่ถือโทษ หากถูกปรมาจารย์โกรธเกลียดเพราะเรื่องนี้ ต่อให้ข้าตายสักหมื่นครั้งก็ไม่อาจชดเชยได้!”
ครืน!
ท่ามกลางฟ้าดิน พลังปราณบ้าคลั่งพุ่งตลบเข้ามารวมตัวกันบนท้องนภาเหนือศีรษะฉินม่านอวิ๋น ผสานเข้ากับหมู่เมฆจนแลดูประหนึ่งกรวยกรอกน้ำขนาดมหึมา เป็นความยิ่งใหญ่ซึ่งปรากฏแก่สายตา า!
ผ่านไปชั่วครู่ พลังปราณซึ่งแผ่ปกคลุมทั่วแผ่นฟ้าก็ร่วงหล่นลง ราวกับว่าความตื่นรู้กำลังกรอกลงสู่ห้วงสำนึกของฉินม่านอวิ๋น!
พลังของฉินม่านอวิ๋นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พลังปราณในท้องฟ้าค่อยๆ อ่อนแอลง พลังของนางทบทวีแตะจุดสูงสุด!
หยวนอิง…ระดับปลาย!
เพลงฉินหยุดลงฉับพลัน
ในโสตประสาทของทุกคนกลับมีเพลงฉินดังกังวาน รู้สึกว่าในหัวใจนั้นว่างเปล่า ยังคงโหยหาอยู่ร่ำไป
ฉินม่านอวิ๋นค่อยๆ ลืมตาขึ้น ในดวงตาเปี่ยมความทอดถอนใจ แม้จะบอกว่าเมื่อครู่โชคดีที่กระจ่างขึ้นมาบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียว ระดับของปรมาจารย์นั้นนางไม่อาจเอื้อม ถึงเสียด้วยซ้ำ
“ยินดีกับเทพธิดาด้วยที่ทะลวงขั้นสำเร็จ”
ผู้อาวุโสใหญ่พาผู้อาวุโสทั้งสี่เดินมาพร้อมกันพลางเอ่ยอย่างจริงใจ “นี่คือเพลงฉินของปรมาจารย์หรือ ก่อนหน้านี้พวกข้าเป็นกบก้นบ่อ ถึงกับกล้าคลางแคลงในบทเพลงเซียนเช่นนี้ น่าล ละอายใจเหลือเกิน”
พูดจบ ผู้อาวุโสทั้งห้าก็ค้อมคำนับกลางอากาศให้บทเพลง ราวกับกำลังขอขมาต่อปรมาจารย์
ฉินม่านอวิ๋นส่ายหน้า “เพลงฉินของปรมาจารย์ยังเหนือกว่านี้มาก ข้ายังเล่นได้ไม่ถึงสองส่วนเลย ไม่อาจเรียกพวกท่านว่าเป็นกบก้นบ่อ เพียงแต่เพราะพลังของปรมาจารย์นั้นไม่อาจจินต ตนาการได้จริงๆ!”
เฮือก
นี่ นี่มัน
ผู้อาวุโสทั้งห้าเผยสีหน้าประทับใจ
ฉินม่านอวิ๋นบรรเลงได้ยอดเยี่ยม แต่บอกว่าตนเองยังบรรเลงได้ไม่ถึงสองส่วน เช่นนั้นปรมาจารย์จะดีดฉินได้เลิศล้ำเพียงใดกัน
ไม่กล้าจินตนาการ แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว!
ผู้อาวุโสใหญ่มองไปยังฉินม่านอวิ๋นด้วยความรู้สึกกระวนกระวายระคนคาดหวัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “โน้ตเพลงนี้ปรมาจารย์มอบให้พวกเราแล้วหรือ”
ฉินม่านอวิ๋นพยักหน้า
“ดีเหลือเกิน! ดีเหลือเกิน!” ผู้อาวุโสทั้งห้าใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น จนควบคุมตัวเองไม่ได้ แทบลมจับไปเสียแล้ว “นี่เป็นวาสนาของอารามเต๋าหลินเซียนของพวกเราโดยแท้ วาสนาครั้ งใหญ่เชียวละ! โน้ตเพลงนี้เป็นบทเพลงเซียน ช่วยให้อารามเต๋าหลินเซียนของพวกเราธำรงอยู่ชั่วนิรันดร์!”
“จริงสิ ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกพวกท่าน” ฉินม่านอวิ๋นชะงักไป ก่อนจะพูดต่อ “อันที่จริงฉินจิตสวรรค์ของอาจารย์ข้า ก็ได้ไผ่ประจักษ์มรรคาที่ปรมาจารย์มอบให้มาซ่อม ไผ่ประจักษ์มรรคานั นนับเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับพวกเรา แต่สำหรับปรมาจารย์กลับไร้ค่า เห็นเป็นเพียงเศษขยะ”
หวึ่ง!
สมองของผู้อาวุโสทั้งห้าแทบแยกเป็นเสี่ยงๆ แทบไม่เชื่อหูของตน ทั้งร่างมึนงงสับสน
ไผ่ประจักษ์มรรคา?
นี่ นี่ นี่มัน…
เหลือเชื่อเกินไปแล้ว! น่ากลัวเหลือคณา!
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเหตุใดเทพธิดาและประมุขถึงได้ถือคำของปรมาจารย์ว่าเป็นวาจาศักดิ์สิทธิ์ พยายามประจบปรมาจารย์โดยไม่เสียดายสิ่งใด!
หากเป็นพวกเขา ก็ยิ่งช่ำชอง ประจบประแจงเก่งเข้าไปใหญ่!
ผู้อาวุโสรองกล่าวเสียงสั่น “สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ”
ฉินม่านอวิ๋นยิ้มบาง ถามย้อนว่า “ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า”
“ปรมาจารย์ ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า!”
ผู้อาวุโสใหญ่ส่งเสียงแหลมสูงทันใด ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่กว่ากระไร “พวกเราจะ
ต้องเอาอกเอาใจเขา!”
ฉินม่านอวิ๋นผ่อนลมหายใจยาว เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้ากับอาจารย์ไม่อยากให้เรื่องของปรมาจารย์แพร่งพรายออกไป จึงปิดบังไว้”
“เข้าใจ ข้าเข้าใจ!”
ผู้อาวุโสทั้งห้าเอ่ยขึ้นพร้อมเพรียงกัน “นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก! พวกเราสาบานด้วยจิตเต๋าว่าจะไม่แพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว!”
“เป็นเช่นนั้นย่อมดีที่สุด!” ฉินม่านอวิ๋นพยักหน้า
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยถาม “จริงสิ เมื่อครู่พวกเจ้าบอกว่าจะช่วยบรรเทาเรื่องร้อนใจของปรมาจารย์”
จักรพรรดิลั่วพยักหน้าตอบ “มิผิด ปรมาจารย์อยากกินพรายน้ำในทะเลสาบจิ้งเยวี่ย พวกข้ากำลังเตรียมจะไปจัดการ”
ผู้อาวุโสใหญ่รีบร้อนเอ่ย “เช่นนั้นรออะไรอยู่เล่า ข้าไปด้วย รีบไปเร็ว!”
ผู้อาวุโสรองเองก็กล่าวว่า “ได้รับใช้ปรมาจารย์นับเป็นเกียรติของข้า เมื่อครู่ข้าคลางแคลงปรมาจารย์ จำต้องชดเชย!”
ผู้อาวุโสอีกสามคนก็ทะยานลำแสงออกไปด้วยความตื่นเต้น “ไปด้วย ไปด้วย!”