ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 108 เรื่องสุดยอดพรรค์นี้ข้าเอาไปคุยโวได้ทั้งชีวิต
- Home
- ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน
- ตอนที่ 108 เรื่องสุดยอดพรรค์นี้ข้าเอาไปคุยโวได้ทั้งชีวิต
ทะเลสาบจิ้งเยวี่ย
ผืนทะเลสาบกว้างใหญ่ ด้วยมีทิวเขาโอบล้อมและผลกระทบจากสภาพภูมิประเทศ จึงแลดูเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวประทับทาบลงบนพื้นดิน
ผิวทะเลสาบราบเรียบ ส่องสะท้อนแสงตะวันเป็นประกายระยับ
ต้นกำเนิดของทะเลสาบจิ้งเยวี่ยมาจากทะเลฝั่งตะวันตก ไหลมาจนเกิดเป็นทางทรงคว่ำ กลายเป็นสายน้ำใหญ่ แบ่งแยกแผ่นดินบำเพ็ญเซียนเป็นเหนือใต้
กล่าวกันว่าทะเลสาบจิ้งเยวี่ยนั้นเป็นมารดาแห่งสายน้ำซึ่งหล่อเลี้ยงปุถุชน
ในทะเลสาบมีทั้งปลาทั้งกุ้ง สำหรับชาวประมงแล้วนับว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีหาสิ่งใดเปรียบ
เพียงแต่ว่า ทะเลสาบจิ้งเยวี่ยซึ่งเดิมทีพลุกพล่านไปด้วยเรือหาปลา บัดนี้กลับเงียบสงัดขึ้นมาชอบกล ถึงขนาดว่าโดยรอบนับหลายลี้นั้นร้างเงาผู้คน
แต่ไม่ว่าจะในทะเลสาบหรือริมทะเลสาบก็ล้วนมองเห็นซากปรักหักพังของเรือประมง ชวนให้ตื่นตกใจยิ่งนัก
และในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฏตัวริมทะเลสาบจิ้งเยวี่ย ก้าวขาเดินไปอย่างระแวดระวัง ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย
ใบหน้าของเขาแฝงความลังเล ไม่รู้ว่าควรเสี่ยงอันตรายหรือไม่
ท้ายที่สุดเขาก็กัดฟัน กระนั้นก็ยังค่อยๆ เดินตรงไปยังทะเลสาบจิ้งเยวี่ย
หากคุณชายหลี่อยู่ที่นี่จะต้องจำได้แน่ว่าบุรุษผู้นี้คือเถ้าแก่เจ้าของแผงขายปลาซึ่งหลี่เนี่ยนฝานแวะไปซื้ออยู่บ่อย
ครั้ง
เถ้าแก่เจ้าของแผงเดินมายังริมฝั่งอย่างแคล่วคล่อง มาถึงขอนไม้ริมทะเลสาบ ก่อนจะเริ่มดึงแหดักปลาบนขอนไม้อย่างว่องไว
ที่แท้ เขาได้เสี่ยงอันตรายมาทอดแหที่นี่ก่อนหน้านี้หลายวัน รอเพียงโอกาสอันเหมาะสมมาเก็บเกี่ยวผล
‘ปีศาจไม่ได้เก่งกาจไปเสียทุกอย่างสักหน่อย ข้าคงไม่ได้โชคร้ายพบเข้าหรอก’ เถ้าแก่เจ้าของแผงนึกร้อนรนอยู่ในใจ มือซึ่งดึงแหอยู่นั้นสั่นเทิ้มเล็กน้อย เพียงแต่ว่าครานี้แหดักปลา คล้ายกับจะหนักขึ้นอยู่บ้าง
นั่นเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ได้นั้นไม่น้อยเลย ทว่าเถ้าแก่เจ้าของแผงกลับดีใจไม่ออก
“เร็วหน่อยสิ!”
เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นบนหน้าผากของเถ้าแก่ สองมือเขียวคล้ำบวมเป่ง ดึงสุดแรงเกิด
ในที่สุด แหดักปลาก็ค่อยๆ หดลง มีท่าทีว่ากำลังจะสาวขึ้นจนสุดแล้ว
“ใกล้แล้ว!” เถ้าแก่สีหน้าพลันปลื้มปีติ ออกแรงลากยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังอดเคลิบเคลิ้มในความสุขไม่ได้
“รอข้าจับปลาเสร็จ ก็จะเอาไปคุยได้ทั่วทุกสารทิศแล้ว นี่เป็นความรุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิตการจับปลาของข้า มีเรื่อง
ไปคุยโวได้แล้ว! อีกอย่าง ครั้งก่อนคุณชายหลี่รังเกียจที่ปลามีน้อยชนิดนัก เอาไว้เขารู้ว่าข้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาจับปลาที่ทะเลสาบจิ้งเยวี่ย ได้ปลามามากมายเพียงนี้ ต้องตก กใจอย่างแน่นอน จากนี้ต้องชื่นชมข้าขึ้นอีกเป็นแน่! สิ่งที่เรียกว่าทรัพย์ศฤงคารได้มาจากภยันตรายย่อมไม่เสียแรงที่ข้าเสี่ยงตายมา!”
พอคิดดูแล้ว มุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้ม ทั้งร่างพลันกระปรี้กระเปร่า
“ผลุบ!”
แหดักปลาลอยขึ้น ฝูงปลาในจินตนาการมิได้กระดอนขึ้นมาด้วย สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็คือหัวปลาขนาดใหญ่!
ลำพังหัวปลาก็ใหญ่เท่าเจ้าของแผงแล้ว ปากของมันอ้ากว้าง ฟันซี่แหลมประกายวาบน่ากลัว ด้านล่างของส่วนหัวถูกบางอย่างกัดขาด เลือดสดไหลนอง ย้อมผิวน้ำจนแดงฉาน
เถ้าแก่เจ้าของแผงทรุดฮวบลงบนพื้นอย่างตื่นตระหนก ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ “ปะ…ปีศาจ!”
จากนั้น เงาร่างขนาดมหึมาก็พุ่งขึ้นจากน้ำฉับพลัน
“ซู่!”
น้ำในทะเลสาบสาดกระเซ็น หัวปลานั้นก็พลันถูกปากอันใหญ่โตมโหฬารกลืนลงไป!
เมื่อจ้องมองให้ดี ก็พบว่าเป็นเป๋าฮื้อสีดำมิดหมีและมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์เสียอีก!
“ปีศาจ ปีศาจ!”
เถ้าแก่เจ้าของแผงตกใจกลัวจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง ทว่าจิตใจของเขายังพอทนไหว ไม่ถึงกับหวาดผวาจนขยับเขยื้อนเคลื่อนกายไม่ได้ เขาหวีดร้องเสียงหนึ่ง ก่อนจะหันหลังสับเท้าวิ่งหนี สุดชีวิต!
ด้านหลังของหอยเป๋าฮื้อมีเปลือกยักษ์ใหญ่ทั้งแข็งทั้งหนา เนื้อซึ่งยื่นออกมาเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ก่อเกิดแรงดูดมหาศาล ดูดไปทางเถ้าแก่เจ้าของแผง
เถ้าแก่เจ้าของแผงวิ่งไปกอดต้นไม้ใหญ่อย่างยากลำบาก ทว่ายังไม่ทันได้หายใจหายคอ ก็ปลิวหลุดจากพื้นตาม
ต้นไม้ใหญ่ ลอยลิ่วไปทางหอยเป๋าฮื้อแล้ว
“ข้าตายแน่ ข้าตายแน่!”
ร่างของเจ้าของแผงลอยล่องกลางอากาศ สมองขาวโพลน มีเพียงสามคำนี้วกไปเวียนมาอยู่ในสมอง น้ำตาเอ่อท้นออกมาจากขอบตา
“เจ้าเดรัจฉาน กล้าทำร้ายคนเชียวรึ”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังน่าเกรงขามลอยมา
“เคร้ง!”
ตามมาติดๆ ด้วยเสียงฉินแข็งกร้าวทรงพลัง ถึงแม้จะมีเพียงเสียง แต่ก็ทำให้น้ำโดยรอบพุ่งกระจายอย่างบ้าคลั่ง
ฟ้าดินแทบถล่มทลาย!
น้ำในทะเลสาบก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์ลูกหนึ่ง ทำให้ภูตเป๋าฮื้อถูกกดไว้กับพื้น ไม่อาจเขยื้อนกาย!
“ตุ้บ!”
เถ้าแก่เจ้าของแผงปลาคนนั้นร่วงลงกับพื้น ดูประหนึ่งวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้ว เมื่อกระแทกลงคราหนึ่งจึง
ได้สติกลับมา
เขามองไปยังภูตเป๋าฮื้อซึ่งถูกพลังกดไว้ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว จากนั้นจึงหันหลังสับเท้าหนี
“ข้ารอดแล้ว ข้ารอดแล้ว!” ความตื้นตันหลังมีชีวิตรอดทำให้สมองของเขาพลิกอย่างฉันพลัน “สุดยอดไปเลย ข้า
เพิ่งจะหนีรอดจากปากปีศาจ นี่มันสุดยอดจนเอาไปคุยได้ชั่วชีวิตเลยละ”
ผู้อาวุโสใหญ่ลูบเครา หัวเราะอย่างพอใจ “ภารกิจสำเร็จ รีบไปนำเป๋าฮื้อตัวนั้นไปมอบให้ปรมาจารย์”
ทุกคนพยักหน้ายิ้มรับ “ดียิ่งนัก ดียิ่งนัก!”
ในตอนนั้น จักรพรรดิลั่วกลับสังเกตเห็นลั่วซืออวี่ซึ่งยืนนิ่งอึ้งอยู่ด้านข้าง จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ซืออวี่ เจ้าเป็นอะไรไป”
ลั่วซืออวี่กลืนน้ำลาย รู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนเต้นโครมคราม ตอบด้วยเสียงแหบพร่า “คนเมื่อครู่นี้ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็น…เจ้าของแผงขายปลาที่คุณชายหลี่ซื้ออยู่เป็นประจำ”
เจ้าของแผงขายปลาที่คุณชายหลี่ซื้อเป็นประจำ?
ทุกคนขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาล้วนเป็นผู้มีปัญญา เพียงชั่วขณะเดียว ความหวั่นกลัวก็ถั่งโถมขึ้นสุมอก ทำให้สมองของพวกเขาชาวาบ จะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่รอมร่อ
ท้ายที่สุด ความสะพรึงกลัวของทุกคนก็กลายเป็นลมเย็นเฉียบ!
เฮือก
ยิ่งคิดยิ่งน่ากลัว ยิ่งคิดยิ่งน่ากลัว!
ฉินม่านอวิ๋นเอ่ยปากอย่างสั่นเทิ้ม “คุณชายหลี่เลือกให้พวกเรานำโน้ตเพลงมาส่งวันนี้ กอปรกับมีคำใบ้มากมายให้พวกเรามา หรือจะเป็นเพราะเขาคำนวณทุกอย่างไว้แล้ว จึงอยากให้พวกเราม มาช่วยคนไปเสียด้วยเลย”
จักรพรรดิลั่วสูดลมหายใจเข้าลึก “เป็นไปได้มาก! โชคดีที่พวกเราเข้าใจคำใบ้ของปรมาจารย์ มิเช่นนั้นหากไม่ได้ ช่วยเจ้าของแผง มีหวังพลอยทำให้คุณชายหลี่ขุ่นเคืองใจ”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึมหนักแน่น “ใช่แล้ว แม้ว่าเจ้าของแผงจะเป็นเพียงปุถุชน แต่ปรมาจารย์ให้ความสำคัญกับโชคชะตาเป็นที่สุด ในเมื่อเขาไปซื้อปลาที่นั่น ก็ย่อมมีวาสนาต่อก กันอยู่บ้าง ได้ช่วยเหลือกันก็นับเป็นการผูกไมตรีจิต”
ผู้คนต่างยินดีปรีดา เคราะห์ดีที่พวกตนไม่กล้านิ่งนอนใจต่อสิ่งที่ปรมาจารย์บอกกล่าวแม้แต่น้อย จึงได้มาช่วยชีวิตเจ้าของแผงปลาผู้นั้นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน!
บงการใต้หล้า ทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ใต้การควบคุม กลับใช้ร่างของปุถุชนมาคลุกคลีบนโลกมนุษย์ ไม่อาจลงมือด้วยตนเอง จึงจะนับว่าเป็นแนวทางของปรมาจารย์!
หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดของปรมาจารย์ก็ล้วนต้องขบคิดและจำต้องทำให้สำเร็จเป็นอันดับแรก!
ผู้อาวุโสใหญ่ปรับสภาพจิตใจ ก่อนจะกล่าวว่า “เอาละ พวกเจ้ารีบนำภูตเป๋าฮื้อนี้ไปมอบให้คุณชายหลี่! พวกข้าก็ไม่ต้องไปแล้ว”
“อื้ม” ฉินม่านอวิ๋นพยักหน้า พาจักรพรรดิลั่วและลั่วซืออวี่บอกลาผู้อาวุโสทั้งห้า แล้วจึงทะยานลำแสงมุ่งหน้าไปยังเรือนสี่ประสานของหลี่เนี่ยนฝาน
………………………………………….